แคบหรือ
พูดจริงดิ!
โจวมู่หยันมองโซนทำงานของสตูดิโอตัวเอง มันแคบตรงไหน ก็เหมือนๆ กับบริษัทส่วนใหญ่ไม่ใช่หรือ ทุกคนมีโต๊ะทำงานเป็นของตัวเองเหมือนบริษัทอื่น!
ไม่ใช่แค่นั้น เทียนหัวสตูดิโอมีตึกสำนักงานเป็นของตัวเองจึงมีพื้นที่มากกว่าบริษัทอื่น!
พวกนี้คงจะตาบอดที่บอกว่าคับแคบ…
หวงซื่อปั๋วรู้ว่าปัญหาไม่ได้อยู่ที่เทียนหัวสตูดิโอ แต่เป็นเพราะบริษัทเถิงต๋ากว้างเกินไปต่างหาก!
บริษัทไหนกันจะเป็นแบบบริษัทเถิงต๋า แม้แต่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ยังไม่ทำแบบนี้เลย!
แต่เพราะทุกคนทำงานในบริษัทเถิงต๋ามากันพักใหญ่จนชินกับสภาพแวดล้อมการทำงานของบริษัทเถิงต๋าไปแล้ว ทำให้พวกเขาหดหู่ใจเมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมการทำงานอันแตกต่างของเทียนหัวสตูดิโอ
สิ่งที่เห็นทำให้พวกเขาหมดความสนใจ ไม่ต่างกับคนที่อยู่บ้านหรูริมทะเลซึ่งต้องมาทนฟังพนักงานขายโม้เรื่องอพาร์ตเม้นต์หรูสามห้องนอน…
พวกเขาต่างฝันสลาย!
ตอนแรกทุกคนตื่นเต้นมากที่จะได้ไปเทียนหัวสตูดิโอ แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นไม่รู้สึกอะไรไปแล้ว!
โซนทำงานคับแคบมาก
สเป็กคอมพิวเตอร์ก็ธรรมดา หน้าจอคู่ก็ไม่มี
วางขนมไว้สองสามห่อก็เรียกว่าเป็นมุมจิบกาแฟ
ห้องสันทนาการมีแค่ทีวีเครื่องเล็ก พวกเขาเป็นยาจกกันหรือ
ไม่ใช่แค่นั้น ทางสตูดิโอยังบังคับให้พนักงานทำงานตามระบบ 996 แถมยังไม่จ่ายค่าล่วงเวลา!
ที่นี่คือบริษัทเกมชั้นแนวหน้าภายในประเทศจริงๆ หรือ ห่างชั้นกับบริษัทเถิงต๋ามาก!
ความรู้สึกเหมือนบังเอิญเจอรักครั้งแรกของตัวเองอีกครั้งหลังจากแต่งงานไปหลายปี แต่เธอกับอ้วนฉุ กลายเป็นยายแก่ไปแล้ว จากนั้นพวกเขาจึงตระหนักได้ว่าภรรยาของตัวเองสวยกว่ามาก!
บอสเผยเป็นบอสที่ดีที่สุดในโลกจริงๆ ไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ!
พวกเขาควรเลิกคิดอะไรไร้สาระและอุทิศชีวิตทำงานเพื่อบอสเผย!
