ตอนที่ 66 แม่ไก่กำลังฟักไข่

ทะลุมิติไปเป็นเศรษฐีนียุค 80 [重生八零致富记]

ตอนที่ 66 แม่ไก่กำลังฟักไข่

ซูตานหงที่อยู่ไฟหลังคลอดในช่วงเดือนนี้รู้สึกไม่สบายเนื้อตัวเหลือเกิน

เห็นชัดว่าอุ้งเชิงกรานของเธอสมานตัวเร็วอย่างยิ่ง ภายใน 10 วันเธอก็รู้สึกว่าร่างกายตัวเองกลับมาเป็นปกติแล้ว

เธอรู้แล้วว่าทำไมร่างกายของตัวเองถึงปรับตัวได้ดีนัก ดูเหมือนว่าเธอจะขาดน้ำวิเศษไม่ได้เสียแล้วสิ ถ้าดื่มไปตลอดปีแล้วเธอจะกลายเป็นเซียนไหมนะ?

ยิ่งดื่มก็ยิ่งสุขภาพดี

หญิงสาวจึงมั่นใจว่าสุขภาพร่างกายของเธอจะแข็งแรงแน่นอนและรู้สึกอยากชำระล้างร่างกายขึ้นมา เหงื่อไคลตั้งแต่ช่วงคลอดบุตรจนถึงตอนนี้ก็ได้รับการเช็ดออกไปเพียงครั้งเดียว ทำให้เธอรู้สึกไม่สบายตัวเหลือเกิน

แต่จี้เจี้ยนอวิ๋นก็เอาแต่ห้ามและปลอบภรรยาอย่างนุ่มนวลแทน ด้วยกลัวว่าเธอจะเจ็บป่วยในขณะอยู่ไฟหลังคลอด ซึ่งในปีนั้นคุณแม่จี้มีอาการเจ็บป่วยในระหว่างอยู่ไฟด้วย ทันทีที่ถึงฤดูหนาวนางก็ปวดเมื่อยบั้นเอวอยู่เสมอ คุณป้าหยางเองก็เป็นเช่นกัน ซึ่งคนในยุคนั้นล้วนไม่มีทางเลือกแต่อย่างใด

ดังนั้นจี้เจี้ยนอวิ๋นจึงกังวลว่าเธอจะไม่สบายในระหว่างรักษาตัวหลังคลอด นอกจากนั้นมันยังเป็นเรื่องได้ไม่คุ้มเสีย ปกติช่วงนี้ก็อาบน้ำกันเดือนละครั้งไม่ใช่เหรอ?

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่ออากาศในขณะนี้เย็นลง ในหมู่พวกเขาแล้วนี่เป็นเรื่องธรรมดาสามัญมากเลยถูกไหม?

ในบ้านของพวกเขามีใครคนไหนบ้างที่อาบน้ำทุกวัน?

ภรรยาของเขาเป็นคนขี้เกียจอยู่เสมอ แต่เธอดูเปลี่ยนไปตั้งแต่ตอนที่เขากลับมาคราวที่แล้ว วันที่เขากลับมา เขาก็ได้เจอกับเธอตอนเช็ดตัวเข้าพอดี ในตอนที่เขาเห็นน้ำเหลือทิ้งดูไม่สะอาดนัก เธอก็ทำหน้าตาแบบอับอายเกินทน

ดูเหมือนว่านับจากครั้งนั้นเป็นต้นมา เธอก็ยืนกรานว่าจะต้องอาบน้ำทุกวัน ต่อให้ไม่มีเหงื่อออกก็ขอให้ได้ล้างตัว ถ้าการอาบน้ำเป็นเรื่องไม่สะดวกนักในฤดูหนาว เธอก็จะถืออ่างน้ำกลับเข้าห้องไปเช็ดตัวแทน

แต่อย่างไรก็ตาม จี้เจี้ยนอวิ๋นก็ชอบตรงที่เธอรักความสะอาด

แต่นั่นก็เป็นตอนปกติไม่ใช่หรือ? ตอนนี้เธอกำลังอยู่ไฟหลังคลอด จะให้เธอแตะน้ำได้อย่างไร?

