ตอนที่ 43 ส่งด่วนจะเป็นบ้าแล้ว

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ประกอบกับวันนี้สินค้าส่งด่วนมีไม่มากจึงรีบมาส่ง มัวแต่ปล่อยทิ้งไว้ก็สิ้นเปลืองเงิน เปลืองหลักการชีวิต หูทั่นจึงรับสินค้านี้มา พอเริ่มเขายังดีใจมาก แต่เรื่องราวไม่ได้ดีอย่างที่คิด!

หมู่บ้านเอกดรรชนีหาง่าย แต่หมู่ศูนย์ หมายเลขหนึ่ง เขางงหาอยู่ครึ่งชั่วโมงก็ยังหาไม่เจอ มองจากหัวจนสุดหมู่บ้านเอกดรรชนี มองจากสุดไปจนหัว วนเวียนอยู่ห้าหกรอบก็ยังหาหมู่ศูนย์เลขหนึ่งไม่เจอ โทรศัพท์ไปอีกฝ่ายปิดเครื่อง ต่อมาชาวบ้านสงสัยว่าเขามาขโมยอะไรรึเปล่าจึงจ้องตาเป็นมัน ทั้งยังดึงแขนถามเขา “คุณทำอะไร? วนเวียนในหมู่บ้านเราทำไม?”

“ผมมาส่งของครับ มีพัสดุชิ้นหนึ่ง แต่หาตั้งนานแล้วก็หาเจ้าของบ้านไม่เจอ พี่ครับดูให้หน่อยสิ” หูทั่นแทบจะร้องไห้ นี่มันเรื่องอะไรกัน?

คนที่อยู่ข้างหน้าคือซ่งเอ้อโก่ว เจ้านี่ชอบมุงดู จึงเดินเข้ามาทันที “ส่งให้ใครล่ะ? บอกมา ในหมู่บ้านนี้ไม่มีใครที่ฉันไม่รู้จัก”

“หมู่ศูนย์ หมายเลขหนึ่ง” หูทั่นตอบกลับทันที หมายเลขนี้วนเวียนอยู่ในความคิดเขามานานแล้ว จึงจำได้แม่น!

“อะไรกัน? หมู่ศูนย์ หมายเลขหนึ่ง? หมู่บ้านเราเริ่มจากหมู่หนึ่งไปจนถึงหมู่หก หมู่ศูนย์มาจากไหน? คุณดูผิดรึเปล่า?” ซ่งเอ้อโก่วอึดอัดใจจึงถาม

“ผมก็ไม่รู้ครับ โทรหาจนจะพังอยู่แล้วไม่มีคนรับสาย” หูทั่นพูดอย่างขมขื่น

“ไม่ต้องพูดหมู่แล้ว บอกชื่อมาเลย ฉันจะได้รู้ว่าเป็นใคร” ซ่งเอ้อโก่วถาม

หูทั่นมองอยู่ครู่หนึ่งแล้วก็ตอบกลับ “ไต้ซือฟางเจิ้ง…รับ”

“ไต้ซือฟางเจิ้งบ้าอะไร? หา? ฟางเจิ้ง!” ซ่งเอ้อโก่วพลันได้สติ วัดเอกดรรชนีบนเขาเอกดรรชนี ตอนแรกช่วงที่เกิดความวุ่นวายก็ถูกใส่รวมเข้าไปในหมู่บ้าน แต่ตอนนั้นแบ่งหมู่กันดีแล้ว จึงสร้างปัญหาให้เขาเล็กน้อย ดังนั้นเลยแยกเป็นหมู่ศูนย์ หมายเลขหนึ่ง หมู่ศูนย์คือวัดร้างนั่น แน่นอนว่าต้องเป็นหมายเลขหนึ่ง

เรื่องนี้พ่อซ่งเอ้อโก่วเป็นคนเล่าให้เขาฟังเอง

“ที่แท้ก็พัสดุของฟางเจิ้ง นายมาผิดที่แล้ว ฟางเจิ้งไม่ได้อยู่ในหมู่บ้าน แต่อยู่นอกหมู่บ้านต่างหาก” ซ่งเอ้อโก่วยังอยากรับพัสดุมาดูว่าของอะไร แต่รอบๆ มีคนรู้จักมองอยู่จึงไม่ดีนัก ได้แต่ชี้ไปอีกทางอย่างใจกว้าง

หูทั่นแทบจะร้องไห้ ในที่สุดก็หาหมู่เจอ! เขาเหนื่อยจะตายแล้ว!

