บทที่ 61 ถ้อยทีถ้อยอาศัย

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

เรื่องต่อไปก็เรียบง่ายมาก

และง่ายสำหรับเฉินปิ่งเซิงและจางจื้อซินเช่นกัน เพียงแต่ครั้งนี้มีการสลับบทบาทเกิดขึ้น

ภายใต้การร่วมแรงร่วมใจของเฉินชาง คาบเรียนบรรยายและการแสดงผ่าตัดที่มีจางจื้อซินและเฉินปิ่งเซิงเป็นผู้นำก็ค่อยๆ เปลี่ยนไปเป็นคาบเรียนฝึกอบรมของเฉินชางที่มีโทรศัพท์มือถือคอยถ่ายไว้ตลอด

การผ่าตัดไส้ติ่งเสร็จสิ้นไปหลายเคส

พยาบาลที่อยู่ในห้องผ่าตัดติดกันเดินมาเร่ง “หมอหลิวคะ การผ่าตัดเคสต่อไปจะเริ่มแล้ว คุณมารมยาให้หน่อยค่ะ”

หลิวเจี้ยนแลบลิ้นอย่างไม่พอใจ “เสี่ยวเฉิน เห็นการผ่าตัดของคุณแล้วทำให้ผมรู้สึกดีจริงๆ!”

“วันหลังถ้าคุณจะผ่าตัดก็บอกผมก่อนนะครับ ผมจะมารมยาให้!” พูดจบก็เดินออกไปทันทีทิ้งไว้เพียงพยาบาลที่มีสีหน้าแปลกใจ ถึงอย่างไรหลิวเจี้ยนก็เป็นวิสัญญีแพทย์ชั้นยอด เชี่ยวชาญทักษะการผ่าตัดมาก ทำให้การผ่าตัดมีอัตราความปลอดภัยสูง หมอส่วนใหญ่อยากให้เขามาเป็นวิสัญญีแพทย์ในการผ่าตัดของตน

แม้แต่หัวหน้าแผนก หากจะผ่าตัดก็ยังชอบไปขอความร่วมมือจากหลิวเจี้ยน

แต่ครั้งนี้…หลิวเจี้ยนขอเป็นวิสัญญีแพทย์ด้วยตัวเอง หาได้ยากจริงๆ

เธอเงยหน้าขึ้นมองเฉินชาง นอกจากหล่อแล้วก็ไม่มีจุดเด่นอื่น!

ขณะนี้ จางจื้อซินและเฉินปิ่งเซิงยังอยู่ที่นั่น ได้ยินเสียงพวกเขาสองคนกระซิบกระซาบกันเบาๆเหล่าเฉิน “การแยกไส้ติ่งเมื่อครู่นี้ดีมากนะครับ แต่ผมมีคำถามนิดหน่อย ทำไมถึง…”

เหล่าจาง “ผมเองก็ไม่รู้! คุณถามเสี่ยวเฉินดูสิ”

เหล่าเฉินหน้าดำ “ครั้งนี้ถึงตาคุณแล้ว คุณไปถามสิ ผมเพิ่งถามไปเอง ถ้าถามอีกก็ดูปัญญาอ่อนแล้ว”

เหล่าจางหน้าแดง บิดตัวอย่างเขินอาย “ผมถูกเขาตำหนิมาหลายครั้งแล้ว ไม่มีหน้าถามแล้วครับ…ยังไงซะ…ผมเป็นเถ้าแก่ของเขานะ!”

เหล่าเฉินย่นหน้า “ผมเป็นอาจารย์ของเขานะ!”

……

……

พวกเขาเดินออกจากห้องผ่าตัดด้วยกัน กลับไปยังห้องเปลี่ยนชุด

เฉินปิ่งเซิงบิดขี้เกียจ “เสี่ยวเฉิน ส่งเสื้อคลุมไปที่วอร์ดให้ผมหน่อยนะครับ เอาไปซักพร้อมกันพรุ่งนี้ ผมไม่ไปแล้ว”

เฉินชางพยักหน้า “ครับหัวหน้า”

เมื่อได้ยินอีกฝ่ายเรียกว่าหัวหน้า เฉินปิ่งเซิงพลันรู้สึกว่าความอึมครึมตลอดเช้าหายไปทันที ถอนใจอย่างสบายอารมณ์ รู้สึกอากาศบริสุทธิ์ขึ้นมาก ช่างมีความสุขจริงๆ

จางจื้อซินเห็นท่าทางเช่นนี้ก็รู้สึกไม่พอใจ “เสี่ยวเฉิน วันเสาร์อย่าลืมมานะครับ ถึงตอนนั้นผมจะให้คุณเป็นคนเย็บแผล ให้คุณจัดการผ่าตัดตาสองชั้นด้วยตัวเองหนึ่งเคส!”

เฉินชางได้ยินก็ดวงตาเป็นประกาย เขาอยากลองดูนานแล้ว นี่เป็นเรื่องดี!

เขารีบพูดออกไปว่า “ได้ครับ! ไม่มีปัญหาครับเถ้าแก่จาง!”

