บทที่ 66 เริ่มการแข่งขัน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

หลี่เป่าซานเดินนำเฉินชางมาที่ห้องผ่าตัด เดินไปพลางพูดไปพลางว่า “การแข่งขันวันนี้ต้องทำการผ่าตัดสามเคสนะครับ สองเคสเป็นการผ่าตัดไส้ติ่ง อีกหนึ่งเคสเป็นการผ่าตัดเย็บสมานกล้ามเนื้อ”

“ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางที่เชิญมาในคราวนี้ไม่ใช่ผู้เชี่ยวชาญของโรงพยาบาลเรา เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เชิญมาจากด้านนอกมาโดยเฉพาะ แต่ก็ยังเป็นผู้เชี่ยวชาญในมณฑลของพวกเรา หากคุณแสดงความสามารถแบบเมื่อวานได้ก็พอแล้ว พวกคุณสามคนต้องทำการผ่าตัดพร้อมกันโดยจะใช้กล้องในห้องผ่าตัดบันทึกขั้นตอนการแข่งขันเอาไว้”

“คุณไม่ต้องกังวลเรื่องความยุติธรรมนะครับ ยังไงก็มีบันทึกวีดีโอเอาไว้ ตอนให้คะแนนจะให้คะแนนไปตามจริง”

หลี่เป่าซานเดินมาส่งเฉินชางที่ประตูห้องผ่าตัด พูดให้กำลังใจเล็กน้อย ตอนนี้เอง บริเวณไม่ไกลมีชายร่างอ้วนคนหนึ่งเดินเข้ามา ด้านหลังมีชายหนุ่มร่างสูงใหญ่คนหนึ่งเดินตามมาด้วย เขาสวมแว่นรีฟกรอบกลม มีบุคลิกค่อนข้างดี

เฉินชางรู้จักพวกเขา นี่ก็คือจางโหย่วฝูหัวหน้าแผนกศัลยกรรมทั่วไปและโจวเสี่ยวตงที่เป็นคู่แข่งของเขาในคราวนี้

จางโหย่วฝูมองหลี่เป่าซาน จากนั้นจึงยิ้มออกมา “หัวหน้าหลี่มาเช้าจังนะครับ”

หลี่เป่าซานยิ้มโดยไม่พูดอะไร ทำเพียงพยักหน้าโดยไม่รับคำ หลี่เป่าซานไม่ค่อยชอบจางโหย่วฝูคนนี้นัก อีกฝ่ายนี้มีลักษณะของคนเมืองมากเกินไป ดูเหมือนนักธุรกิจและเถ้าแก่มากกว่า ยิ่งไปกว่านั้นวิธีการที่เขาใช้ยังไม่เหมือนศัลยแพทย์อีกด้วย

แม้แต่การแข่งขันของลูกศิษย์ในครั้งนี้ก็จะต้องเข้ามายุ่งวุ่นวายให้ได้ ทำให้หลี่เป่าซานที่เดิมทีก็มีอคติกับจางโหย่วฝูอยู่แล้วยิ่งรู้สึกขัดตา

จางโหย่วฝูค่อนข้างอ้วน สูงประมาณหนึ่งร้อยเจ็ดสิบกว่า ไม่เข้ากับความเจ้าเล่ห์เพทุบายของเขาแม้แต่น้อย พุงของเขายื่นออกมา แม้แต่ไขมันบนใบหน้าก็ยังสั่นกระเพื่อม

แต่คนแบบนี้กลับเป็นคนแรกในมณฑลตงหยางที่ทำการผ่าตัดปลูกถ่ายตับสำเร็จ และเป็นรองประธานสมาคมการผ่าตัดตับและถุงน้ำดีแห่งมณฑลตงหยางด้วยถึงอย่างไรโรงพยาบาลอันดับสองก็ไม่ใช่โรงพยาบาลใหญ่ ไม่ได้มีแผนกตับและถุงน้ำดีโดยเฉพาะ แต่ถูกนำไปรวมอยู่ในแผนกศัลยกรรมทั่วไป

ตั้งแต่แรกจนถึงตอนนี้ จางโหย่วฝูไม่มองเฉินชางอย่างจริงจังเลยสักครั้ง เดินพาโจวเสี่ยวตงเข้าไปในห้องผ่าตัดโดยตรง

ความจริงนี่ก็ไม่ใช่การแข่งขันยิ่งใหญ่อะไร และไม่ได้มีกฎเกณฑ์อะไรมากมาย แค่เชิญผู้เชี่ยวชาญสามคนมาเป็นผู้ประเมินการแข่งขันคราวนี้ จากนั้นโรงพยาบาลจะเลือกกันเอง

จากนั้นสือฉีก็พาคนเข้าไป ซึ่งก็คือหลี่ซื่อเจี้ยน

เมื่อเทียบกับจางโหย่วฝู เรียกได้ว่าสือฉีเป็นคนที่ใช้ปากทำงานในโรงพยาบาลได้เลย

ก่อนหน้านี้ห้าปี โรงพยาบาลอันดับสองยังไม่มีแผนกทรวงอก และสือฉีก็เป็นหมอศัลยกรรมหน้าอกคนหนึ่ง