“เจี้ยนอวิ๋น ฉันไม่ได้แตะน้ำมากนักหรอกค่ะ ไปเอาหม้อน้ำร้อนมาให้ฉันเถอะ ฉันจะรีบเช็ดตัวเร็ว ๆ ตราบใดที่ฉันไม่ได้เป็นหวัดก็คงไม่เป็นไร ไม่อย่างนั้นฉันรู้สึกไม่สบายตัวจริง ๆ” ซูตานหงบอก

ครั้นพูดออกไปดังนี้ จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงได้ขยับตัว และออกไปต้มน้ำร้อนให้เธอ

แต่เมื่อเห็นน้ำร้อนถังนี้แล้ว ซูตานหงก็จนใจไม่รู้จะทำอย่างไร

จี้เจี้ยนอวิ๋นเองก็เห็นว่ามันยังร้อนเกินไป เขาจึงรอพร้อมกับเธอให้น้ำในถังเย็นลงเล็กน้อยเสียก่อน เมื่อพบว่าน้ำไม่ร้อนเกินไปแล้วเขาจึงช่วยบิดผ้าให้เธอ

ซูตานหงเช็ดตัวด้วยตัวเอง เมื่อรู้สึกว่าสบายตัวขึ้นมากแล้วและเห็นว่าในถังยังมีน้ำร้อนเหลืออยู่ เธอจึงลงมือเช็ดเท้าตัวเองด้วย

“สบายเหลือเกินค่ะ” หลังได้เช็ดตัวและเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว เธอก็ถอนหายใจออกมาอย่างอารมณ์ดีก่อนจะนอนลงบนเตียงเหมือนเดิม

จี้เจี้ยนอวิ๋นมองเธออย่างขบขันและจนใจ “ถ้าคุณไม่ต้องอยู่ไฟหลังคลอดแล้ว ผมจะไม่ห้ามคุณอาบน้ำเลย”

ซูตานหงโบกมือและบอกให้เขานำน้ำขุ่นที่มีฝ้าไขมันลอยอยู่บนผิวออกไป เห็นสภาพน้ำแล้วเธอก็รู้สึกอายขึ้นมาเล็กน้อย

เมื่อจี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมา ซูตานหงก็กำลังหยอกล้อเหรินเหรินอยู่ และเหรินเหรินน้อยก็เพิ่งตื่นนอน

เวลาผ่านไปเพียง 10 วันเท่านั้น แต่รูปลักษณ์ของเด็กชายก็เปลี่ยนไปอย่างชัดเจน เขามีผิวขาวละเอียด ดวงตาสีดำเป็นประกายและดูร่าเริงกระฉับกระเฉงมาก เมื่อรู้ว่าแม่กำลังหยอกล้อเขา เขาก็อ้าปากเล็ก ๆ อย่างมีความสุข พร้อมกับมือเล็กที่ไขว่คว้ามือของมารดา ครั้นจับได้แล้วเขาก็ยัดนิ้วของเธอเข้าปากตนเองทันที

จี้เจี้ยนอวิ๋นเห็นภาพนี้เข้าพอดี ไม่ต้องกล่าวเลยว่าจะรู้สึกใจอ่อนยวบขนาดไหน

“ภรรยา คุณหิวหรือยังครับ?” จี้เจี้ยนอวิ๋นถาม

“ยังไม่หิวเลยค่ะ” ซูตานหงตอบ “คุณพาเขาไปฉี่ทีสิคะ เขาใกล้จะฉี่แล้ว”

จี้เจี้ยนอวิ๋นพยักหน้า หลังจาก 10 วันมานี้ เขาก็ได้เป็นพ่อคนอย่างเต็มรูปแบบ หลังรอให้ลูกชายปัสสาวะจนเสร็จด้วยประสบการณ์ที่สั่งสมมาแล้ว เขาก็สวมกางเกงตัวน้อยให้อีกครั้ง