จางจื้อซินพยักหน้าอย่างพึงพอใจ “อืม คุณต้องทำให้ดีนะครับ ต่อไปผมจะให้คุณทำเอง”

เฉินชางได้ฟังคำพูดนี้ก็ยิ้มหวาน ถึงอย่างไรนี่ก็เป็นประโยชน์กับเขามาก การผ่าตัดตาสองชั้นเคสหนึ่งทำเงินได้หนึ่งพันหยวน ไม่เหมือนการผ่าตัดไส้ติ่งเมื่อครู่นี้ อาจารย์หมอเจ้าของไข้อย่างจางจื้อซินยังได้ไม่ถึงหนึ่งร้อยหยวนด้วยซ้ำ

เฉินชางพูดว่า “เถ้าแก่จางใจกว้างจริงๆ!”

ตอนนี้เป็นเวลาประมาณหกโมงแล้ว เฉินชางยังไม่ได้กลับบ้าน เขาต้องรีบไปดูบันทึกผู้ป่วยเสียก่อน ดูว่าผู้ป่วยไม่เป็นอะไรแล้วจึงค่อยเลิกงานได้

เมื่อมาถึงห้องทำงานจึงเพิ่งนึกได้ว่าลืมเอา UK มาด้วย (เป็นที่เก็บข้อมูลคล้าย USB และ Flash Drive ซึ่งใช้สำหรับบันทึกข้อมูลในโรงพยาบาล) เขาลืมไว้ที่ตู้เสื้อผ้าในห้องเปลี่ยนเสื้อของห้องผ่าตัด

เขารีบร้อนลงไปเอา UK แล้วจึงไปเข้าห้องน้ำ

ในห้องน้ำ จู่ๆ ก็ได้ยินเสียงดังแว่วมาจากด้านนอก เมื่อลองฟังดูก็รู้สึกคุ้นเคยอยู่บ้าง ซึ่งก็คือจางโหย่วฝูและจางจื้อซินแห่งแผนกศัลยกรรมทั่วไปนั่นเอง

เพราะความอยากรู้อยากเห็นจึงกางหูรอฟัง

จางโหย่วฝูเดินออกมาจากห้องผ่าตัด พบจางจื้อซินเข้าพอดี เมื่อเห็นเขาก็ชักสีหน้าถามว่า “วันนี้เป็นอะไรล่ะครับ?”

จางจื้อซินแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ ยิ้มออกมา “หัวหน้าแผนกมีอะไรหรือครับ?”

จางโหย่วฝูกล่าวเสียงขรึม “ผมให้คุณมอบเคสผ่าตัดไส้ติ่งในมือให้โจวเสี่ยวตงไปทำไม่ใช่หรือครับ? เขามีแข่งวันมะรืน ควรให้เขาฝึกเยอะๆ หน่อย ถ้าผ่าน วันเสาร์ก็จะได้บรรจุแล้ว ในฐานะที่เป็นสมาชิกของแผนกเรา คุณต้องช่วยเหลือเสี่ยวโจวด้วยนะครับ!”

จางจื้อซินยิ้มกระอักกระอ่วน “หัวหน้าแผนกครับ การผ่าตัดสามเคสนี้ค่อนข้างพิเศษ เข้าโรงพยาบาลมาเพราะมีความสัมพันธ์กับผม ผมจำเป็นต้องลงมือด้วยตัวเอง”

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ จางโหย่วฝูก็แค่นเสียงเย็นออกมา “พยาบาลในห้องผ่าตัดบอกกับผมว่าการผ่าตัดเมื่อครู่นี้คุณให้เฉินชางแผนกฉุกเฉินคนนั้นเป็นคนทำชัดๆ แล้วเฉินปิ่งเซิงก็ไปด้วย ผมบอกคุณไปกี่ครั้งแล้วว่าวันๆ อย่าเอาแต่ขลุกอยู่กับเฉินปิ่งเซิง คุณอยู่แผนกศัลยกรรมทั่วไป เขาอยู่แผนกฉุกเฉิน คุณต้องเข้าใจจุดยืนของตัวเองให้ดีนะครับ”

จางจื้อซินคิดว่าอีกฝ่ายทำตัวงี่เง่าจริงๆ “แค่กๆ เป็นหมอโรงพยาบาลเดียวกันทั้งนั้น พวกเรากับแผนกฉุกเฉินก็ต้องร่วมมือกันผ่าตัดบ่อยๆ อีกอย่างผมกับเหล่าเฉินเป็นเพื่อนสมัยเรียนกัน เมื่อกี้พบกันโดยบังเอิญ สลัดไม่หลุดนะครับ”

จางโหย่วฝูได้ยินก็รู้สึกไม่พอใจ อดถอนใจไม่ได้ “จื้อซิน เรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวต้องแบ่งแยกชัดเจน ผมปฏิบัติต่อคุณไม่เลวเลยใช่ไหมครับ? เรื่องทำคลินิกเสริมความงามด้านนอกของคุณผมก็ไม่เคยเอามาพูด แต่งานในหน่วยคุณก็ต้องพยายามเต็มที่ ในฐานะที่เป็นสมาชิกของแผนกศัลยกรรมทั่วไปของพวกเรา คุณต้องทำงานให้แผนกบ้างนะครับ?”