แต่หมอสือของพวกเราอาศัยปากของตนเองประจบประแจงไปทั่วหล้า ทำให้ตัวตนของหมอสือกลายเป็นหัวหน้าสือได้ในที่สุด

เขาในวัยสามสิบหกปีกลายเป็นหัวหน้าแผนกที่อายุน้อยที่สุดในโรงพยาบาลอันดับสอง

ความจริงพวกสุนัขชอบเลียแบบนี้ ขอเพียงเลียคนให้เป็นและเลียให้ถูกคนก็จะโดดเด่นได้ง่าย และเดินสู่จุดสูงสุดของสุนัขชอบเลียได้

จากความช่วยเหลือของถานลี่กั๋ว สือฉีก่อตั้งแผนกทรวงอกได้สำเร็จ แย่งชิงเตียงผู้ป่วยสิบห้าเตียงและพยาบาลแปดคนจากแผนกปอดไปได้ ทั้งยังมีพนักงานทำความสะอาดอีกหนึ่งคนด้วย

คนทั่วทั้งโรงพยาบาลรู้ดีว่าหัวหน้าแผนกสือคนนี้มีปากและลิ้นที่ดี ทำให้หมอเล็กๆ ดูถูก หมออาวุโสก็หัวเราะเยาะ

ทว่าตั้งแต่หัวหน้าแผนกสือของพวกเราได้เป็นหัวหน้าแผนกก็มีมาดใหญ่โตขึ้นมาทันที เพื่อนร่วมงานแต่เก่าก่อนพบเขาก็เรียกขานด้วยชื่อจริง ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจ จะอย่างไรเขาก็เป็นหัวหน้าแผนก มีตำแหน่งสูงกว่าคุณ ควรจะเรียกอย่างเคารพว่าหัวหน้าแผนกสือถึงจะถูก!

แต่การก่อตั้งแผนกศัลยกรรมทรวงอกก็ถูกก่อตั้งขึ้นมาแล้ว ก่อนหน้านี้หัวหน้าแผนกสือเป็นหมอด้านต่อมไทมัส อยู่ดีๆ จะให้มาผ่าตัดแถวปอด จะทำได้ที่ไหนกัน!

ทำไม่ได้ก็จะทำ จึงไปหาผู้เชี่ยวชาญมาเรียกเป็นน้อง!

ดังนั้นแผนกเบ็ดเตล็ดเช่นนี้จึงถูกก่อตั้งขึ้นมาได้

หลี่ซื่อเจี้ยนก็คือน้องที่ถูกรับมาทำงานทั่วไป เป็นคนน่าสงสารคนหนึ่ง

ส่วนผู้เชี่ยวชาญเป็นคนใหญ่คนโตในเมืองเอก หากที่นี่มีการผ่าตัดก็มาทำงานที่นี่ ทำเสร็จก็ไป

เตียงทั้งสิบห้าเตียงของแผนกศัลยกรรมทรวงอกถูกทำให้กลายเป็นแผนกศัลยกรรมเต้านมไปแล้ว มีคนขอให้ผู้อำนวยการโรงพยาบาลพิจารณาเรื่องนี้ แต่ผู้อำนวยการก็โต้แย้งอย่างมีเหตุมีผลว่า

ศัลยกรรมเต้านมไม่ใช่ศัลยกรรมทรวงอกหรือ?

ไม่มีช่องโหว่!

ศัลยกรรมเต้านมก็คือศัลยกรรมทรวงอก

แต่จากที่คุณพูดแบบนี้ เล็บก็ถือว่าอยู่บนมือไม่ใช่หรือ?ถ้าอย่างนั้นแผนกศัลยกรรมมือก็ทำธุรกิจตัดเล็บและทำเล็บได้หรือ? จะเรียกว่าเป็นการผ่าตัดคีราโตซิส[1]ได้หรือไม่? หรือเรียกว่าเป็นการผ่าตัดเสริมสร้างคีราโตซิสของร่างกาย?

ผมก็เป็นสิ่งที่อยู่นอกสมองใช่หรือเปล่า?

ถ้าอย่างนั้นแผนกประสาทของพวกเราก็ทำการผ่าตัดเนื้อเยื่อที่เกี่ยวพันกับสมอง (ตัดผม) ได้?

คำพูดนี้ทำให้หัวหน้าแผนกทั้งหมดในโรงพยาบาลตอนนั้นตื่นตะลึงไปเลย

นี่เป็นคำพูดที่ศัลยแพทย์คนหนึ่งพูดออกมาได้หรือ?

