ทว่าอวิ๋นหว่านชิ่นกลับไม่โกรธและไม่รีบ ค่อยๆ ก้มตัวลงเก็บกระปุกผ้าแพรใบเล็กขึ้นมา ไม่ผิด นี่เป็นกระปุกผ้าแพรที่ตนใช้บรรจุเครื่องสำอาง ส่วนครีมที่อยู่ด้านใน ปกตินางก็ใช้กระปุกทรงกลมเช่นนี้บรรจุ โดยเครื่องสำอางชนิดน้ำกับชนิดผงจะใช้ขวดกระเบื้องเคลือบคอยาวใบเล็กบรรจุ
พอเปิดออกดู ก็เห็นว่าครีมที่อยู่ด้านใน ตนทำเองกับมือจริงๆ
เป็นครีมกลิ่นกุหลาบ
ปกติแล้ว หญิงสาวจะทาครีมลงมาถึงลำคอและหลังใบหู เพื่อรักษากลิ่นหอมให้กระจายออกได้อย่างยาวนานและเป็นธรรมชาติ มิน่าเล่าบริเวณกรามล่างของหานเจียวถึงได้อักเสบรุนแรงสุด
พอนำขึ้นสูดดม
ไม่ถูกต้อง
อวิ๋นหว่านชิ่นนิ่งไปสักพัก ในครีมกลิ่นกุหลาบมีส่วนผสมเกินมาหนึ่งอย่าง ซึ่งนางไม่เคยใส่เพิ่มลงไป
กลิ่นออกแนวหวานจางๆ รวมอยู่กับกลิ่นเข้มข้นของดอกกุหลาบ
อวิ๋นหว่านชิ่นจึงหันไปกำชับเสียงต่ำกับชูซย่าสองสามประโยค แล้วชูซย่าก็เดินเข้าห้องด้านในไป สักครู่ก็รีบสาวเท้าก้าวออกมา พร้อมอุ้มกล่องใส่ของใบเล็กไว้ในมือ ขณะเดียวกันก็ส่งของสิ่งหนึ่งให้คุณหนูใหญ่
อวิ๋นหว่านชิ่นก้าวลงบันได เดินรอบตัวหานเจียวหลายรอบ เพื่อประเมินรอยบวมแดงที่บริเวณแก้มและลำคอของนาง ก่อนยื่นมือเข้าใกล้ใบหน้าหานเจียว
แสงสีเงินบนนิ้วมือเรียวยาววาบผ่าน โดยที่หานเจียวยังไม่ทันตั้งตัว พอล่างแก้มเจ็บแสบ ค่อยรู้สึกตัวว่าถูกอวิ๋นหว่านชิ่นข่วนหน้าไปทีหนึ่ง จึงร้องเสียงดัง ขณะยกมือขึ้นปิดตามสัญชาตญาณ กลับถูกเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้าดึงมือไว้ พลางดุด้วยเสียงอันทรงพลัง ชนิดที่ไม่อนุญาตให้ปฏิเสธ
“ถ้าไม่อยากให้หน้าเละและอักเสบต่อ อย่าใช้มือจับ!”
