ตอนนี้เอง
“หยุด!” มีเสียงตะโกนดังมาจากข้างหน้า
หูทั่นตกใจสะดุ้ง หักรถอย่างรุนแรง รถสามล้อพุ่งเข้าไปในร่องน้ำแล้วพลิกคว่ำ! ตอนที่หูทั่นล้ม เขาเห็นเจ้าคนที่เรียกรถให้หยุด นั่นคือชาวบ้านใจดีที่บอกทางตอนเข้าหมู่บ้าน!
แต่ต่อมาเส้นประสาทหู่ทั่นก็บีบรัดตัว!
ใบไม้ ร่องน้ำ รถคว่ำ! จากนั้นล่ะ?
แกล้งสลบ!
หูทั่นคิดได้ดังนั้นก็เลิกคิดจะปีนขึ้นไปด่าทอโดยจิตใต้สำนึก แต่นอนหมอบแน่นิ่ง เขาไม่รู้ว่าทำไมต้องฟังหลวงจีนนั่น รู้สึกแค่ว่าเรื่องนี้บังเอิญเกินไป บังเอิญจนเขาอดเชื่อไม่ได้
“เฮ้ย แย่แล้ว!” ซ่งเอ้อโก่วเห็นรถคว่ำก็หมุนตัวหนีไป ทั้งยังด่าในใจ ‘มีแต่คนบอกว่าแมวตายเพราะอยากรู้อยากเห็น ไม่เห็นมีใครเคยบอกฉันเลยว่าความอยากรู้อยากเห็นจะทำให้แมวบ้านอื่นตายด้วย! ซวยแล้ว! ฉันก็อยากรู้นี่ว่าใครส่งของให้ฟางเจิ้ง! ฟ้าดินมีคุณธรรม ฉันไม่ได้ตั้งใจฆ่าคนนะ! ไม่ได้ ยังกลับไปหมู่บ้านไม่ได้ เรื่องใหญ่แบบนี้ถ้าแจ้งตำรวจจะต้องมาหาบ้านฉันแน่ ไปหาญาติก็ไม่ได้ อีกเดี๋ยวคงจับได้ ไม่แน่ว่าอาจจะไม่เห็นแก่ญาติพี่น้อง ไปไหนดี ไปไหนดี…’
ซ่งเอ้อโก่วหวาดผวาแล้ว ความจริงถ้าเขาใจเย็นคิดดูดีๆ แล้วไปตรวจลมหายใจหูทั่นก็คงไม่เป็นแบบนี้ แต่เขาเป็นชาวบ้านตัวเล็กๆ ถึงตลอดชีวิตนี้จะไม่ได้ทำความดีอะไร แต่ก็ไม่เคยทำเรื่องชั่วร้ายมาก่อน ความขี้ขลาด ความกลัวต่างหากคือนิสัยเขา
ซ่งเอ้อโก่วตระหนกจนทำอะไรไม่ถูก จึงวิ่งกลับไปในหมู่บ้าน
เห็นอยู่ไกลๆ ว่าหยางหวาหิ้วขวดเหล้าอยู่ กำลังเดินมาอย่างปลื้มใจ แถมยังเรียกชื่อเขา
เขาคิดว่าแผนแตกแล้วจึงวิ่งเร็วกว่าเดิม วิ่งไปทางตะวันออกจนออกจากหมู่บ้าน
ส่วนด้านหูทั่น หลังหมดสติก็พบว่าซ่งเอ้อโก่วหนีไปแล้วจึงสำนึกเสียใจภายหลัง รถคว่ำแล้วจะมีคนซ่อมไหม? เจ้านั่นทำให้ตนตกใจก็ควรรับผิดชอบบ้าง! เขาหนีไปแล้ว ตนคงต้องซ่อมเองใช่ไหม?