…
โจวมู่หยันเริ่มรู้สึกกระอักกระอ่วนใจหลังจากคุยโวไปมาก เพราะอีกฝ่ายมองเขาราวกับกำลังเย้ยหยันอยู่ พานทำให้ไม่อยากโม้อะไรต่อ
“ไปต่อกันดีกว่าครับ ผมจัดสรรเวลาไว้เป็นช่วงพูดคุยกันเรื่องความสำเร็จที่ผ่านมา ทุกคน เชิญทางนี้เลยครับ”
ทุกคนมาถึงห้องประชุมขนาดใหญ่ของเทียนหัวสตูดิโอ
กำหนดการวันนี้จัดเตรียมโดยเลขาซินและกลุ่มพนักงานของเทียนหัวสตูดิโอ ช่วงแลกเปลี่ยนประสบการณ์อยู่ในกำหนดการที่ว่า
เลขาซินวางกำหนดการตามธรรมเนียมการศึกษาดูงานตามปกติ จะให้กลับออกไปหลังจากชมบริษัทเสร็จคงไม่ดีเท่าไหร่เพราะเดินทางมาตั้งไกล
จุดประสงค์ที่มาก็เพื่อแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ดังนั้นพวกเขาจึงจำเป็นจะต้องแบ่งปันเรื่องราวความสำเร็จเพื่อทำให้การมาศึกษาดูงานครั้งนี้คุ้มค่า
เนื่องจากทางฝั่งบริษัทเถิงต๋าพาพนักงานมายี่สิบกว่าคน ฝั่งเทียนหัวสตูดิโอจึงจัดคนจำนวนเท่ากันให้เข้าร่วม จากนั้นแต่ละฝั่งจะให้คนออกไปแบ่งปันประสบการณ์
คนแรกที่ออกไปพูดคือซุนฉีที่ออกมาต้อนรับในตอนแรก เขาเป็นหนึ่งในทีมนักออกแบบหลักของเกม MMORPG ฟอร์มยักษ์ที่ผลิตโดยเทียนหัวสตูดิโอ
ซุนฉีเริ่มด้วยการกล่าวต้อนรับบอสเผยและคณะที่เดินทางมาไกล ซึ่งก็เรียกเสียงปรบมือจากผู้ฟังได้ ทำให้บรรยากาศผ่อนคลายลง
หลังจากนั้น เขาก็พูดถึงเรื่องราวความสำเร็จของตัวเองที่ได้รับผิดชอบออกแบบเกม MMORPG
เผยเชียนหยิบสมุดพกเล่มเล็กออกมาจดยุกยิก ขณะฟังอีกฝ่ายอย่างตั้งใจพร้อมพยักหน้าไปด้วย
ไม่นานเขาก็ให้กำเนิดเต่าขึ้นมาตัวหนึ่ง
จากนั้นก็มีหนูกับเป็ดตามมา…
เขาไม่เข้าใจอะไรสักอย่าง!
ที่ทำไปแบบนั้นก็เพราะเผยเชียนนั่งอยู่แถวหน้า จะหลับก็ไม่ได้
จริงๆ แล้วสิ่งที่ซุนฉีพูดไม่ได้เป็นเรื่องยากอะไร หวงซื่อปั๋วและคนอื่นๆ เข้าใจกันหมด แต่ระหว่างที่พูดมีศัพท์เฉพาะทางกับคำย่อภาษาอังกฤษโผล่มามากมาย สีหน้าและท่าทางของซุนฉีทำให้เผยเชียนรู้ว่าเกมที่เขาพูดถึงเป็นเกมที่ยิ่งใหญ่มาก แต่ก็ไม่ได้เข้าใจรายละเอียดเบื้องลึกอะไรเลย
ไม่นานซุนฉีก็พูดจบ เผยเชียนที่กำลังจะหลับสะดุ้งขึ้นมานำปรบมือ
ต่อไปเป็นฝั่งของบริษัทเถิงต๋า
อีกฝ่ายเล่าเรื่องราวความสำเร็จของตัวเองไปแล้ว ตามมารยาท บริษัทเถิงต๋าก็ต้องเล่าบ้าง
หวงซื่อปั๋วเป็นตัวแทนออกไปเล่าเรื่องความสำเร็จของเกมแม่ทัพผี เกมฐานทัพกลางทะเลยังไม่เสร็จสมบูรณ์ ไม่มีใครรู้ว่าจะได้รับความนิยมหรือเปล่า ดังนั้นจึงไม่เหมาะที่จะพูดถึงเกมนี้