หูทั่นมองตามไป “พี่ใหญ่ พี่มั่นใจนะว่าทางนั้น? ต้องเดินไปตลอดเหรอ?”

ซ่งเอ้อโก่วมองไม่เห็นในพัสดุจึงไม่ได้สนใจอะไร แต่ชี้มือไปอย่างนั้น “เดินตรงไปจะเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้าย ไม่มีทางอื่นแล้ว เจอเนินก็ข้ามไป เจอน้ำข้ามน้ำ เดินไปจนสุดทางก็จะถึง”

“ได้ ขอบคุณครับ!” หูทั่นรีบขับสามล้อไปทันที แต่ไม่นานเขาก็ไม่อยากขอบคุณแล้ว อยากด่าแม่มากกว่า!

ซ่งเอ้อโก่วบอกทางถูก เดินตรงไปจะเจอทางแยกให้เลี้ยวซ้าย จากนั้นเดินตรงไปตลอด แต่เจอเนินข้ามเนินนั่นมันอะไร? นี่คือเนินเหรอ? เรียกว่าปีนเขาดีกว่ามั้ง?

รถสามล้อขึ้นไปไม่ได้ หูทั่นจึงได้แต่ก้มหน้าปีนเขา

แต่ซ่งเอ้อโก่วข้างล่างยิ้มกับการทำเรื่องไม่ดี พลางดื่มสุราอย่างปลื้มใจ

หูทั่นปลอบใจตัวเองตลอดว่าน่าจะถึงแล้ว ไม่มีใครอยู่สูงเกินไปหรอก แบบนั้นจะเดินทางเองก็ไม่สะดวก แต่ยิ่งเดินยิ่งสูง สุดท้ายเหนื่อยจนเหมือนหมาตาย ปีนมาถึงยอดเขาถึงเห็นวัดเอกดรรชนี ตอนนั้นเขาเหมือนเห็นแสงสว่างส่องมาจากข้างหลังพระโพธิสัตว์ พูดกับเขาว่า “เหนื่อยเเหรอ? ถ้าเหนื่อยก็มาหาเรานี่”

อึดใจเดียวพุ่งเข้าไปในวัด หูทั่นกลับไม่พบใคร ด้วยความโกรธจึงลืมการบริการไป แต่ตะโกนเสียงดังลั่น!

สรุปมีคนออกมาจริงๆ เป็นหลวงจีนหัวโล้นสวมจีวรเก่า แต่สะอาดมาก ดูอายุพอๆ กับเขา ขาวเนียน สมบูรณ์แบบ ดวงตาใสฟันขาว ริมฝีปากบาง ให้ความรู้สึกหล่อเล็กน้อย ลายเส้นได้สัดส่วนชัดเจน แต่กลับไม่มีเอกลักษณ์อืมครึมอ่อนนุ่มอะไร แต่มีความสะอาดมากกว่า

‘เจ้านี่อายุเท่านี้ก็ออกบวชแล้ว คงจะถูกแฟนทิ้งถึงมาบวชในที่ห่วยแตกแบบนี้’ หูทั่นพึมพำในใจ

ตอนนี้เองหลวงจีนมาอยู่ตรงหน้าหูทั่น ประนมมือ “อมิตพุทธ อาตมาฟางเจิ้ง เป็นเจ้าอาวาสวัดนี้ โยมมาวัดมาจุดธูปหรือไหว้พระ หรือว่ามีเรื่องอื่น?”