หานเจียวตกใจ แต่ก็เจ็บไปแล้ว ช่วยไม่ได้ จึงได้แต่ทำตามคำพูดของอวิ๋นหว่านชิ่น ค่อยๆ ลดมือลง
อวิ๋นหว่านชิ่นใช้เข็มเงินยาวราวสองนิ้วจิ้มเข้าที่เม็ดหนองหลายเม็ดบนใบหน้าหานเจียว เพื่อให้น้ำหนองไหลออกมา ก่อนชูมือขึ้น
ชูซย่ารีบนำกล่องใส่ของใบเล็กเข้ามา แล้วหยิบถุงมือเยื่อไหมที่คุณหนูใหญ่ใช้ครั้งเดียวแล้วทิ้งเวลาทำเครื่องสำอางออกมา
อวิ๋นหว่านชิ่นใส่ถุงมืออย่างรวดเร็ว หยิบก้อนสำลีที่ใช้ซับน้ำเวลาทำเครื่องสำอางขึ้นมาหนึ่งก้อน แล้วนำไปกดที่ปากแผลของหานเจียว
“เจ้า นี่เจ้าจะทำอะไรน่ะ” หานเจียวรู้ว่านางพยายามรักษาตน แต่ไม่รู้ว่านางกำลังจะทำอะไรกันแน่ จึงถามเสียงสั่นเล็กน้อย ถ้ารู้แต่แรกว่านางจะเอาเข็มจิ้มหน้า ตนต้องไม่กล้าให้นางทำแน่ ไหนเลยจะคิดว่า คุณหนูใหญ่สกุลอวิ๋นนี่ พอมาถึงก็ลงมือก่อนค่อยรายงานทีหลัง ไวแท้
จื่อเหินกับเหมยเซียนก็ตะลึงงันเช่นเดียวกัน เห็นเพียงเข็มเงินของคุณหนูอวิ๋นจิ้มเข้าที่ตุ่มหนองเล็กใหญ่หลายตุ่มอย่างรวดเร็ว แล้วน้ำหนองสีเหลืองแดงก็ทยอยกันไหลออก แม้ดูเหมือนตุ่มหนองยุบลง ผิวหนังเรียบลง แต่ผิวหนังรอบๆ ก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเข้มอย่างน่าตกใจในทันที ซึ่งไม่รู้ว่าจะกลายเป็นแผลเป็นหรือเปล่า
พอสองสาวได้สติ ก็เริ่มส่งเสียง ด้วยการก้าวเข้ามา คิดที่จะดึงมือของอวิ๋นหว่านชิ่นลง แต่กลับไม่กล้า จึงได้แต่พูดขู่ “ระวังให้ดีล่ะ อย่าทำหน้าพี่สาวเราลายเชียว!”
“เสียงจุกจิกเยอะแยะอะไรอีก อุตส่าห์ทำดีกลับไม่ได้ดี ถ้าไม่เชื่อใจคุณหนูเรา ก็เชิญออกไปตอนนี้ยังได้! ไม่มีใครขวางพวกเจ้าหรอก!” เมี่ยวเอ๋อร์ตอกกลับ
เมื่อสองสาวเห็นสาวใช้สกุลอวิ๋นดุขนาดนี้ ก็ค้อนให้หนึ่งขวับ แล้วไม่พูดอะไรอีก
พอกดปากแผลเพื่อห้ามเลือดเสร็จ อวิ๋นหว่านชิ่นก็คีบสำลีอีกก้อน ใส่ลงไปในขวดกระเบื้องเคลือบลายนก คล้ายจุ่มไว้สักพัก ค่อยคีบออกมา ทว่าขณะนำก้อนสำลีชุ่มๆ เข้าใกล้ใบหน้าหานเจียวๆ ก็ร้อง เพราะได้กลิ่นแปลกๆ “นี่มันอะไรอีก…”
“สารสกัดจากพืช ใช้ต้านการอักเสบและบวม”
หานเจียวรู้สึกว่ากลิ่นออกเย็นๆ คล้ายเพิ่งนำออกมาจากถังน้ำแข็งอย่างไรอย่างนั้น ไม่หอมมาก มีกลิ่นเหม็นเขียวอ่อนๆ ค่อยวางใจลง รอจนก้อนสำลีชุ่มแปะลงบนแผล ความเจ็บก็ค่อยๆ ทุเลาลง ไม่รู้สึกตึงอีก กลับรู้สึกว่าผิวหน้าเย็นสบายขึ้นมาก
ผ่านไปสักพัก ขณะอวิ๋นหว่านชิ่นจะเอาออก หานเจียวกลับเสียดาย “แปะต่ออีกหน่อยก็ได้…”