ก่อนหน้านี้เขายังไม่มีประสบการณ์มากนัก เสี่ยวเหรินเหรินจึงไม่ค่อยสบายตัวเวลาถูกเขาอุ้ม แต่ตอนนี้พ่อของเขามีฝีมือดีขึ้นมากแล้ว เสี่ยวเหรินเหรินจึงได้แต่ส่งเสียงฮัมในลำคอบ่งบอกว่าเขาพอใจ

หลังปัสสาวะเสร็จแล้ว ซูตานหงก็อุ้มให้เขากินนมมื้อเย็น หลังกินเสร็จจึงได้เวลาเข้านอน ซึ่งหลังจากที่เขาตื่นแล้วนั้นเขาจะต้องได้ปัสสาวะอีกรอบ…

เป็นแบบนี้วนเวียนไปแทบจะทุกครั้ง

มองลูกชายหาวแล้วหลับปุ๋ยไปแล้ว ซูตานหงก็รู้สึกง่วงขึ้นมาเล็กน้อยเหมือนกัน เวลาได้ทำความสะอาดเนื้อตัวแล้วก็จะเป็นแบบนี้

“ภรรยา คุณหลับไปก่อนนะ ผมจะขึ้นเขาไปดูสวนก่อน แล้วอีกไม่นานจะกลับมา” จี้เจี้ยนอวิ๋นเอ่ย

ตอนนี้เกือบจะบ่ายสามโมงแล้ว และได้เวลาที่ซูตานหงจะงีบหลับ

“ก็ได้ค่ะ คุณไปเถอะ” ซูตานหงพยักหน้า

จี้เจี้ยนอวิ๋นบอกต้าเฮยให้เฝ้าบ้านไว้ให้ดี ๆ จากนั้นเขาจึงปิดประตูบ้านและเดินออกไป

ทันทีที่เขาออกไป ซูตานหงก็ห่มผ้าห่อตัวเองไว้จนเหลือแต่ดวงตาที่โผล่ออกมา

แม้จะรู้สึกว่าอุ้งเชิงกรานสมานตัวดีแล้ว แต่เธอก็ไม่ประมาท หญิงสาวเดินออกมาเติมน้ำในถัง และรดน้ำวิเศษให้กับต้นเบญจมาศ และยังเติมน้ำในชามอีกครึ่งหนึ่งให้กับต้าเฮย ซึ่งต้าเฮยก็มีความสุขมาก มันกระดิกหางให้และจัดการดื่มน้ำในชามทันที

หลังเสร็จทุกอย่างแล้ว ซูตานหงก็กลับเข้าห้องไป

อย่าตำหนิอะไรเธอเลย เป็นเพราะเธอติดรสของน้ำวิเศษไปแล้ว เมื่อได้เติมน้ำวิเศษลงไปในน้ำธรรมดา มันก็จะมีรสชาติต่างออกไปจากเดิม ซึ่งดีกว่าน้ำต้มธรรมดามากนัก

เมื่อกลับถึงห้องแล้ว เธอก็เข้านอนพร้อมกับลูกชาย

จี้เจี้ยนอวิ๋นกลับมาหลังจากนั้นราว 20 นาที หลังขึ้นไปบนเขาครู่หนึ่งแล้วเขาก็ลงมา บนนั้นมีคุณพ่อจี้เฝ้าอยู่ และจี้หงจวินกับสวี่อ้ายตั๋งก็ผลัดเปลี่ยนกันมาดูอยู่เสมอ ซึ่งตอนนี้มีแกะนับสิบตัวอยู่บนภูเขาแล้ว

คุณแม่จี้เองที่มายังสวนแห่งนี้ด้วยก็เข้ามาถามเขา “เจี้ยนอวิ๋น ตอนนี้แม่ไก่หลายตัวในหมู่บ้านกำลังฟักไข่แล้วนะ แถมไก่ในบ้านเราอีก 3 ตัวก็กำลังฟักไข่เหมือนกัน แกอยากจะซื้อลูกเจี๊ยบจากชาวบ้านบางคนมาเลี้ยงไว้บนภูเขาไหมล่ะ? ในฤดูใบไม้ผลิหน้าก็คงจะใกล้ได้ขายแล้ว อีกอย่างคุณพ่อก็มาเฝ้าแกะอยู่ทุกวันด้วย”