ไร้สาระชัดๆ

แต่บางครั้งก็คนเราก็สิ้นไร้หนทางเช่นนี้ ทั้งๆ ที่เป็นคำพูดไร้สาระ แต่ยังมีคนพูดออกมาอย่างสวยหรู

ความเปลี่ยนแปลงในโรงพยาบาลไม่ได้เกี่ยวข้องกับผู้ป่วยเท่านั้น แต่ยังเกี่ยวข้องไปถึงหมอด้วย

ก็เหมือนกับคำโบราณที่ว่ายิ่งป่าใหญ่ก็ยิ่งมีนกมาก

คนทั้งหลายมาถึงห้องผ่าตัดแล้ว ข้อมูลพื้นฐานเช่นประวัติผู้ป่วยก็ถูกเตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว เป็นข้อมูลที่ละเอียดมาก หลังจากทั้งสามอ่านจบก็รอเวลาเริ่มผ่าตัด

ตอนนี้ภายในห้องผ่าตัดมีคนสี่ห้าคนอายุประมาณห้าสิบกว่านั่งอยู่ในห้องสำนักงานที่อยู่นอกห้องผ่าตัด พากันพูดคุยหัวเราะรอการผ่าตัดเริ่มขึ้น

ทุกคนเป็นคนที่คนในมณฑลตงหยางคุ้นเคยดี

จอขนาดใหญ่ถูกแบ่งเป็นสามส่วน เห็นทุกเคสได้อย่างชัดเจน

คนทั้งหลายเริ่มสนทนากัน

“ผู้อำนวยการหลิว ปีนี้โรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลดีขึ้นเรื่อยๆ เลยนะครับ การประชุมประจำปีเรื่องตับและถุงน้ำดีที่จัดขึ้นเดือนที่แล้ว ผมจำได้ว่าขนาดบิดาด้านตับและถุงน้ำดีอย่างคุณอู๋ คุณก็ยังเชิญมาได้!”

“ฮ่าๆ คุณอู๋เป็นคนดีจริงๆ ความจริงคุณอู๋อายุเก้าสิบกว่าปีแล้ว พวกเราไม่ควรทรมานเขาเลย แต่พอคุณอู๋ได้ยินเรื่องนี้ก็ตัดสินใจทันที ผมเองก็ทำอะไรไม่ได้…” หลิวซือฉีหัวเราะแล้วพูดขึ้น “ใช่แล้ว หัวหน้าเฉียน รู้สึกว่าปีนี้คุณจะได้ปริญญาเอกแล้วหรือครับ?”

เฉียนเลี่ยงพยักหน้า “ครับ พวกเราก็แก่กันแล้ว ยังจะผ่าตัดไปได้อีกกี่ปีกันเชียว? ผมเลยถือโอกาสตอนที่ยังมีแรง ส่งต่อฝีมือให้คนรุ่นหลังน่ะครับ”

หลายคนเห็นด้วยกับคำพูดนี้ขอเฉียนเลี่ยง ความจริงกล่าวได้ว่า สำหรับศัลยแพทย์มีบันไดอยู่สามขั้น หนึ่งก็คือช่วงอายุสามสิบห้าปีเป็นช่วงเวลาที่พัฒนาเร็วที่สุด สองคือช่วงอายุสี่สิบห้าปีเป็นช่วงเวลาถดถอย สามคือช่วงอายุห้าสิบห้าปีเป็นช่วงเวลาขาลง

คำพูดนี้ของเฉียนเลี่ยงทำให้คนแก่ทั้งหลายพากันปลงอนิจจังกับเวลาที่ไหลผ่าน

ห่าวซวี่เลี่ยงในฐานะที่เป็นผู้อำนวยการสาขาย่อยก็รับผิดชอบการแข่งขันคราวนี้ด้วย

ความจริงโรงพยาบาลทั้งหลายมักจะร่วมมือและไปมาหาสู่กันบ่อยๆ เนื่องจากการผ่าตัดใหญ่หนึ่งเคสต้องให้หมอมากประสบการณ์ลงมือด้วยตัวเอง ดังนั้นความสัมพันธ์ส่วนตัวจึงค่อนข้างดี ยิ่งไปกว่านั้น ที่สำคัญก็คือแต่ละโรงพยาบาลต่างมีปัญหาเรื่องการรับพนักงานกันทั้งนั้น การแก้ปัญหาเหล่านี้จำต้องเชิญผู้เชี่ยวชาญมาร่วมด้วย คนเหล่านี้เป็นผู้เชี่ยวชาญอันดับต้นๆ ของฝ่ายศัลยกรรมในมณฑลตงหยาง ด้วยเหตุนี้ยามปกติจึงพบหน้ากันบ่อยครั้ง

ห่าวซวี่เลี่ยงยิ้ม “การผ่าตัดจะเริ่มขึ้นแล้ว อีกครู่หวังว่าผู้เชี่ยวชาญทุกท่านจะแสดงความคิดเห็นกันหน่อยนะครับ”

“หมอเล็กๆ เหล่านี้ไม่เลวเลย วันนี้พวกเขาได้รับความคิดเห็นจากผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็ถือเป็นโชคของพวกเขาแล้ว หวังว่าทุกท่านจะไม่เบื่อกันก่อนนะครับ”

ทุกคนพากันพยักหน้ายิ้มๆ “แน่นอนอยู่แล้วครับ!”

………………

[1] คีราโตซิส คือ โรคผิวหนังชนิดหนึ่งที่ทำให้ผิวหนังมีความหนาและแข็ง