เมื่อเห็นน้ำเสียงนางดีขึ้นมาก ไม่มีวี่แววว่าจะหาเรื่องอีก อวิ๋นหว่านชิ่นก็ได้แต่ยิ้ม
จากนั้นก็คีบก้อนสำลีที่ใช้แล้วทิ้ง แล้วหันไปเทผงอะไรบางอย่างออกจากขวดกระเบื้องเคลือบใบเล็ก ลงบนกระดาษเนื้อบาง ก่อนใช้นิ้วเกลี่ยเบาๆ แล้วแต้มลงบนแผลของหานเจียวทีละจุด สุดท้าย ค่อยว่า
“เมี่ยวเอ๋อร์ หยิบคันฉ่องมา”
หานเจียวรับคันฉ่องมาส่องดู พลันตกใจ เวลาผ่านไปไม่ถึงหนึ่งถ้วยชา วิธีจิ้ม กด ซับ ทา ของคุณหนูอวิ๋น ทำให้ตุ่มใสบริเวณกรามของตนหายไปอย่างไร้ร่องรอย ปื้นแดงก็พลอยหายไปด้วย เหลือเพียงรอยเล็บที่เกิดจากการเกาของตน ซึ่งก็มองไม่ค่อยเห็นแล้ว โดยเฉพาะตอนนี้ที่ตนโปะแป้งฝุ่นทับไปชั้นหนึ่ง ผิวหน้าก็ดูขาวสะอาดขึ้นมาก ถ้าไม่เข้ามาดูใกล้ๆ ก็ไม่มีทางเห็นปื้นที่น่าตกใจแบบเดิมอีก
“ชูซย่า นำเวชสำอางสองชนิดที่ข้าใช้เมื่อครู่ออกมาชนิดละสองขวด ให้แม่นางหานเจียวไป”
กำชับเสร็จ อวิ๋นหว่านชิ่นก็หันหาหานเจียว “พอกลับไป ให้ทาวันละสองครั้งเช้าเย็น ใช้สำลีก้อนจุ่มชนิดที่เป็นของเหลวแล้วเช็ดก่อน ค่อยใช้ชนิดผงทาที่แผล เช่นนี้ไม่กี่วัน ก็น่าจะหาย”
“ไม่กี่วันก็หายหรือ คุณหนูอวิ๋น…ใช้วิธีอะไรกับข้า ยาสองชนิดนี้คืออะไร ทำมาจากอะไร”
หานเจียวพูดตะกุกตะกัก ครั้งนี้นางเรียกขานได้นอบน้อมขึ้น แม้ไม่อยากจะเชื่อ แต่ก็ไม่เชื่อไม่ได้ ด้วยเมื่อครู่หน้านางบวมมาก คล้ายจะพังมิพังแหล่
อวิ๋นหว่านชิ่นจึงว่า “ใบหน้าของแม่นางหานเจียวรับของที่ไม่ถูกกับร่างกายเข้ามา ผิวหน้าจึงบวมแดง ต่อมาก็คันจนทนไม่ไหว ต้องใช้มือเกาบ่อยๆ แม้ล้างมือแล้ว แต่ก็ใช่ว่าจะสะอาดหมดจด โดยเฉพาะอาการบวมแดงบนใบหน้าแม่นาง มีแผลเล็กๆ ปนอยู่ พอไม่ทันระวัง ถูกมือที่สกปรกเกาเข้า แผลบนผิวหน้าก็ขยายใหญ่ จนกลายเป็นหนอง เมื่อครู่ข้าเห็นว่ามันสุกเต็มที่แล้ว ถ้าปล่อยไป ตุ่มก็จะค่อยๆ ฝ่อ กลายเป็นสะเก็ดหนาแข็ง ข้าจึงใช้เข็มเจาะให้น้ำหนองไหลออกมา”
“เพราะมือไม่สะอาด คุณหนูอวิ๋นถึงต้องใส่ถุงมือคู่นั้นหรือ ถุงมือที่ข้าเห็นเป็นประจำทั้งใหญ่ทั้งกว้าง แต่ของคุณหนูอวิ๋นไม่เหมือนกัน” ถุงมือคู่นั้นทั้งบางและนุ่มมาก ใส่แล้วติดเป็นหนึ่งเดียวกับมือ และเห็นนิ้วมือทั้งห้าอย่างชัดเจน
อวิ๋นหว่านชิ่นพยักหน้า “เป็นถุงมือเยื่อไหมที่ข้าสั่งทำขึ้นโดยเฉพาะ ใช้สะดวก ไม่เทอะทะ เห็นสิ่งสกปรกชัดเจน เนื่องจากต้องป้องกันการติดเชื้อรอบสอง พอปล่อยน้ำหนอง ข้าก็ใช้ก้อนสำลีชุบสารสกัดจากดอกสายน้ำผึ้งกดหน้าเจ้าไว้”
“สารสกัดจาก…ดอกสายน้ำผึ้ง?”