ว่ากันตามตรง เผยเชียนควรเป็นคนออกไปเล่าเพราะเขาสร้างเกมแม่ทัพผีขึ้นมากับมือ
แต่เผยเชียนตอบปฏิเสธอย่างเด็ดขาด เหตุผลข้อแรกคือ เขาไม่อยากออกไปพูดต่อหน้าคนอื่น ข้อสองคือ เขาเองก็ไม่รู้ว่ามันเกิดเรื่องบ้าอะไรขึ้น เกมแม่ทัพผีถึงได้ประสบความสำเร็จแบบนี้…
เพราะเหตุนี้ พอเลขาซินแจ้งว่าจะมีช่วงแลกเปลี่ยนประสบการณ์ เผยเชียนก็โยนหน้าที่ออกไปพูดให้หวงซื่อปั๋วอย่างรวดเร็ว
เสียงปรบมือดังก้องห้องเมื่อหวงซื่อปั๋วขึ้นไปบนเวที
“ก่อนอื่นผมขอออกตัวไว้ก่อนเลยว่าผมไม่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการสร้างเกมแม่ทัพผี เกมนี้บอสเผยสร้างขึ้นมาเองด้วยตัวคนเดียว แต่หลังจากที่ผมได้เข้ามาทำงานในบริษัทเถิงต๋า ผมก็พยายามศึกษาเรื่องเกมแม่ทัพผี ผมมั่นใจว่าตัวผมพอจะรู้เรื่องตัวเกมและแนวทางการออกแบบเกมของบอสเผยบ้าง”
“บอสเผย ถ้าผมอธิบายตรงไหนผิด ท้วงติงได้เลยนะครับ”
“ผมคิดว่ามีปัจจัยอยู่สามอย่างที่ทำให้เกมแม่ทัพผีประสบความสำเร็จ”
“อย่างแรกคือ คุณภาพเกมที่ยอดเยี่ยมและงานภาพที่ฉีกแนวเดิมๆ”
“จากที่ผมทราบมา บอสเผยใช้ทุนกว่าครึ่งไปกับทรัพยากรงานภาพ ไม่ใช่แค่นั้นนะครับ บอสยังลองเสี่ยงจ้างนักวาดหน้าใหม่ด้วย! พองานภาพสไตล์มหากาพย์หมึกสีน้ำมันออกสู่สาธารณะ ชาวเกมเมอร์ก็ชมเชยกันยกใหญ่ ที่เป็นแบบนี้ก็เพราะวิสัยทัศน์ที่กว้างไกลและรสนิยมด้านความงามอันเหนือชั้นของบอสเผย”
“บอสเผยไม่ได้ทำให้เกมแม่ทัพผีโด่งดังเพียงอย่างเดียว ยังทำให้งานภาพอันเป็นเอกลักษณ์ของหร่วนกวางเจี่ยนดังไปด้วย ถือว่าได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย…”
“อย่างที่สองคือ ราคาของให้ซื้อเพิ่มในเกมที่เป็นมิตร”
“ยอดสูงสุดที่ผู้เล่นจะจ่ายให้เกมแม่ทัพผีได้คือสี่สิบหยวน เทียบกับเกมการ์ดมือถืออย่างเกมสามก๊กสุดคิวต์ที่เป็นเกมกอบโกยเงินจากผู้เล่นแล้ว รูปแบบการเล่นที่ยุติธรรมกับผู้เล่นทั้งหมดทำให้เหล่าเกมเมอร์ชื่นชมและเคารพในตัวเกม ขณะเดียวกัน กลยุทธ์ตั้งราคาต่ำแต่เน้นยอดขายจำนวนมากก็ทำให้เกมขายดีเป็นเทน้ำเทท่าจากการบอกปากต่อปาก…”
“อย่างที่สามคือ กลยุทธ์การตลาดแบบพิเศษ!”
“เนื่องจากเงินทุนทั้งหมดเทไปที่การพัฒนาตัวเกม เกมแม่ทัพผีจึงประสบปัญหาขาดแคลนเงินทุนในการโฆษณา! บอสเผยคิดนอกกรอบและโฆษณาเกมผ่านเว่ยป๋อ สร้างกระแสฮือฮาในวงการนักวาด ก่อนที่จะดังไปถึงวงการเกม กลายเป็นกลยุทธ์การตลาดที่ยอดเยี่ยม…”
“ผมคิดว่าเราสามารถยกกลยุทธ์การตลาดนี้มาเป็นกรณีศึกษาได้เรื่อยๆ!”