หูทั่นกลอกตา ชี้ไปที่ชุดตน ถ้าไม่ใช่ว่าคุมอารมณ์ไว้ได้เขาจะต้องตะโกนอีกแน่ ตาบอดรึไง? ไม่เห็นชุดส่งด่วนที่เขาสวมเรอะ? ไม่เห็นพัสดุในมือเรอะ? เหมือนมาจุดธูปไหว้พระรึไง? อีกอย่างใครจะโง่มาจุดธูปไหว้พระวัดเก่าที่กันดารแบบนี้ วัดใหญ่ข้างนอกมีให้ไปเยอะแยะ

แต่หูทั่นไม่ได้พูดออกมา เขาหอบหายใจแรงพลางโบกมือสื่อว่าให้ฟางเจิ้งรอเดี๋ยว

หูทั่นโทษฟางเจิ้งแล้ว ฟางเจิ้งไม่มีญาติพี่น้องข้างนอก ส่วนเพื่อนที่เรียนด้วยกันตอนนั้น ไม่ได้เจอมาหลายปีเดาว่าคงลืมเขาไปแล้ว ในเมื่อไม่มีใครข้างนอก แล้วใครส่งพัสดุมาให้? ถ้าจะมีจะต้องส่งผิดที่แน่ๆ พัสดุมาผิดที่แล้ว ถ้าไม่อย่างนั้นทำไมถึงไม่โทรหาเขาก่อน

เห็นหูทั่นหอบหายใจแรง ฟางเจิ้งจึงพูดขึ้น “โยม พักก่อนเถอะ อาตมาจะไปตักน้ำมาให้”

หูทั่นหิวน้ำอยู่ก่อนแล้ว พอได้ยินว่ามีน้ำก็ไม่เกรงใจล่ะ ท่าทีฟางเจิ้งทำให้ไฟโทสะในท้องลดลงไม่น้อย รอแค่อีกฝ่ายกลับมาจะให้เซ็นรับของแล้วรีบลงเขา ตอนบ่ายยังมีเรื่องกองใหญ่ที่รอเขาอยู่

ฟางเจิ้งไปห้องครัว ตักน้ำมาชามใหญ่ หูทั่นเห็นดังนั้นก็รับมาดื่มอึกๆ น้ำคำใหญ่เข้าไปในท้อง ความรู้สึกเย็นสบายเหมือนกับเหาะอยู่บนฟ้า

หูทั่นอดชมไม่ได้ว่า “น้ำอร่อย! สมกับเป็นน้ำแร่ภูเขาจริงๆ! น้ำแร่ภูเขาในเมืองมีแต่ของปลอม…”

ฟางเจิ้งยิ้มเงียบๆ เห็นได้ชัดว่าหูทั่นไม่เคยดื่มน้ำแร่ภูเขามาก่อน เลยคิดว่าน้ำของฟางเจิ้งเป็นน้ำแร่ภูเขา แต่เขาก็ไม่อธิบาย แค่อยากรู้ว่าพนักงานส่งด่วนมาทำไม

หูทั่นเห็นฟางเจิ้งเงียบก็ยิ้มเขินๆ “ขอโทษทีครับไต้ซือ ให้ท่านรอนานเลย ผมหูทั่น เป็นพนักงานส่งของบริษัทส่งด่วนตลอดทาง ท่านคือไต้ซือฟางเจิ้งใช่ไหม?”

ฟางเจิ้งพยักหน้า “อาตมาเอง โยมมาหาอาตมาเหรอ?”

“ผมไม่ได้หามาใครหรอก แต่กว่าจะมาส่งของที่นี่ได้ขนผมแทบหัก แล้วยังไม่รู้เลยว่ารถสามล้อของผมจะมีไฟฟ้ากลับไปพอไหม เฮ้อ ท่านว่าผมไปทำให้ใครไม่พอใจรึเปล่า” หูทั่นว่าพลางหยิบกล่องที่ห่ออย่างหนาแน่นขนาดเท่าสองฝ่ามือออกมาส่งให้ “นี่คือพัสดุส่งให้ไต้ซือครับ เซ็นรับด้วย”

พูดจบฟางเจิ้งก็อึ้งไป มีพัสดุของเขาจริงๆ!

ฟางเจิ้งรับมาเงียบๆ อ่านที่อยู่กับชื่อข้างบนอย่างละเอียด! กระทั่งเบอร์โทรศัพท์ยังเป็นของเขา!

………………………..