ตอนที่ 101 ด้วยเลือดของข้า! + ตอนที่ 102 ขอสั่งให้เจ้าปรากฏตัว!

เซียนหมอหญิงยอดนักฆ่า

ตอนที่ 101 ด้วยเลือดของข้า! + ตอนที่ 102 ขอสั่งให้เจ้าปรากฏตัว! Ink Stone_Romance

ตอนที่ 101 ด้วยเลือดของข้า!

“อย่ากลัวไปเลย ข้าจะดีกับเจ้า”

เมื่อเฟิ่งจิ่วได้ยินคำพูดนี้จากปากของชายชราชุดเทา เพียงรู้สึกหนาวเย็นขึ้นชั่วขณะ เสียจนขนลุกซู่ออกมา แม้แต่มุมปากยังกระตุกอย่างอดไม่ได้

โดยเฉพาะ ที่ตาเฒ่านี่จ้องมองเธอด้วยสายตาปลื้มปริ่มแปลกๆ ความรู้สึกรังเกียจนั้น แค่คิดก็รู้สึกได้แล้ว

เธอมองค้อนเขาแวบหนึ่ง สองมือลูบๆ แขนที่กำลังขนลุกชูชัน ก่อนจะเอ่ยอย่างไม่เกรงใจ “ตาเฒ่า เวลาพูดคุยกัน เจ้าไม่หยิบกระจกสักบานมาส่องใบหน้าย่นๆ ราวผลส้มที่แห้งเหี่ยวของตัวเองเสียบ้างเล่า ขาเหยียบลงโลงไปข้างหนึ่งแล้ว นึกไม่ถึงว่าจะยังไร้ยางอายเช่นนี้”

คำพูดเยาะเย้ยถากถางทำให้แววตาชายชราชุดเทาหมองลง แม้แต่รอยยิ้มที่ปรากฏบนใบหน้าก็ถูกเก็บไป แผ่กลิ่นอายดุร้ายกระจายทั่วร่างพลางถลึงมองนาง

“ข้าจะเก็บเจ้าไว้เป็นเครื่องมือช่วยฝึกฝนวิชา นั่นถึงคู่ควรกับเจ้า!”

“เครื่องมือฝึกฝนวิชารึ?”

เฟิ่งจิ่วส่งเสียงร้องแปลกๆ แล้วพินิจมองจากล่างขึ้นบนอย่างหยาบคาย กล่าวแดกดันว่า “ดูไม่ออกเลยว่าตาเฒ่าเช่นเจ้ายังจะเป็นคนบ้ากามอีกรึ? แต่ว่า อายุมากปูนนี้แล้ว ของพรรค์นั้นยังใช้ได้อยู่รึ?”

“บังอาจนัก!”

เขาตวาดรุนแรงอย่างอับอายจนกลายเป็นขุ่นเคือง หน้าอกกระเพื่อมขึ้นลงเพราะโมโหจัด สองตาเบิกกว้าง พลางมองนางด้วยความโกรธ เวลาต่อมา เงาร่างสีเทาก็พุ่งออกตัวรวดเร็วราวสายฟ้าแลบ ฝ่ามือผอมกะหร่องทำท่าเป็นกรงเล็บเข้าตระครุบไปทางเฟิ่งจิ่ว

เฟิ่งจิ่วเปลี่ยนท่าทางทันควัน ไอพลังรุนแรงพลันปะทุออก เธอไม่คิดหลบ แต่กลับออกหน้ารับ ดวงตาที่หรี่ลงมีกลิ่นอายกระหายเลือดโหดเหี้ยม ท่าเท้าแปลกตาพาให้ร่างเคลื่อนขยับ ตวัดมีดสั้นในมือ และแทงไปยังชายชราชุดเทาพร้อมกับกระแสพลังเร้นลับ

“ฝีมืออ่อนด้อยนัก!”