ขณะที่หูทั่นกำลังด่าหลวงจีนนั่นว่าไร้ยางอายที่หลอกเขา ทั้งยังหลอกให้ตกร่องน้ำอยู่ในใจและเตรียมจะปีนขึ้นไปนั้น
มีเสียงปังดังมาจากข้างหลัง ทำเอาเขาล้มเลิกความคิดไป
ต่อมาก็ได้ยินเสียงแปลกๆ “บ้าเอ๊ย ก็คิดว่าตำรวจ ทำเอาตกใจแทบแย่ พนักงานส่งด่วนโง่นี่ขับสามล้อคว่ำเฉย…ขยะจริงๆ ยังดีที่หมดสติไป ถ้าตื่นล่ะก็เป็นปัญหาแน่ ถ้าเสียงดังคงต้องฆ่าทิ้ง”
ได้ยินดังนั้นหูทั่นตกใจจนเกร็งไปทั้งตัว เขานอนเอาหน้าคว่ำกับพื้น พออีกฝ่ายมั่นใจว่าหูทั่นไม่เห็นตนจึงวิ่งหนีไป
หูทั่นรอจนอีกฝ่ายไปไกลแล้วถึงตั้งสติกลับมา ลุกขึ้นนั่ง ปาดเหงื่อเย็นๆ บนใบหน้า! เสื้อข้างหลังชุ่มไปด้วยเหงื่อ เขานั่งกับพื้นอยู่นานก็ยังลุกไม่ได้ ในความคิดขาวโพลนไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่
จนเขาได้สติกลับมา มีชาวบ้านวิ่งมาแล้ว เห็นรถหูทั่นพลิกคว่ำ จึงตรงเข้ามาถามด้วยความใจดี
หูทั่นถึงมีสติเต็มร้อย รีบพูด “แจ้งตำรวจ แจ้งตำรวจ…มีโทรศัพท์ไหม? เฮ้ย ฉันก็มีนี่!”
หูทั่นควักมือถือออกมาแจ้งตำรวจโดยพลัน
ส่วนผู้ใหญ่บ้านหวังโอ้วกุ้ยมีสีหน้ามึนงง ออกไปตรวจรอบหนึ่ง พอกลับมาก็เห็นว่าตรงประตูบ้านมีโน๊ตเพิ่มมาแผ่นหนึ่ง ให้เขาแจ้งตำรวจ!
“เด็กบ้านไหนมาก่อเรื่องแบบนี้อีกแล้ว” หวังโอ้วกุ้ยด่าทอและก็คิดว่าไม่มีอะไร ตอนนี้เองได้ยินจากข้างนอกว่ามีพนักงานส่งด่วนรถคว่ำจึงรีบออกไป
เห็นหูทั่นควักมือถือมาแจ้งตำรวจ หวังโอ้วกุ้ยก็รู้สึกไม่ดีจึงถาม “ไอ้หนู เกิดอะไรขึ้น?”
หูทั่นไม่มีเวลาสนใจหวังโอ้วกุ้ย สื่อว่าให้หวังโอ้วกุ้ยรอก่อนแล้วแจ้งตำรวจไปว่า “ผมอยู่หมู่บ้านเอกดรรชนีครับ มีคนซ่อนอยู่ในรถส่งด่วนของผม พอรถคว่ำถึงรู้ผมเลยแกล้งหมดสติ อีกฝ่ายหน้าตายังไงผมเห็นไม่ชัด แต่เขาบอกว่าดีที่ผมหมดสติ ถ้าไม่อย่างนั้นคงต้องฆ่าปิดปาก ผมไม่ได้โกหกนะ พวกคุณมาดูเองก็ได้…”
‘ฆ่าเหรอ?’ หวังโอ้วกุ้ยรีบหยิบกระดาษแผ่นนั้นออกมา ด้านบนเขียนชื่อฟางเจิ้งไว้
‘เจ้าหนูนั่นน่าจะให้ฉัน แต่ทำไมเขาไม่แจ้งตำรวจเองล่ะ?’ หวังโอ้วกุ้ยสงสัยในใจ แต่ก็คิดได้ว่ายอมเชื่อเรื่องนี้ดีกว่าไม่เชื่อ จึงแย่งมือถือของหูทั่นมา ตะโกนไป “ผมเป็นผู้ใหญ่บ้านเอกดรรชนี ผมเป็นพยานให้ไอ้หนูนี่เอง! ในหมู่บ้านเรามีฆาตกรจริงๆ! ดี ดี ผมจะรอพวกคุณที่หน้าหมู่บ้าน รีบมาล่ะ!”
หวังโอ้วกุ้ยเงยหน้าขึ้น พนักงานส่งด่วนหายไปแล้ว?
