ตอนที่ 46 ตกตะลึง ฟางเจิ้งอยู่กับหมาป่าบนเขา…

บรรลุอรหันต์กับระบบพุทธองค์

ฟางเจิ้งมองต้นโพธิ์ อ่านพุทธคัมภีร์ จิตใจว้าวุ่นมักจะสงบลง นิ่งดั่งบ่อน้ำเก่าไร้คลื่น

ตอนนี้เองหมาป่าเดียวดายกลับมาแล้ว สื่อว่าส่งจดหมายแล้ว

ฟางเจิ้งวางใจกว่าเดิมถึงแกะห่อพัสดุ ข้างในเป็นกล่องมือถือสวยงาม!

“โทรศัพท์สวยมาก! นี่มันมือถือสมาร์ทโฟนเหรอ? เฮอะๆ ได้ยินมานานแล้วว่าโทรศัพท์ที่ผลิตในประเทศเป็นของดี ไม่คิดเลยว่าฉันจะได้ใช้บ้าง เครื่องเก่าฉันตกงานแล้วล่ะนะ” ฟางเจิ้งหัวเราะหึหึ แกะมือถือออกมา ศึกษาอยู่นานถึงเอาซิมมือถือเครื่องเก่าใส่เข้าไป เมื่อเปิดหน้าจองามแล้วเสียงเปิดเครื่องไพเราะดังขึ้น ฟางเจิ้งรู้สึกเหมือนกำลังฉลองปีใหม่เลย!

เขาคาดหวังมือถือที่ดีกว่านี้มาตลอด น่าเสียดายระบบไม่ให้ หวังคนอื่นเหรอ? ใต้ภูเขาไม่มีพ่อแม่ บนเขาไม่มีเงิน เขาทำได้แค่ฝัน ไม่คาดคิดจริงๆ ว่าความฝันจะกลายเป็นจริง!

“ฮ่าๆ มีมือถือใหม่แล้ว ไม่เลวๆ! อืม นี่ถือว่าเป็นของที่ค่อนข้างแพงกับฉันเลยนะ เอาแกนี่ล่ะ!” โอ่งพุทธกับจีวรขาวจันทร์กับป้ายวัดของเขาเป็นของล้ำค่ามาก แต่ขายไม่ได้ ดังนั้นมือถือที่ขายได้นี้จึงกลายเป็นของที่มีมูลค่า

ประกอบกับฟางเจิ้งเป็นวัยรุ่น แม้จะได้รอยยิ้มจากระบบ แต่ก็ไม่มีทางเป็นหลวงจีนผู้สง่างามอย่างสงบได้ตลอดจริงๆ เขายังชอบของที่วัยรุ่นในช่วงนี้ชอบอยู่ จึงหยิบยันต์ปลุกเสกออกมาแปะบนมือถือสมาร์ทโฟน

ยันต์ปลุกเสกเกิดเสียงดังปัง ระเบิดเป็นแสงสว่างสีเหลืองอร่ามปกคลุมมือถือ ก่อนแสงหุบลงมุดเข้าไปในมือถือ

ฟางเจิ้งรีบลองดูก็พบว่ามือถือเหมือนจะไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง

“ระบบ นายมั่นใจนะว่าให้ยันต์ของจริงกับฉัน?” ฟางเจิ้งขยับมือถือไปมาไม่หยุด เขาไม่เคยสัมผัสมือถือระดับสูงแบบนี้มาก่อน รู้สึกแค่ว่าหน้าจอลื่นมาก ซอฟต์แวร์ต่างๆ ภายในก็เปิดในวินาที อีกทั้งแสงหน้าจอยังทำให้เขารู้สึกสบายตา ส่วนอื่นๆ ไม่รู้สึกเลย

น่าเสียดายระบบไม่สนใจฟางเจิ้ง เขาจึงล้มเลิกไป เล่นต่ออีกครู่หนึ่งก็โหลดวอทแอปใหม่มา อ่านข้อความ ฟางอวิ๋นจิ้งฝากข้อความไว้ให้เขาจริงๆ “ไต้ซือ น่าจะได้มือถือแล้วใช่ไหมคะ? ชอบของขวัญพวกเราไหม? มือถือเก่าท่านพวกเราไม่กล้าสรรเสริญเลยจริงๆ ถ่ายรูปมาได้แย่มาก ใช้มือถือนี่ถ่ายรูปสวยๆ ส่งมาให้พวกเรานะคะ คิกๆ”

ฟางเจิ้งตอบกลับ “ขอบคุณของขวัญของพวกโยมมากนะ มีโอกาสก็ขึ้นเขามาเที่ยวล่ะ”

อีกฝ่ายไม่ตอบ น่าจะไม่อยู่

ฟางเจิ้งจึงหยิบมือถือขึ้นมา คิดอยู่ว่าจะถ่ายอะไรดี?