ชายชราชุดเทายิ้มเยาะ เพียงสะบัดมือก็หลบการโจมตีได้อย่างง่ายดาย ขณะที่มือหนึ่งกันมีดสั้นออกไป อีกมือหนึ่งค่อยคว้าไปที่นาง

มือถูกชายชราชุดเทาจับไว้ เฟิ่งจิ่วอาศัยแรงโน้มตัวลงสลัดออกไปในทันที เมื่อหลุดจากนิ้วมือทั้งห้าของชายชราที่จับไว้แน่น ก็ยกขาขึ้นขวางสกัด เพียงได้ยินเสียงกำลังขาที่มาพร้อมกลิ่นอายพลังเร้นลับ มีกระแสพลังรุนแรงดังฮึมๆ ในยามที่ตวัดขวางผ่านกลางอากาศ ชายชราไม่ได้สังเกต กระดูกขาเล็กๆ จึงถูกเตะไปทีหนึ่ง ข้อเข่างอลง ขณะที่ย่อลงไป กลับกระโดดไปด้านหลังอย่างรวดเร็ว และถอยห่างจากข้างกายเธอครู่หนึ่ง

เฟิ่งจิ่วโจมตีอีกครั้งอย่างไม่คิดหยุด รู้อยู่ลึกๆ ว่าการที่ร่างผู้อาวุโสสองระเบิดกลางอากาศ ทำให้กองกำลังแต่ละฝ่ายในเมืองอวิ๋นเยวี่ยต่างสั่นคลอน คนพวกนั้นจะรีบมาที่นี่แน่ ที่ต้องทำตอนนี้ คือจัดการตาเฒ่านี่ก่อนที่คนพวกนั้นจะมาถึง!

“ซี๊ดอ๊าก!”

ร่างกายชายชราเพิ่งจะยืนหยัดปรับสมดุล ก็เห็นมีดสั้นประกายแสงเย็นเยียบมุ่งตรงตวัดมายังลำคอ จึงโน้มตัวไปด้านหลังและยกเท้าขึ้นเตะอย่างตกใจ แต่นึกไม่ถึงว่าสาวน้อยจะถอยหลังกะทันหัน มีดสั้นใบแหลมที่เดิมทีตวัดมาตรงลำคอ ก็หมุนตวัดแทงเข้าน่องขาที่เตะขึ้นอย่างโหดเหี้ยม

แรงที่แทงลงไปอย่างไม่ปราณี รวมถึงกำลังที่เขายกเท้าเตะขึ้นแทบจะชนเข้าหากัน จึงแทงทะลุผ่านขาไปทั้งอย่างนั้น เพียงได้ยินเสียงใบมีดคมแทงเข้าเนื้อและกระดูกดังสวบลอยมา ความเจ็บแทบขาดใจ ทำให้พลังทั่วร่างเขาระเบิดออกมา

“อ๊าก!”

กลิ่นอายระดับบรรพชนนักรบอันแข็งแกร่งปะทุออกมาจากภายในร่างเขา พลังเร้นลับเข้มข้นที่พรั่งพรูโจมตีเฟิ่งจิ่วกระเด็นออกไปอย่างโหดร้าย

“อั่ก!”

เฟิ่งจิ่วที่ลอยไปไกลหลายเมตรเจ็บหน้าอกรุนแรง เสียจนกระอักเลือดออกมา ชีพจรเสียหาย ทำให้กลิ่นอายทั่วร่างอ่อนแอลงทันใด

เห็นชายชราผู้นั้นดึงมีดสั้นโยนทิ้งลงกองเพลิง เดินมาหาทีละก้าวๆ แววตาเธอหรี่ลงเล็กน้อย ฝืนกลั้นความเจ็บรุนแรงตรงหัวใจ แล้วลุกขึ้นมายืนรับลมอย่างไม่ตื่นตระหนก

ยกมือขึ้นแตะเลือดตรงมุมปากมาวาดเป็นเครื่องหมายเก่าแก่ซับซ้อน น้ำเสียงเฉยชาพร่ำกระซิบอยู่ในเวลานี้ราวกับดังลอยมาแต่บรรพกาล ทั้งไพเราะและลึกลับ…

“ด้วยเลือดของข้า จงทำลายพันธนาการของเจ้า!”

