ตอนที่ 47 ความทุกข์ของหวังเจียเหยา

เขยที่โดนทิ้ง (แท้จริงแล้วเป็นประธานบริษัท!?)

หวังเจียเหยาออกแรงผลักเย่เฉิน จากนั้นก็เปิดประตูเดินออกไป

แต่เพิ่งจะเปิดประตู หวังเจียเหยาก็ต้องตกใจเมื่อเจอฉินหงเหยียนที่ประตู

“คุณ…คุณฉิน”

เจอกันคราวก่อนฉินหงเหยียนเพิ่งตบหวังเจียเหยาฉาดใหญ่

ถึงแม้ว่าหวังเจียเหยาจะริษยาแถมยังเกลียดชังฉินหงเหยียนอย่างมาก แต่ตอนนี้อยู่ที่บริษัทของอีกฝ่าย

แล้วอีกอย่างในอนาคตทั้งสองฝ่ายยังจะต้องร่วมมือกันอีกมาก คนที่เติบโตมาจากตระกูลใหญ่ๆ อย่างหวังเจียเหยาเรียนรู้ที่จะมองภาพรวมได้เป็นอย่างดี

“คุณหนูหวัง”

ฉินหงเหยียนเดินตรงไปหาหวังเจียเหยาพร้อมส่งยิ้มละไม

พอทักทายกันแบบผิวเผินแล้ว หวังเจียเหยาก็เดินไปอย่างรวดเร็ว

ส่วนเย่เฉินเขาคว้าสัญญาฉบับนั้นมาแล้วฉีกทิ้งอย่างไม่ใยดี

ก่อนนี้เย่เฉินคิดว่าพอตนเองหย่ากับหวังเจียเหยาแล้วจะไม่ใยดีกับเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายอีก

แต่เมื่อครู่พอได้ยินเจ้าหล่อนบอกว่าจะไปกินข้าวกับฟางเชาก็รู้สึกไม่พอใจขึ้นมา

ฉินหงเหยียนคิดมาตลอดว่าหอคอยที่อยู่ใกล้น้ำจะได้ครอบครองพระจันทร์ก่อน หล่อนเองก็เช่นกัน หล่อนอาจจะได้เป็นเจ้าของเย่เฉินลูกเศรษฐีที่ไม่มีใครรู้คนนี้ก่อนใคร

พอวันนี้อดีตภรรยาของเขามาหา ฉินหงเหยียนย่อมอยากรู้ว่าทั้งสองคนคุยอะไรกัน

พอได้เห็นท่าทางเสียใจของเย่เฉิน ฉินหงเหยียนจึงรู้ว่าเย่เฉินยังมีความรู้สึกที่ลึกซึ้งกับอดีตภรรยาตนเอง จะให้ฉวยโอกาสตอนที่เขากำลังอ่อนแอแล้วรุกคืบให้ได้ในเวลาอันสั้นคงจะยาก

อยากได้เย่เฉินมาครอบครองเกรงว่าจะเป็นศึกที่ยืดเยื้อยาวนาน

ฉินหงเหยียนกล่าวว่า “ถ้าเกิดหวังเจียเหยายั่วโมโหคุณ คุณจะฉีกสัญญาทิ้งไปไม่ร่วมงานกับตระกูลหวังก็ได้นี่คะ”

เย่เฉินคลายมือขวาลงช้าๆ “เรื่องที่ผมเคยรับปากไม่มีทางเปลี่ยนแปลง”

ฉินหงเหยียนรู้ว่าเย่เฉินเป็นคนที่รักษาคำพูดอย่างมาก นี่ก็คือจุดที่หล่อนชื่นชมเขา

“คุณเย่ เมื่อครู่ไม่ทันระวังได้ยินบทสนทนาของพวกคุณ คุณก็รูู้ว่าฉันมันคนตะกละมักจะสนใจร้านอาหารอร่อยๆ ร้านบะหมี่ไก่น้อยที่อยู่นอกเมืองร้านนั้นที่พวกคุณพูดถึงคืออะไรเหรอคะ? พาฉันไปได้ไหม?”