เขายืนอยู่ใต้ต้นโพธิ์ ประนมสองมือเป็นพิธี จากนั้นตั้งเวลาถ่ายภาพ แชะ!

ถ่ายอีกรูปนอกประตู จากนั้นออกจากวัดไปยืนอยู่บนหน้าผาได้มาอีกภาพ…เป็นครั้งแรกเลยที่ใช้มือถือดีๆ แบบนี้ถ่ายภาพ เขาเล่นจนเป็นเอามาก! ตอนแรกหมาป่าเดียวดายไม่เข้าใจว่าฟางเจิ้งกำลังทำอะไร จนเขาอวดให้มันดูแล้ว ที่แท้ก็เป็นรูปภาพเหมือนม้วนภาพวาดที่เปลี่ยนไปอย่างกะทันหัน

ภาพแรกข้างหลังฟางเจิ้งเป็นเมฆขาวฟ้าคราม และยังมีต้นสนต้นหนึ่ง ฟางเจิ้งมีสีหน้าอ่อนโยน ใบหน้าเปื้อนรอยยิ้ม แชะ!

หัวหมาป่าโผล่มาตอนไหนไม่รู้ ขวางเลนส์กล้องไปมากกว่าครึ่ง!

“หมาบ้า ไปตรงนู้น! อย่าขวางเลนส์กล้อง” ฟางเจิ้งต่อว่า หมาป่าเดียวดายจึงหลีกไปข้างๆ

เซ็ตฉากใหม่อีกรอบ!

แชะ!

ใต้กางเกงฟางเจิ้งมีลิ้นสุนัขโผล่มา!

“ไอ้หมาบ้า จะอยู่นิ่งๆ ได้ไหม? ไปอยู่ตรงนู้นเลย ห้ามเข้ามาใกล้ตรงนี้!” ฟางเจิ้งจนปัญญาจริงๆ

แชะ!

ตรงขอบรูปภาพมีกงเล็บเพิ่มมา!

“หมาบ้า แกไปหลบข้างหลังฉัน ห้ามโผล่หัวมา! ยืนตรงต้นไม้นั่น ห้ามขยับล่ะ!” เมื่อฟางเจิ้งมั่นใจแล้วว่าตนบังเงาหมาป่าเดียวดายได้อย่างสมบูรณ์แบบแล้วก็ถ่ายอีกครั้ง!

แชะ!

“หมาเวร แก…แกอย่าแย่งซีนฉันได้ไหม! ใครสอนให้แกทำท่าทางเซ็กซี่แบบนี้กัน?” ฟางเจิ้งจะเป็นบ้าแล้ว หมาป่าเดียวดายไม่มีที่ขยับแล้วจริงๆ แต่เจ้านี่ไปนอนหมอบอยู่บนต้นไม้ ขาขวาทับขาซ้าย เหมือนภาพนางแบบในนิตยสารเปี๊ยบ…แถมยังทำหน้าแบบนั้น ทำให้อยากตบปากมันสักสองที!

ถูกรบกวนหลายครั้งเข้าฟางเจิ้งก็ยอมแพ้ ดึงหมาป่าเดียวดายลงมาถ่วยรูปด้วยกัน!

ดังนั้นแล้วภาพข้างหลังฟางเจิ้งจึงเป็นหมาป่าตัวใหญ่สีเงินเจ้าเล่ห์ที่มือข้างหนึ่งตั้งขึ้นตรงหน้าอก ส่วนมืออีกข้างปล่อยไว้ข้างลำตัว! ก็ยังกลัวว่ามันจะทำอะไรไม่ดี ดีที่มันฉลาดเหมือนกัน ไม่ก่อกวนที่ไหนเลย แต่ร่วมมือกับเขาอย่างว่าง่าย เงยหน้ามองฟ้า ยืนหยัดด้วยความภูมิใจ อีกเดี๋ยวก็หมอบอยู่ตรงหน้าฟางเจิ้งราวกับสุนัขผู้ปกปักเทพ พอหมาป่าเดียวดายจริงจังขึ้นมา ก็เริ่มแสดงด้านของหมาป่า หยิ่งยโส สง่าและเยือกเย็น บ้าอำนาจเต็มสิบ!