อวิ๋นหว่านชิ่นว่า “ดอกสายน้ำผึ้ง มีกลิ่นหอมสดชื่น ฤทธิ์เย็น ขับร้อนถอนพิษ ช่วยบรรเทาอาการแสบร้อนและตึงที่แผล สุดท้ายค่อยแต้มผงดอกกุหลาบ ดอกกุหลาบช่วยให้เลือดไหลเวียน ลดอาการบวม ป้องกันไม่ให้เลือดเหนียว”
พอฟังถึงตรงนี้ หานเจียวก็รู้แล้วว่าเด็กสาวที่อยู่ตรงหน้ามีความสามารถจริงๆ และพอนึกถึงตอนแรกที่ตนเสียมารยาท เอะอะโวยวายไป ก็รู้สึกผิดขึ้นมา และในตอนนี้เอง จื่อเหินที่อยู่ข้างๆ ก็กระซิบเสียงเบา
“ต่อให้นางรักษาหน้าพี่ได้ ก็เป็นเรื่องที่สมควรแล้ว ใครทำ ใครก็ต้องรับผิดชอบ เป็นเรื่องธรรมดา”
อวิ๋นหว่านชิ่นได้ยินก็ไม่โกรธ ควักครีมกุหลาบในกระปุกขึ้นมาบี้ดู ยกกระปุกขึ้นเขย่าไปมา แล้วว่า
“เมื่อจัดการเรื่องสำคัญเสร็จ เช่นนั้น ข้าก็อยากถามอีกหน่อยว่า แม่นางหานเจียวแพ้น้ำผึ้งใช่หรือไม่ หรือพูดอีกอย่างก็คือ ทุกครั้งที่ทานน้ำผึ้ง จะรู้สึกไม่ค่อยสบาย”
หานเจียวตะลึงงันอยู่ครึ่งค่อนวัน ก่อนตอบ “เจ้า เจ้ารู้ได้อย่างไร”
จื่อเหินกับเหมยเซียนก็อึ้งเช่นเดียวกัน หานเจียวกินน้ำผึ้งไม่ได้จริงๆ กินแล้วจะอาเจียนและท้องเสีย รู้สึกแน่นท้อง ไม่สบายไปหมด เรื่องนี้พี่น้องบนเรือสำราญว่านชุน รวมทั้งแมงดาและมาม่าซังล้วนรู้ดี แต่คนนอกอย่างนางรู้ได้อย่างไร
“เช่นนี้ก็ชัดเจน” อวิ๋นหว่านชิ่นนำกระปุกครีมกุหลาบยัดใส่มือหานเจียว “หมอที่เจ้าไปหาพูดไม่ผิด ในครีมไม่มีพิษ เพียงแต่ ถูกใครบางคนเติมน้ำผึ้งลงไป” ว่าแล้วก็หันไปหยิบครีมกุหลาบกระปุกที่เหมือนกันส่งให้หานเจียวกับน้องๆ
“นี่ก็คือครีมกุหลาบที่ข้าทำเหมือนกัน แม่นางหานเจียวมองแวบเดียวก็รู้ ในกระปุกดั้งเดิมคือครีมกุหลาบบริสุทธิ์ ที่ไม่มีน้ำผึ้งเป็นส่วนผสม ถ้าไม่เชื่อ ก็นำกลับไปแล้วให้คนที่ไว้ใจ ตรวจสอบอย่างละเอียดดูได้”
หานเจียวอึ้ง เข้าใจแล้ว จึงสะบัดแขนเสื้อ โกรธจนเลิกคิ้วดั่งต้นหลิวขึ้น
“หรือเด็กรับใช้ที่ไปซื้อเครื่องสำอางนั่น จงใจทำร้ายข้า?”
อวิ๋นหว่านชิ่นว่า “พอแม่นางหานเจียวกลับไปแล้ว ก็ลองเรียกเด็กรับใช้มาสอบถามดู น่าจะพอรู้อะไรระแคะระคายอยู่ แต่ไม่ว่าใครคิดทำร้ายแม่นาง อย่างไรก็ไม่ใช่ข้า ที่ไม่เคยโกรธแค้นอะไรแม่นางเลย ที่ข้าให้แม่นางเข้ามา และรักษาหน้าให้แม่นาง ก็เพราะอยากให้เข้าใจว่า อย่าได้หลงกลใคร หรือตกเป็นเครื่องมือของใครได้ง่ายๆ”