บทที่ 17.1 ทักษะสัมผัสมืด (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

หลังจากพบว่าอสูรสวรรค์ระดับเทวะหวาดกลัวเขา และให้ความร่วมมือกับการกักเก็บทักษะของเขาเป็นอย่างดี โจวเหว่ยชิงจึงได้แต่กรุ่นคิด จากนั้นก็ตระหนักได้ว่าสิ่งนี้ต้องเกี่ยวข้องกับไข่มุกสีดำแปลกๆ นั่นแน่นอน พลังของไข่มุกสีดำมักจะให้ก่อให้เกิดภาพเสือดำขนาดใหญ่ที่มีปีกขึ้นมาภายใต้จิตใต้สำนึกของเขา และเสือก็ถือเป็นราชาแห่งสัตว์ร้าย ดังนั้นอาจเป็นไปได้ว่าอสูรสวรรค์ทุกตัวหวาดกลัวกลิ่นอายของมัน

หลังจากใช้เงินไปจนหมด 50,000 เหรียญทองแล้ว โจวเหว่ยชิงก็สามารถกักเก็บทักษะระดับสูงที่คนอื่นๆ อาจทำไม่สำเร็จแม้พวกเขาจะจ่ายไปถึง 5 ล้านเหรียญทองได้อย่างสมบูรณ์แบบ ตอนนี้โจวเหว่ยชิงกลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์อย่างแท้จริงแล้วเพราะว่าเขาเพียบพร้อมไปด้วยทักษะธาตุ และศาสตรามณียุทธ์ครบครัน

ทักษะ ‘สัมผัสมืด’ ในมณีระดับปัจจุบันของเขาสามารถส่งหนวดของพวกมันออกไปได้มากสุด 12 เส้น พวกมันสามารถกระจายตัวออกไปรอบๆ ได้ในรัศมี 25 เมตร และภายในรัศมีนี้ประสาทสัมผัสของโจวเหว่ยชิงจะไวขึ้นเป็น 3 เท่าจากปกติ ในเวลาเดียวกันหากเขาทำการเลือกเป้าหมายแล้ว เมื่อคนๆ นั้นเดินเข้ามาในอาณาเขตและเหยียบโดนเงาหนวดพวกนั้น ภายใต้การควบคุมของเขา หนวดเหล่านั้นก็จะยึดร่างเป้าหมายเอาไว้ด้วยแรง 1,000 จิน (1 จิน เท่ากับ ครึ่งกิโลกรัม) ตราบใดที่พละกำลังของเป้าหมายน้อยกว่า1,000 จิน หรืออาจจะกล่าวได้ว่า หากแรงดิ้นเพื่อให้หลุดพ้นไม่ถึง 1,000 จิน คนๆ นั้นก็จะถูกลากไปหาโจวเหว่ยชิงในสภาพไม่สามารถขยับตัวได้ทันที

นี่คือทักษะธาตุที่โจวเหว่ยชิงได้รับจากสัตว์อสูรหมึกยักษ์สีดำขนาดใหญ่ กล่าวไว้ว่า หากอสูรสวรรค์ระดับเทวะตัวนี้ใช้ทักษะของมัน รัศมีของทักษะ ‘สัมผัสมืด’ นั้นจะสูงถึง 1 กิโลเมตร และเมื่อหนวดพวกนั้นสัมผัสโดนเป้าหมายแล้ว แรงดึงของมันจะมีมากกว่า 100,000 จิน พวกมันจึงใช้ทักษะนี้ลากอาหารมากินได้ในชั่วพริบตา

โจวเหว่ยชิงรู้จากซ่างกวนปิงเอ๋อร์ว่าทักษะเหล่านี้จะสามารถพัฒนาขึ้นได้เองเมื่อระดับพลังของมณีธาตุเพิ่มขึ้น และก็เหมือนเคย การเพิ่มระดับทักษะธาตุของจ้าวมณีสวรรค์นั้นจะเพิ่มขึ้นเป็น 1.5 เท่าของจ้าวมณีธาตุธรรมดา ดังนั้น หากในอนาคตเขาฝึกฝนไปจนถึงจุดหนึ่งแล้ว ความแข็งแกร่งของทักษะ ‘สัมผัสมืด’ ก็จะน่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง เพราะทักษะนี้จัดเป็นทักษะชั้นนำของธาตุมืดเลยทีเดียว