ฉินหงเหยียนอาศัยโอกาสที่หวังเจียเหยายั่วโมโหเย่เฉินลดระยะห่างระหว่างพวกเขา

หล่อนรู้ว่าหากนัดเย่เฉินกินข้าวตอนนี้ เขาต้องไม่ปฏิเสธแน่

ผ่านผู้ชายมาก็มาก ฉินหงเหยียนย่อมมีมารยาร้อยเล่มเกวียนเอาไว้หลอกล่อพวกผู้ชายอยู่แล้ว

ผู้ชายต่างชอบเป็นฝ่ายรุกและล้างแค้น ในเมื่อหวังเจียเหยาบอกว่าจะไปกินข้าวกับชายอื่นอย่างนั้นแล้วเย่เฉินต้องหาผู้หญิงมาอยู่เป็นเพื่อนเขาแน่

แล้วฉินหงเหยียนทายถูกจริงๆ

“ผมจะพาคุณไป” เย่เฉินพูดเนิบๆ

ครึ่งชั่วโมงต่อมาทั้งสองคนก็มาถึงถนนที่ค่อนข้างลึกลับ ถึงถนนจะกว้างและสะอาดเรียบร้อยแต่คนกลับน้อยมาก

ทำให้ข้างทางจอดรถได้ง่าย เมื่อพวกเขาจอดรถที่ประตูร้านอาหารลงรถแล้วเย่เฉินก็กล่าวว่า

“นี่ไม่ใช่ภัตตาคารหรูหราอะไรเป็นแค่ร้านอาหารทั่วไปเท่านั้น ผมเกรงว่าคุณจะไม่คุ้นเคย”

ฉินหงเหยียนส่งยิ้มสดใส “อาหารอร่อยแบ่งที่แพงกับถูกที่ไหนกัน? เต้าหู้เหม็นราคาไม่กี่หยวนฉันยังกินอร่อยเลย คุณเย่ ฉันไม่ใช่เจ้าหญิงที่เข้าได้แต่สถานที่แพงๆ พวกนั้นสักหน่อย”

เย่เฉินยิ้มน้อยๆ เขาเองก็พอจะมองออกว่า ฉินหงเหยียนทำงานด้วยตนเองไม่พึ่งพาที่บ้านทำงานหนักจนมีวันนี้ได้ย่อมต้องผ่านความลำบากไม่น้อย

แตกต่างจากลูกคุณหนูทั่วไปจริงๆ

ทั้งสองคนกำลังเดินไปที่ร้านอาหาร แต่จู่ๆ ฉินหงเหยียนก็ดึงมือเย่เฉินเอาไว้

“ขอโทษค่ะ คุณเย่ แต่ที่ประตูมีน้ำเยอะเลย ฉันกลัวว่า…” ฉินหงเหยียนอธิบาย

“อ้อ”

เย่เฉินเองก็ปฏิเสธไม่ค่อยถนัดปากนัก เขาถึงต้องจูงมือฉินหงเหยียนเหมือนพวกเขาสองคนเป็นคู่รักเดินเข้าไปในร้านอาหาร

แต่เย่เฉินกลับสะท้อนในใจ “สามปีที่ผ่านมา อยากจะจูงมือหวังเจียเหยาเข้ามาร้านเสมอแต่ทุกครั้งหล่อนไม่เคยยินยอมเลย ที่ในที่สุดวันนี้ก็สมปรารถนา ได้รู้สักทีว่าสัมผัสของมือผู้หญิงเป็นยังไง”

เย่เฉินไม่ใช่นักบุญที่ไหน เขาเป็นคนธรรมดามีภรรยาสวยๆ แบบหวังเจียเหยา เขาจะไม่อยากครอบครองได้ยังไง?

เย่เฉินอยากครอบครองหวังเจียเหยาอย่างสมบูรณ์แต่ในความเป็นจริงกลับกลายเป็นว่าฟางเชาเคยได้ครอบครองหล่อน ส่วนเขากลับไม่เคยได้ครอบครองอีกฝ่าย!

