หลังจากออกมาจากที่พักของชานาเนสกับสองแฝด เธอก็มุ่งหน้าไปหาเครย์ลีบันทันที

 

โล่งอกที่เครย์ลีบันซึ่งนั่งอยู่ในห้องทำงานของตนเองถึงจะสงสัยเล็กน้อย แต่ก็ยอมเปิดประตูให้เธอ

 

“คุณหนูมีธุระอะไรที่นี่ครับ”

 

“พอดีมีเรื่องสงสัยอยู่เรื่องหนึ่งน่ะค่ะ”

 

เครย์ลีบันขยับกองเอกสารที่วางพะเนินอยู่บนโต๊ะออกไปด้านข้างเพื่อให้มองเห็นหน้าเธอ เขาเลิกคิ้วขึ้น ท่าทางดูจะอยากรู้มากพอควรว่าเธอจะถามอะไร

 

“ถ้าจะเข้าศึกษาที่อะคาเดมีประจำอาณาจักร จะต้องทำยังไงเหรอคะ อาจารย์”

 

“พูดถึง…อะคาเดมีของอาณาจักรหรือครับ”

 

เครย์ลีบันดูสับสน

 

เขาจ้องเธออยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะถอดแว่นตาไร้ขอบออก ในขณะที่ปากก็เอ่ยถามเธอไปด้วย

 

“อยากไปอะคาเดมีหรือครับ”

 

ทันทีที่พูดจบเครย์ลีบันก็ขมวดคิ้วเสียจนหน้าผากยับย่น

 

“อะคาเดมีของอาณาจักรเป็นสถาบันการศึกษาแบบหกปีการศึกษา หากเข้าไปแล้วนอกจากปิดภาคเรียนที่จะมีหนึ่งครั้งในแต่ละปี ก็ไม่สามารถออกมาได้…”

 

“เปล่าค่ะ! ไม่ใช่ข้านะคะ!”

 

เธอรีบเอ่ยพูดก่อนที่คำพูดข่มขู่โดยแสร้งทำเป็นพูดแนะนำนั่นจะถูกพูดออกมาต่อ

 

“ไม่ใช่ข้า แต่พอดีมีคนบอกอยากจะเข้าเรียนที่อะคาเดมีของอาณาจักรอยู่น่ะค่ะ”

 

“อาฮะ”

 

รังสีอำมหิตของเครย์ลีบันอ่อนยวบในทันที

 

เครย์ลีบันพิงกายลงกับพนักเก้าอี้ด้วยท่วงท่าผ่อนคลายลงระดับหนึ่ง เขาเอ่ยถามด้วยนัยน์ตาที่ตอนนี้เหลือเพียงแค่ความอยากรู้แล้วจริงๆ

 

“คุณหนูถึงขนาดมาถามวิธีการเข้าเรียนที่อะคาเดมีให้แทนแบบนี้ ใครหรือครับ”

 

คิดอยู่ว่าเล่าเรื่องชีวิตส่วนตัวออกไปมันจะดีหรือ แต่ยังไงเธอก็มีเรื่องให้ต้องถามเครย์ลีบันอีกหลายเรื่อง คงจะปกปิดเอาไว้ไม่ได้ จึงเอ่ยตอบกลับไป

 

“เอสทีร่าค่ะ เห็นว่าอยากจะไปศึกษาเกี่ยวกับสมุนไพรศาสตร์จริงๆ จังๆ ที่อะคาเดมีน่ะค่ะ”

 

“เอสทีร่า…พูดถึงศิษย์คนเล็กของดอกเตอร์โอมัลลี่สินะครับ”

 

ราวกับกำลังเคาะเครื่องคิดเลขอยู่ในหัวสมอง เพียงไม่นานเครย์ลีบันก็พยักหน้าลง

 

“หากเป็นผู้หญิงคนนั้น บางทีอาจจะเข้าศึกษาได้อย่างไร้อุปสรรค ถ้าแจ้งแก่ท่านเจ้าตระกูลก็คงจะแก้ปัญหาเรื่องเงินค่าลงทะเบียนกับเงินค่าแรกเข้าได้อย่างง่ายดายเลยครับ ที่เหลือก็มีแต่ข้อสอบเข้าเรียน ซึ่งมันก็เป็นแค่ข้อสอบความรู้พื้นฐานทั่วไป…”

 

“ไม่ใช่นักเรียนค่ะ เอสทีร่าจะต้องเข้าไปในฐานะนักวิจัยค่ะ”

 

“ต้องเข้าไปอย่างนั้นหรือครับ”

 

คำพูดหนักแน่นของเธอทำให้เครย์ลีบันเอียงคอด้วยความงุนงง

 

ให้ตายเถอะ เธอดันเผลอออกตัวแรงเกินไปเสียได้

 

เธอรีบพูดกลบเกลื่อน

 

“คือแบบว่า เอสทีร่าบอกว่าอยากทำแบบนั้นน่ะค่ะ!”