“ไอ้หนูเมื่อกี้ล่ะ?” หวังโอ้วกุ้ยถามชาวบ้าน
“ไปแล้ว วิ่งขึ้นเขาไป” มีคนชี้ไปยังเงาแผ่นหลังหูทั่น
หวังโอ้วกุ้ยจึงพูดขึ้น “ไอ้หนู แกจะไปไหน? ตำรวจต้องให้แกช่วยอีกนะ”
“ขึ้นเขา! บอกไต้ซือให้ระวัง!” หูทั่นตอบกลับโดยไม่หันมา ในเมื่อไต้ซือเห็นว่าเขามีอันตรายได้ ตนจะต้องมีวิธีเลี่ยงภัยอย่างแน่นอน แต่ในนิยายบอกเสมอว่าทำนายชะตาคนอื่นได้แต่ทำนายตัวเองไม่ได้ หากเขาทำนายตัวเองไม่ได้ก็แปลว่ามีอันตรายไม่ใช่เหรอ?
หูทั่นคิดว่าอีกฝ่ายช่วยชีวิตตน ตนจะต้องตอบแทนสักครั้ง
หวังโอ้วกุ้ยรวมพลชาวบ้านให้ออกมาจากบ้าน ทุกคนรวมกันเผื่อเกิดเหตุไม่คาดคิด
พอวางสาย คนที่ส่งออกไปก็รับสาย “อะไรนะ? มีคนปล้นรถขนเงินมาที่หมู่บ้านเรา? อีกฝ่ายมีปืนด้วย?! ดีๆๆ ฉันจะไปดูในหมู่บ้าน”
คนที่ส่งออกไปตกใจจริงๆ ปกติพวกเราจะดูแลความปลอดภัยรอบๆ หมู่บ้าน ใช้กุญแจมือน้อยครั้งมาก ครั้งนี้มีโจรมา พวกเขาที่ไม่เคยจัดการคดีที่อันตรายแบบนี้มาก่อนจึงพากันร้อนกลัว แต่ด้วยหน้าที่จึงต้องออกไปตรวจทันที
ขณะเดียวกันตำรวจในเมืองก็รีบมา ซ้ำยังมีตำรวจติดอาวุธได้รับคำสั่งจับตาย ค้นหาทุกซอกทุกมุมเร่งจับตัวอันตรายมาให้เร็วที่สุด! ห้ามเกิดข้อผิดพลาดใดๆ!
ใต้ภูเขาวุ่นวายจนกลายเป็นหม้อโจ๊ก ฟางเจิ้งก็ไม่สงบเช่นกัน เพราะ
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายช่วยชีวิตคน ได้รับโอกาสจับรางวัลฟรีหนึ่งครั้ง จะจับเลยไหม?” ระบบถาม
ฟางเจิ้งตอบ “ถ้าอย่างนั้นจับเลย”
“ติ๊ง! ยินดีด้วยนายได้รับยันต์ปลุกเสกหนึ่งแผ่น”
“เอ่อ นั่นอะไร?” ฟางเจิ้งถาม
“ยันต์ปลุกเสกสามารถปลุกเสกให้กับวัตถุหนึ่งชิ้น เสริมพลังพุทธเข้าไป วัตถุที่ปลุกเสกแล้วจะมีผลพิเศษเล็กน้อย แต่ละวัตถุจะต่างกัน สุ่มเกิดผล แต่รวมๆ แล้วจะมีผลขับไล่สิ่งชั่วร้ายและทำให้จิตใจสงบ”
“เป็นอย่างนี้เอง เสื้อผ้าบนตัวฉันได้ไหม?” ฟางเจิ้งมองไปทั่วตัว เขาชอบเสื้อตัวนี้มาก
“จีวรขาวจันทร์ทำขึ้นด้วยมือของยอดฝีมือพระพุทธ มันปลุกเสกไปนานแล้ว อีกอย่าง ยันต์ปลุกเสกในมือนายก็เป็นเพียงยันต์ระดับบต่ำ ไม่มีผลกับมัน”
“เอาเถอะ เดี๋ยวฉันจะคิดดูว่ายังมีอะไรปลุกเสกได้ไหม” ฟางเจิ้งพึมพำ ระบบพูดแบบนี้ก็มั่นใจได้ว่าหูทั่นปลอดภัยแล้ว เขาจึงสบายใจ
…………………