หวงซื่อปั๋วเตรียมตัวมาอย่างดีจึงมั่นใจมาก
เขาไม่เคยถามเผยเชียนเรื่องเบื้องหลังการสร้างเกมแม่ทัพผีเลยสักครั้ง เขาค้นข้อมูลทุกอย่างด้วยตัวเองจากรีวิวบนอินเทอร์เน็ต เว่ยป๋อของหร่วนกวางเจี่ยน และอื่นๆ จากนั้นก็พยายามเอาข้อมูลที่ได้มาวิเคราะห์ร่วมกับนิสัยและกระบวนการคิดของบอสเผย
ข้อมูลทั้งหมดที่เขาพูดไปได้มาจากวิธีนี้
ระหว่างที่หวงซื่อปั๋วอธิบาย เขาก็มองไปทางเผยเชียนเป็นพักๆ
บอสเผยยิ้มไป พยักหน้าไป!
ฉันเดาถูกจริงๆ ด้วย!
หวงซื่อปั๋วรู้สึกภูมิใจมาก ถึงเขาจะไม่ได้มีส่วนร่วมในการสร้างเกมแม่ทัพผี แต่การที่เขาสามารถเข้าใจกระบวนการคิดของบอสเผยตอนที่สร้างเกมนั้นถือเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยม เพราะแปลว่าเขาสามารถคิดตามที่บอสเผยคิดได้นั่นเอง!
เผยเชียนบ่นอุบอยู่ในใจระหว่างที่กำลังพยักหน้า
พูดได้เยี่ยมจริงๆ เขาพูดเรื่องที่แม้แต่ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนั้นในหัวคิดอะไรอยู่
ด้านล่างเวที ซุนฉี โจวมู่หยัน และพนักงานฝั่งเทียนหัวสตูดิโอคนอื่นๆ กำลังฟังอย่างตั้งใจพร้อมจดโน้ตตามไปด้วย
โจวมู่หยันได้แต่คร่ำครวญในใจว่าชายหนุ่มผู้นี้เก่งจริงๆ!
ถึงบอสเผยจะยังเด็ก แต่ก็เป็นคนมีกึ๋น!
ทั้งทุ่มเงินทั้งหมดไปกับการพัฒนาเกม ไม่เหลือไว้เป็นค่าโฆษณาสักหยวนเดียว ไหนจะใจกล้าจ้างนักวาดหน้าใหม่มาวาดงานภาพสไตล์ใหม่เพื่อฉีกแนวเกมการ์ดที่มีอยู่ในตลาด…
นี่ไม่ใช่สิ่งที่นักออกแบบทั่วไปจะทำได้!
ใจกล้าจริงๆ! ไม่กลัวว่าจะขาดทุนเลยหรือ!
เป็นได้สูงมากว่าเด็กคนนี้จะเป็นทายาทลำดับสองของตระกูลร่ำรวยจริงๆ ไม่อย่างนั้นก็ไม่มีทางที่เขาจะกล้าเสี่ยงโดยไม่สนใจอะไรแบบนี้…
นี่หรือคือสิ่งที่เรียกว่าหัวคิดต่างกัน คนเก่งสามารถจัดการเรื่องต่างๆ ได้อย่างง่ายดาย…
โจวมู่หยันคิดเองเออเอง รู้สึกนับถือเผยเชียนมากขึ้น
ไม่นานหวงซื่อปั๋วก็พูดจบ เสียงปรบมือจากบรรดาผู้ชมดังกระหึ่ม!
เผยเชียนสัมผัสได้ถึงสายตาเคารพบูชาที่มองมา
เป็นสายตาชื่นชมยกย่องคนอัจฉริยะ!
……………………..