“ในนามแห่งข้า ขอสั่งเจ้าเผยร่างจริง!”

…………………………………………………….

ตอนที่ 102 ขอสั่งให้เจ้าปรากฏตัว!

เมื่อสิ้นสุดเสียง ก็ตามมาด้วยประกายแสงหนึ่งปรากฏขึ้นระหว่างสองมือจากตราสัญลักษณ์ที่วาดไว้ แสงสีแดงดั่งสีเลือดพุ่งตรงขึ้นท้องฟ้าชั่วขณะ ทันใดนั้น เปลวไฟสีแดงฉานวาววับจับตาก็ทะยานขึ้นสว่างไสวไปทั่วท้องฟ้ายามค่ำคืน!

“หวี๊ด!”

เสียงหงส์ร้องดังขึ้นกลางค่ำคืน ราวกับดังลอยมาจากบรรพกาล พลันแรงกดดันรุนแรงในน้ำเสียงก่อตัวเป็นกระแสพลังที่มองเห็นได้ด้วยตาเปล่าแกว่งออกไปด้านนอก แรงกดดันมหาศาลและการปลดปล่อยกระแสพลัง ทำให้พื้นดินทั่วทั้งเมืองอวิ๋นเยวี่ยสั่นไหวเล็กน้อยอยู่ภายใต้การขยับเคลื่อนเลื่อนลั่นของน้ำเสียง คล้ายมังกรพลิกตัวสะเทือนแผ่นดิน เสียจนผู้คนตื่นตกใจไม่สิ้นสุด

ขณะที่เหล่าฝูงชนที่กำลังรีบรุดมายังจุดเพลิงไหม้พลันได้ยินเสียงหงส์ร้องลั่นสะเทือนหู ฝีเท้าแต่ละคนก็หยุดลงด้วยความตกตะลึง มองเงาร่างสีแดงฉานที่พุ่งขึ้นฟ้า ลุกไหม้อยู่กลางเวหาพร้อมกับเปลวไฟโหมกระหน่ำ สว่างไสวไปทั่วท้องนภายามค่ำคืนอย่างยากที่จะเชื่อ

ความตกตะลึกจากสิ่งที่เห็นพุ่งตรงเข้าสู่จิตวิญญาณ ก่อเกิดเป็นพายุโหมคลื่นซัดอยู่ในหัวใจพวกเขา เนิ่นนานไม่อาจสงบลง…

“นั่น นั่นหงส์นี่! หงส์ไฟสัตว์เทวะในตำนาน!”

“สัตว์เทวะในตำนานมาปรากฏตัวที่นี่รึ? เป็นใครกัน? ใครที่ครอบครองสัตว์เทวะในตำนาน?”

ผู้คนอุทานอย่างเหลือเชื่อ ทั้งในห้วงทะเลความคิดและในสายตา ล้วนเป็นเงาร่างหงส์ไฟแพรวพราวอยู่กลางอากาศ

ช่วงก่อนหน้านี้พวกเขาได้ยินว่ามีสัตว์เทวะถือกำเนิดในป่าเก้าหมอบ กลับเห็นเพียงเงามันสยายกลางเวหา ไม่เห็นร่างแท้จริง ตอนนั้นยังดึงดูดพวกเซียนจากต่างแคว้นมาร่วมแย่งชิง นึกไม่ถึงว่าสุดท้าย หงส์ไฟสัตว์เทวะในตำนานจะมาอยู่ในแคว้นแสงสุริยันของพวกเขา!

เมื่อเห็นหงส์ไฟกางสองแขนสะบัดปีกอยู่กลางอากาศและมีเปลวไฟลุกไหม้ท่วมตัว พวกเขาแค่รู้สึกดุเดือดเลือดพล่านในหัวใจ

นั่นคือร่างแท้จริงของหงส์ไฟในตำนาน! ในแคว้นเล็กๆ ระดับเก้าของพวกเขานี้ นึกไม่ถึงว่าจะมีวันได้พบเห็นสัตว์เทวะในตำนาน จะไม่ตื่นตาตื่นใจได้อย่างไรเล่า?