หลังจากปลดปล่อยทักษะ ‘สัมผัสมืด’ แล้ว โจวเหว่ยชิงก็ไม่ต้องกังวลอีกต่อไป รัศมี 25 เมตรนั้นไม่ถือว่าเล็ก ตราบใดที่เซียวเซ่อเดินเข้ามาในเขตพื้นที่ของเขา เขาก็จะต้องเอาชนะเธอได้อย่างแน่นอน ใช้ทักษะธนูเพื่อแข่งขันกันอย่างเดียว? มีเพียงคนโง่เท่านั้นแหละที่จะทำแบบนั้น! ท่าทางมั่นอกมั่นใจของหญิงสาวก็บอกได้อย่างชัดเจนว่าฝีมือการยิงธนูของเธอต้องดีมากอย่างแน่นอน เนื่องจากก่อนหน้านี้เขาไม่สามารถใช้ปราณสวรรค์ได้ในระหว่างการแข่งขันทหารใหม่ โจวเหว่ยชิงจึงทำได้เพียงใช้ทักษะการยิงธนูที่เขาได้เรียนรู้มาก่อนหน้านี้อย่างเต็มศักยภาพ  ส่วนทักษะการยิงธนูที่ล้ำลึกกว่านี้คงต้องอาศัยความร่วมมือของปราณสวรรค์ในร่าง ซึ่งเขาก็คงจะต้องเรียนรู้เองโดยธรรมชาติ

ผ่านไปครู่หนึ่ง เซียวเซ่อก็รู้สึกแปลกใจเล็กน้อย ทำไมเจ้าอ้วนน้อยโจวถึงไม่ส่งเสียงหรือเคลื่อนไหวใดๆเลย เนื่องจากเธอตั้งใจทำเสียงดังให้เขาได้ยิน ถึงแม้ว่าอีกฝ่ายจะไม่ตอบกลับ แต่อย่างน้อยก็ควรจะยิงลูกธนูออกมาใส่เธอบ้าง! ขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หญิงสาวก็ก้าวไปข้างหน้าอย่างระมัดระวัง

น่าเสียดาย สำหรับโจวเหว่ยชิงแล้ว หลังจากเขากรุ่นคิดถึงความสำเร็จและภาคภูมิใจในตนเองได้ไม่นาน เด็กหนุ่มก็พลันรู้สึกหดหู่ขึ้นมาเล็กน้อย นี่เป็นเพราะเขาค้นพบว่าแม้ทักษะสัมผัสมืดนี้จะดีมาก  แต่หลังจากปลดปล่อยพวกมันออกไปแล้วจริงๆ พวกมันกลับดูดกลืนพลังปราณสวรรค์จำนวนมหาศาลไปจากตัวเขาเพื่อคงรูปร่างของพวกมันไว้ แม้ว่าความเป็นจริงแล้วโจวเหว่ยชิงจะยังไม่ได้เลือกเป้าหมายเลยด้วยซ้ำ อีกทั้งความเร็วในการดูดกลืนก็ยังถือว่าไม่เร็วมาก แต่ด้วยพลังปราณสวรรค์ระดับ 4 ของเขา ระยะเวลาที่เด็กหนุ่มสามารถคงรูปพวกมันไว้ได้ก็ยังค่อนข้างจำกัด

ทำยังไงดี? ดูเหมือนว่าจะรอต่อไปอีกไม่ได้แล้ว ไม่เช่นนั้นหากพลังปราณสวรรค์ของตนหมดเกลี้ยง เขาก็อาจไม่สามารถเอาชนะเธอได้

ในขณะที่คิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ โจวเหว่ยชิงก็ไถลตัวลงมาจากต้นไม้อย่างระมัดระวัง หยิบหินขึ้นมาจากพื้นดินแล้วโยนลงออกไปพุ่มไม้ด้านหน้า

ทันทีที่หินตกลงไปในพุ่มไม้ก็มีเสียง *ปั่ก* ดังออกมาทันที อย่างไรก็ตาม โจวเหว่ยชิงรู้สึกประหลาดใจมากที่เสี่ยวเซ่อไม่ได้ถูกยิงลูกศรออกมาเลย