ฟางเจิ้งดูภาพเสร็จแล้วก็นึกริษยา เจ้านี่เข้ากล้องกว่าเขาอีก!

ยังดี ถึงมันจะแย่งซีน แต่ฟางเจิ้งก็ได้รับการส่งเสริมจากหมาป่าเงินตัวใหญ่เหมือนลูกวัว ทำให้เขาดูไม่ธรรมดาและลึกลับกว่าเดิม! ทิวทัศน์ทั้งภูเขาเอกดรรชนีสวยงามขึ้นมาก

อึดใจเดียวถ่ายภาพไปร้อยกว่าภาพ ฟางเจิ้งถึงเล่นจนพอ ทั้งยังไล่หมาป่าเดียวดายไป จากนั้นส่งภาพเหล่านี้ให้ฟางอวิ๋นจิ้งทันที แต่ว่าหน้าจอเด้งขึ้นมาเป็นกล่องข้อความ ถามว่าจะส่งภาพเดิมหรือไม่ ฟางเจิ้งคิดแล้วก็ส่งไป

ฟางอวิ๋นจิ้งออนไลน์อยู่พอดี เห็นมีภาพส่งเข้ามาจึงเปิดดู แต่ฟางอวิ๋นจิ้งก็ต้องตกใจร้องขึ้น “หม่าเจวียน เธอแน่ใจนะว่าซื้อสมาร์ทโฟนพันหนึ่งร้อยหยวนให้ไต้ซือ?”

หม่าเจวียนที่กำลังนั่งกินขนมอยู่บนเตียงตอบ “ใช่ ทำไมเหรอ? เราก็ไปซื้อด้วยกันนี่? มีปัญหาอะไรรึเปล่า?”

“ไม่ใช่มั้ง? โทรศัพท์สมาร์ทโฟนถ่ายรูปดีขนาดนี้เลยเหรอ? เธอรีบมาดูเร็ว ภาพที่ไต้ซือถ่ายให้สวยมาก! สวยกว่ารุ่นแอปเปิ้ลของฉันอีก” ฟางอวิ๋นจิ้งพูด

หม่าเจวียนขึ้นมาดูบนเตียงฟางอวิ๋นจิ้ง  มันฝรั่งแผ่นในมือล่วงลงพื้นดังแปะ ภาพแสดงบนจอคอมพิวเตอร์ ด้วยความชัดระดับ1080 จึงชัดเจนมาก! ภาพนี้พูดไม่ได้ว่าสวย พูดได้แค่ว่าภาพเดิมดีมาก! สมจริงมาก! จริงจนเหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง! ไม่เหมือนถ่ายออกมา!

ปกติภาพจากกล้องถ่ายภาพจะเสียความสมจริงไปเล็กน้อย ในภาพจะต่างจากสิ่งที่เห็นด้วยตาอย่างสิ้นเชิง แต่ภาพนี้กลับสมจริงมากจนเหมือนเห็นด้วยตาตัวเอง!

หม่าเจวียนลองขยายภาพ แต่สองคนก็ต้องตกตะลึง ภาพนี้ยังขยายได้ตลอด! กระทั่งเห็นขนละเอียดบนใบหน้าฟางเจิ้งอย่างชัดเจน! เห็นลายเส้นของหิมะที่ตกลงบนขนสีเงินบนหัวหมาป่าเดียวดาย! ต้นไม้เล็กมากไกลๆ ยังขยายใหญ่จนเห็นว่าบนพื้นมีกระรอกอ้วนน่ารักตัวหนึ่งอย่างชัดเจน!

เห็นดังนั้นสองคนก็อึ้งไป!

“อวิ๋นจิ้ง หรือว่าพวกเราจะถูกไต้ซือลวงเอาแล้ว? เขาใช้กล้องสะท้อนภาพเลนส์เดี่ยวถ่ายรึเปล่า? แต่ก็ไม่เคยได้ยินนะว่ามีกล้องที่ทำได้ถึงขนาดนี้มาก่อน” หม่าเจวียนกล่าว

ฟางอวิ๋นจิ้งพยักหน้า “ฉันก็กังวลเหมือนกัน ที่น่ากลัวจริงๆ ไม่ใช่อันนี้หรอก แต่เป็นวิธีบีบภาพนี้ต่างหาก! มันขยายได้ใหญ่ขนาดนี้ ความละเอียดภาพจะต้องสูงจนน่ากลัว แต่ว่าขนาดมันแค่สิบล้าน! นี่มันไม่สมเหตุสมผลเลย…”

………………………