ท่ามกลางฝูงชน มู่หรงอี้เซวียนที่กำลังเร่งรีบมายังจุดเพลิงไหม้ก็มองร่างเปลวไฟเหนือท้องฟ้ายามค่ำคืนอย่างตกตะลึง สัตว์เทวะในตำนาน พญาหงส์แห่งหมู่มวลวิหค ร่างแท้จริงย่อมงดงามแวววับจับตาอยู่เช่นนั้น ช่างน่าเหลือเชื่อเสียจริง!

แม้ในใจกำลังตื่นเต้นพลุ่งพล่าน เขากลับไม่ได้หยุดนิ่งนานเกินไปนัก แต่รีบดึงสติและมุ่งไปทางจุดเพลิงไหม้นั้นอย่างรวดเร็ว

ส่วนภายในจวนตระกูลสวี่ บนหลังคานั้น ภายใต้แรงกดดันอันฮึกเหิมมหาศาลของสัตว์เทวะในตำนาน ชายชราชุดเทาแม้แต่ยืนก็ยังยืนขึ้นมาไม่ไหว สองขาสั่นเทาอ่อนเปลี้ยทรุดนั่งลงไป ก่อนจะมองหงส์ไฟที่สยายปีกบินอยู่กลางเวหาอย่างยากที่จะเชื่อ ดวงตาแดงก่ำ ทั้งไม่พอใจและไม่ยอมเชื่อ

“ไม่!”

“นี่ไม่ใช่เรื่องจริง!”

“เจ้าจะมีหงส์ไฟสัตว์เทวะในตำนานได้เช่นไร!”

“เป็นไปได้ยังไง!”

ภายใต้การปกคลุมของแรงกดดันอันแกร่งกล้า แม้แต่ปริปากพูด ก็ควรจะทำไม่ได้ แต่เขายังแข็งขืนตีฝ่าแรงบีบคั้นสั่นสะเทือนจากแรงกดดันสัตว์เทวะในตำนาน เพียงเอ่ยปาก ชีพจรก็เสียหาย เลือดสดเอ่อล้นจากในปาก กลับยังคงไม่ยอมเชื่อในความจริงอันโหดร้ายนี้อย่างบ้าคลั่ง

เห็นอยู่กับตาว่าเป็นเหยื่อเช่นหมูในอวย จู่ๆ ก็บินไปเสียแล้ว ซ้ำยังสร้างความตื่นตะลึงที่ทั้งหนักหนาและไม่อาจยอมรับ แล้วจะให้เขายอมรับได้อย่างไรเล่า?

เฟิ่งจิ่วที่ยืนรับสายลมก้มลงมองชายชราที่ทรุดนั่งอย่างจนตรอกด้วยแววตาเยือกเย็น น้ำเสียงเย็นเยียบค่อยๆ เปล่งออกมา “ได้ตายในเงื้อมมือหงส์ไฟ เจ้าก็ไม่ต้องเจ็บช้ำน้ำใจแล้วล่ะ”

เมื่อสิ้นสุดน้ำเสียงนาง หงส์ไฟบนฟากฟ้าก็โน้มพุ่งลงไปพร้อมกับเปลวเพลิงโหมกระหน่ำดังฟิ้ว ปีกไฟโชติช่วงที่กางออกห่อหุ้มตัวชายชราไว้ แล้วค่อยบินทะยานขึ้นท้องฟ้าอีกครั้ง

“ไม่!”

น้ำเสียงรุนแรงที่มีความไม่ยอมแพ้ดังลอยมาจากเปลวไฟ เฟิ่งจิ่วเห็นเพียงประกายไฟเล็กๆ โปรยปรายอยู่บนท้องฟ้ายามค่ำคืน และหงส์ไฟก็สยายปีกบินวนรอบอยู่เหนือศีรษะ…

…………………………………………………….