 

“หืม…”

 

เครย์ลีบันมองเธอด้วยนัยน์ตาสงสัยอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเอ่ยพูด

 

“ถ้าหากไม่ใช่นักเรียนเข้าใหม่ แต่อยากจะเข้าไปในฐานะนักวิจัยแล้วละก็ เรื่องมันจะแตกต่างออกไปเล็กน้อยครับ เงื่อนไขย่อมจุกจิกมากกว่าอยู่แล้วละครับ”

 

ก็นะ ได้ชื่อว่าเป็นอะคาเดมีของอาณาจักร ย่อมไม่มีทางเข้าได้ง่ายๆ อยู่แล้วแถมเอสทีร่ายังไม่ใช่นักเรียนที่จบการศึกษาจากอะคาเดมีอีกด้วย

 

เธอกลืนน้ำลายเสียงดังเอื๊อก หูกระดิก

 

“ก่อนอื่น นักศึกษาวิจัยจำเป็นต้องใช้เงินมากกว่านักเรียนครับ เพราะการวิจัยค้นคว้าส่วนตัวก็ย่อมต้องรับผิดชอบเงินที่ใช้กันเองน่ะครับ”

 

“และอะไรอีกคะ”

 

“และต้องมีใบแนะนำครับ”

 

“ใบแนะนำเหรอคะ”

 

เรื่องเงินยังไงเธอก็ช่วยรับผิดชอบแทนได้ แต่ใบแนะนำนี่มันไม่ใช่สิ่งที่เธอจะช่วยเขียนให้ได้

 

“ต้องใช้ใบแนะนำจากใครเหรอคะ”

 

“ไม่ทราบสิครับ ใบแนะนำของดอกเตอร์โอมัลลี่ที่สอนเอสทีร่ามา น่าจะหาได้ง่ายที่สุดนะครับ”

 

เธอพยักหน้าลง เมื่อนึกถึงใบหน้าของดอกเตอร์โอมัลลี่ที่ดูแล้วไม่น่าจะเป็นคนจุกจิกอะไรขนาดนั้น

 

“ดอกเตอร์โอมัลลี่เป็นคนที่มีฐานะสูงด้วยชื่อเสียงของการเป็นหมอประจำตระกูลลอมบาร์เดีย ดังนั้นถ้าเอสทีร่าได้รับใบแนะนำมา และส่งใบสมัครไปในฐานะนักเรียนทุนของลอมบาร์เดีย ทางอะคาเดมีก็จะตอบอนุญาตในทันทีครับ”

 

ว่าแล้วเชียว ลอมบาร์เดียเจ๋งที่สุด

 

ไม่ว่าจะเป็นที่ไหน ก็ไม่มีที่ใดที่อำนาจของพวกเราไปไม่ถึง

 

เครย์ลีบันยังคงอธิบายต่อไป ให้เธอที่กำลังคิดว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็จะต้องปกป้องตระกูลนี้ไว้ให้ได้

 

“อันที่จริง สิ่งที่ดีที่สุดก็คือ ใบแนะนำของท่านเจ้าตระกูลหรือท่านโบรชูลที่เคยเป็นถึงรองอาจารย์ใหญ่ของอะคาเดมี แต่เพราะทั้งสองคนเป็นบุคคลที่ระมัดระวังเกี่ยวกับการเขียนใบแนะนำกันทั้งคู่ จึงน่าจะยากครับ”

 

ดอกเตอร์โอมัลลี่ช่วยสอนเอสทีร่าด้วยตัวเอง

 

ย่อมต้องทราบดีที่สุดว่านางเป็นคนฉลาดมาก และยังมีใจรักในสมุนไพรศาสตร์ขนาดไหน ดังนั้นเรื่องขอใบแนะนำจึงไม่น่ายากอะไร

 

เธอคิดแบบนั้นแท้ๆ

 

“ขอบคุณที่บอกนะคะ! งั้นข้าขอตัวไปแจ้งข่าวให้เอสทีร่าก่อนนะคะ อาจารย์!”

 

เธอโค้งศีรษะกล่าวลา ก่อนจะออกมาจากห้องทำงานของเครย์ลีบัน

 

“ต้องรีบหน่อยนะครับ”

 

เมื่อมาถึงห้องวิจัยของดอกเตอร์โอมัลลี่ เธอก็ได้รู้ความหมายของรอยยิ้มของเครย์ลีบันที่ทำให้รู้สึกสังหรณ์ใจพิกล

 

“ขอบคุณครับ อาจารย์!”

 

“ฮ่าฮ่า ไปแล้วก็พยายามเข้าล่ะ”

 

นี่มันอะไรกัน

 

เธอยืนนิ่งอยู่หน้าประตู

 

ชายคนหนึ่งเปล่งประกายระยิบระยับไปทั้งตัวเหมือนทาน้ำมันตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เขากำลังกล่าวทักทายดอกเตอร์โอมัลลี่ด้วยรอยยิ้มประจบประแจง

 

“ครับ ไปแล้วจะตั้งใจศึกษาวิจัย ไม่ให้ชื่อเสียงของอาจารย์ต้องมัวหมองเลยครับ! ”

 

ด้านหลังอาจารย์กับลูกศิษย์ที่หัวเราะเสียงดังฮ่าฮ่า โฮ่โฮ่ กันอย่างรักใคร่ เอสทีร่ากำลังมองภาพของทั้งสองคนอยู่ด้วยรอยยิ้มขมขื่น

 

เสียงชายผมมันเยิ้มคนนั้นดังขึ้นเสียงก้องทิ่มแทงเข้ามาในโสตประสาทหูของเธอที่กำลังยืนเหม่อด้วยยังไม่อาจเข้าใจในสถานการณ์ได้

 

“ขอบคุณจริงๆ ครับ ที่ช่วยเขียนใบแนะนำให้! ”