ตอนนี้คุณพ่อจี้อยู่ประจำบนภูเขาแล้ว ส่วนคุณแม่จี้เป็นคนทำอาหารส่งให้เขากินทุกวัน และเป็นเพราะว่ามีสุนัขดุร้ายตัวใหญ่ 3 ตัวบนภูเขา หากมีเหตุฉุกเฉินอะไร หนึ่งในนั้นก็จะลงเขามาแจ้ง จี้เจี้ยนอวิ๋นจึงไม่กังวลกับเรื่องนี้มากนัก

โดยทั่วไปแล้วคุณพ่อจี้จะลงจากภูเขามาเดินเล่นบ้าง แต่ส่วนใหญ่เขาจะใช้ชีวิตอยู่บนภูเขา และเขาก็ชอบที่จะเป็นแบบนี้ด้วย

คุณแม่จี้จึงคิดว่านางควรจะเลี้ยงแกะเพิ่ม และจะได้เลี้ยงไก่เพิ่มด้วย

ในครอบครัวตระกูลจี้มีไก่มากกว่า 10 ตัว ซึ่งทุกตัวล้วนเลี้ยงไว้เพื่อเป็นอาหารบำรุงร่างกายหลังคลอดให้ซูตานหง ซึ่ง 3 ตัวในนั้นออกไข่กันเก่งมาก พวกมันออกไข่ได้ถึง 2 ฟองต่อวัน คุณแม่จี้จึงไม่ได้เชือดไก่ 3 ตัวนี้ ถึงอย่างไรคุณป้าหยางก็มีไก่เหมือนกัน

ตอนนี้แม่ไก่ทั้งสามกำลังฟักไข่ คุณแม่จี้จึงเก็บไข่ที่ผสมแล้วไปฟัก ส่วนพ่อพันธุ์ไก่นั้นก็ขอยืมจากในหมู่บ้านได้

แม่ไก่ 3 ตัวนี้ฟักลูกเจี๊ยบออกมาได้ราว 20 ตัว

จำนวนนี้ถือว่ามาก ยังไม่นับรวมกับลูกเจี๊ยบทั้งหมดภายในหมู่บ้านอีกด้วย

ถ้าครอบครัวหนึ่งซื้อพวกมันมาเลี้ยง ก็จะมีลูกเจี๊ยบเป็นจำนวนมาก

นี่จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมคุณแม่จี้จึงมาหาลูกชาย ตอนนี้ไม่มีอะไรที่ขายได้เงินเลย เขาต้องจ่ายเงินออกไปทุกวันและจ่ายเงินเดือนค่าจ้างให้กับจี้หงจวินและสวี่อ้ายตั๋งในทุกเดือน

จี้เจี้ยนอวิ๋นรู้สึกมีแรงขับเคลื่อนเพราะคำพูดจากแม่ของเขา ก่อนจะตอบกลับ “แม่ครับ ผมจะไปถามภรรยาผมนะครับว่าเราจะเลี้ยงพวกมันได้ไหม”

คุณแม่จี้อยากถามว่ากับอีแค่เลี้ยงไก่ทำไมต้องถามภรรยาของแกด้วย?

แต่เมื่อคิดถึงสะใภ้สามที่มีเซียนจิ้งจอกอยู่กับตัวแล้วนางก็พยักหน้า “งั้นก็ถามหล่อนเถอะ”

จะเลี้ยงได้หรือไม่? ขึ้นกับคำตอบของเซียนจิ้งจอก หากเซียนจิ้งจอกบอกว่าเลี้ยงได้ นั่นก็หมายความว่าปีหน้าจะมีรายได้แล้ว ถ้าเลี้ยงไม่ได้ก็หมายความว่าต้องรอปีต่อไป

………………………………………………