จางจื้อซินได้ยินคำพูดประโยคนี้ ในใจพลันรู้สึกไม่สบายใจ เห็นได้ชัดว่าเอาเรื่องที่เขาทำคลินิกเสริมความงามด้านนอกมาข่มขู่

ทั่วทั้งโรงพยาบาลนี้มีใครบ้างไม่ทำงานด้านนอก? หัวหน้าแผนกจางโหย่วฝูอย่างคุณ วันๆ ก็เอาแต่แล่นไปแล่นมาด้านนอกนั่น แตกต่างอะไรกันล่ะ?

แต่อย่างไรเขาก็ทำอะไรไม่ได้ ระบบภายในเป็นแบบนี้ อีกฝ่ายเป็นหัวหน้าแผนก คุณต้องให้ความร่วมมือกับหัวหน้าทำงานไปดีๆ เชื่อฟังคำสั่งหัวหน้า ต้องเข้าใจอีกฝ่ายให้ได้ด้วย!

จางจื้อซินพยักหน้า “ได้ครับหัวหน้าแผนก ผมเข้าใจแล้ว วันหลังจะใส่ใจให้มาก ผมยังมีธุระที่บ้าน ขอตัวก่อนนะครับ”

พูดจบจางจื้อซินก็เดินจากไป

จางโหย่วฝูไม่ได้พูดอะไร แค่นเสียงเย็นครั้งหนึ่งแล้วเดินออกไป

ทิ้งไว้เพียงเฉินชางที่เงียบอยู่ในห้องน้ำ…

การหาเรื่องหัวหน้าแผนกของตัวเองไม่ใช่เรื่องดีอะไร เรื่องจำพวกการใช้อำนาจเบียดเบียนผู้อื่น เฉินชางเห็นมามากแล้ว

ตอนแรกที่แผนกกระดูกมีหมออาวุโสคนหนึ่ง ทำงานอยู่ในโรงพยาบาลมายี่สิบกว่าปี ฝีมือไม่เลว โดยเฉพาะการผ่าตัดเขาทำได้ดีเป็นพิเศษ ทั้งยังได้รับคำชมเชยจากผู้ป่วยด้วย ตอนนั้นหัวหน้าแผนกคนเก่าเกษียณแล้ว หมออาวุโสท่านนี้หวังว่าตนจะได้เลื่อนขั้น แต่กลับถูกคนอื่นบีบบังคับ

หมออาวุโสย่อมไม่พอใจ แต่ทำได้แค่เก็บกลืนไว้ในท้อง ไม่กล้าพูดออกมา

หัวหน้าแผนกคนใหม่ไม่ถูกกับหมออาวุโส และทนเห็นอีกฝ่ายผ่าตัดดีกว่าตัวเองไม่ได้ ถึงอย่างไรก็เป็นหมอที่มีตำแหน่งต่ำกว่า หากยอดเยี่ยมกว่าหัวหน้าแผนกอย่างคุณ คนอื่นเขาจะพูดอย่างไรล่ะ?

ดังนั้นเขาจึงไล่หมออาวุโสคนนั้นไปที่แผนกผู้ป่วยนอกโดยใช้ข้ออ้างว่า “คุณผ่าตัดยอดเยี่ยมขนาดนี้ก็ให้โอกาสคนหนุ่มสาวสักหน่อยเถอะครับ ไปนั่งเฝ้าประตูแผนกผู้ป่วยนอกสักหน่อยเถอะ”

ประโยคเดียวก็จัดให้หมออาวุโสไปอยู่แผนกผู้ป่วยนอกได้เลย การไปครั้งนี้นานเป็นปีๆ อีกทั้งยังไม่ให้โอกาสทำการผ่าตัดในแผนก ทำให้ฝีมือค่อยๆ ด้อยลง ย่ำแย่ลงเรื่อยๆ สุดท้ายก็ลาออกจากโรงพยาบาลไป

บางครั้งบรรยากาศในแผนกก็ค่อนข้างย่ำแย่…

นอกจากว่าคุณจะมีประสบการณ์อันน่าภาคภูมิใจหรือมีลักษณะภายนอกเย้ายวนผู้คน…หรือไม่คุณก็ต้องมีทักษะเหนือคนอื่นไปมาก การผ่าตัดนี้คุณทำได้ คนอื่นทำไม่ได้ เช่นนั้นก็แล้วไป

ตอนนี้คุณแค่ยอดเยี่ยมเล็กน้อย ไม่นับเป็นอะไรได้ ยังคงดิ้นไม่หลุดจากการถูกผู้อื่นบีบบังคับ

เมื่อคิดถึงความช่วยเหลือของจางจื้อซินในวันนี้ เฉินชางก็รู้สึกซาบซึ้งใจ

ในใจมีแผนการณ์มากมาย

บางทีคงมีเวลาได้ตอบแทนกัน!