“คุณเย่…คุณทำฉันเจ็บ” ฉินหงเหยียนเตือน

ที่แท้เย่เฉินออกแรงมากเกินไปจนทำให้ฉินหงเหยียนเจ็บ

เย่เฉินได้สติกลับมาทันที “ขอโทษด้วยหงเหยียน พออยู่ด้านนอกคุณเรียกชื่อผมเฉยๆ ก็พอ”

พอเข้าไปในร้านอาหารเย่เฉินก็สั่ง ‘บะหมี่ไก่น้อย’ ที่เป็นเมนูแนะนำของที่นี่ แล้วสั่งอาหารอีกหลายจานมาด้วยแล้วก็นั่งลง

หลังจากนั่งลงแล้วฉินหงเหยียนก็เห็นเย่เฉินไม่พูดไม่จา ใบหน้าเคร่งเครียดจึงเอ่ยถาม “เย่เฉินเมื่อกี้คุณคิดอะไร? ท่าทางดูไม่มีความสุขเลย”

เย่เฉินรินชาให้ตัวเอง “ไม่มีอะไร”

เย่เฉินดื่มชาพลางมองออกไปนอกหน้าต่างแล้วกล่าวกับตนเองในใจ “หวังเจียเหยาตอนนี้น่าจะกำลังกินอาหารฝรั่งกับคนสารเลวฟางเชานั่นอยู่อย่างหวานแหววล่ะมั้ง? พวกเขาทำกับฉันแบบนี้ บางทีฉันควรจะให้หลิวเจิ้งคุนไปตัดน้องชายของฟางเชาทิ้งไปเลย!”

เย่เฉินไม่เคยคิดจะทำแบบนี้ แต่น่าเสียดายที่หวังเจียเหยา ต่อให้ไม่มีฟางเชา ก็คงจะต้องมีหวังเชา หลี่เชา

ผู้หญิงคนหนึ่งอยากจะนอกใจจะห้ามยังไงก็ไม่ได้หรอก

……

ในเวลาเดียวกัน ณ สตาร์บัคในห้างสรรพสินค้าใจกลางเมืองอวิ๋นโจว

“หงเย่ ทางนี้!”

หวังเจียเหยานั่งอยู่ข้างหน้าต่างโบกมือเรียกซ่งหงเย่เพื่อนสนิทตนเอง

หล่อนไม่ได้นัดฟางเชา ที่บอกว่าจะไปกินอาหารฝรั่งกับฟางเชาเมื่อครู่ก็เพื่อยั่วโมโหเย่เฉินเท่านั้น

ซ่งหงเย่ไม่ได้มาเพียงคนเดียวแต่มีผู้ชายหน้าตาหล่อเหลาอายุประมาณยี่สิบปีอยู่ข้างกาย

ด้วยส่วนสูง 180 เซนติเมตร รอยยิ้มสดใส หน้าตาหล่อเหลา พอเปรียบกับไอดอลหนุ่มน้อยที่กำลังดังในช่วงนี้เกรงว่าจะไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย

ซ่งหงเย่จูงมือหนุ่มน้อยแล้วเดินเข้าไป

“ทักทายพี่สาวเสียสิ”

ซ่งหงเย่นั่งลงพร้อมกับบอกหนุ่มน้อยข้างตัว

หนุ่มหล่อคนนั้นว่าง่ายอย่างมาก “พี่เจียเหยา”

หวังเจียเหยาเองก็เอ่ยพร้อมระบายยิ้ม “สวัสดีจ้ะ สุดหล่อ”

จากนั้นซ่งหงเย่ก็คุยกับหนุ่มน้อยคนนั้นต่อ “ไปสั่งกาแฟให้ฉันหน่อย แล้วเธอไปเดินเล่นในห้างก่อนนะ พอฉันคุยกับเพื่อนเสร็จแล้วจะโทรเรียก”

“ครับ” หนุ่มน้อยรับคำแล้วเดินจากไปอย่างว่าง่าย

หวังเจียเหยาอิจฉาอย่างมาก “หงเย่ หนุ่มน้อยคนนี้คือใคร? เพิ่งรู้จักเหรอ? เคยนอนด้วยกันแล้วหรือยัง?”

ซ่งหงเย่หยิบมือถือออกมาจากกระเป๋าแล้วตอบอย่างลำพองใจ “แน่นอน”

หวังเจียเหยากล่าว “เธอนี่มันจริงๆ เลย หลังจากแต่งงาน นี่น่าจะเป็นคนที่สามแล้วใช่ไหม?”

แล้วจึงได้เห็นซ่งหงเย่ชูนิ้วขึ้นมาสี่นิ้วแทนคำตอบ