ในอีกด้านหนึ่ง มุมปากเซี่ยวเซ่อขยับขึ้นสูง โยนก้อนหินเพื่อให้ข้าเผยตัว? เจ้าพยายามจะหลอกลวงข้าด้วยเล่ห์เหลี่ยมเล็กๆ น้อยๆ แบบนี้เองหรือ? เธอกระโดดขึ้นสูงอย่างนุ่มนวล คว้ากิ่งไม้ใหญ่อันหนึ่งไว้และม้วนตัวขึ้นไปบนนั้นอย่างเงียบๆ จากนั้นก็ค่อยๆ ขยับเข้าใกล้บริเวณที่มีเสียงดังออกมา ในฐานะนักธนูที่มีความสามารถโดดเด่น ความสงบ และมั่นคงเป็นคุณสมบัติสำคัญที่นักธนูพึงมี

โจวเหว่ยชิงเห็นว่าความคิดชั่ววูบเมื่อกี้ของเขาล้มเหลวไม่เป็นท่า ฉับพลันอีกความคิดหนึ่งก็ผุดขึ้นมาในทันที เด็กหนุ่มกลับไปซ่อนอยู่หลังต้นไม้ใหญ่ จากนั้นก็ตะโกนออกมาว่า “ข้าอยู่ที่นี่”

คราวนี้เซียวเซ่อไม่มีการลังเลอีกต่อไป ลูกศรดอกหนึ่งพุ่งออกมาทันที มันปะทะเข้ากับต้นไม้ใหญ่ที่โจวเว่ยชิงซ่อนตัวอยู่ข้างหลังอย่างแม่นยำ  เธอใช้ธนูอุษาม่วงแต่ลูกธนูฝึกซ้อมก็มีความเฉื่อยอยู่มาก เมื่อลูกธนูกระทบกับต้นไม้ทำให้ต้นไม้สั่นไหวทันที

ทันใดนั้นโจวเหว่ยชิงก็รู้สึกอยากจะเปลี่ยนตำแหน่งที่ซ่อนทันทีเนื่องจากเขาสัมผัสได้ถึงรังสีอาฆาตของเธอผ่านทักษะสัมผัสมืดที่กางไว้  ทันใดนั้นเอง จู่ๆเด็กหนุ่มก็ต้องตัวแข็งทื่อ *หวือ* *หวือ* ลูกศรอีก 2 ลูกพุ่งเข้ามาต่อจากดอกแรกแทบจะทันที และพวกมันปะทะเข้ากับจุดเดียวกับที่ลูกศรก่อนหน้านั้นพุ่งชนอย่างแม่นยำ

แม่เจ้า! กะ แกร่งมาก! เธอใช้ทั้งทักษะลูกศรยิงเร็วและลูกศรยิงคู่ไปพร้อมๆ กันได้ ไม่น่าแปลกใจที่เธอจะมั่นใจในตัวเองขนาดนี้

‘ลูกศรยิงเร็ว’ หมายถึงการยิงธนูตามออกไปทันทีหลังยิงครั้งแรกด้วยความเร็วสูงมาก และ ‘ลูกศรยิงคู่’ คือการยิงธนูพร้อมกันทีเดียว 2 ดอก สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นทักษะการยิงธนูขั้นสูงและเป็นเรื่องยากที่จะฝึกให้เชี่ยวชาญ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับลูกศรยิงคู่  เนื่องจากการยิงลูกศร 2 ดอกในเวลาเดียวกันให้แม่นยำนั้นยากมาก ทุกคนจึงสามารถจินตนาการได้ถึงความแข็งแกร่งของนักธนูคนนั้นได้

ขณะนี้เซียวเซ่อกำลังยืนอยู่ห่างจากโจวเหว่ยชิงประมาณ 150 หลา และในขณะที่เธอกำลังระดมยิงอย่างต่อเนื่องนั้น เธอก็กระโดดลงมาจากต้นไม้ใหญ่และเคลื่อนตัวไปหาโจวเหว่ยชิงอย่างรวดเร็ว มือขวาของเธอเคลื่อนไหวรวดเร็วดั่งสายฟ้า ลูกธนูกระโจนเข้ามาในมือของเธออย่างไม่หยุดหย่อน พวกมันถูกยิงออกไปโดยธนูอุษาม่วงทุกๆ ด้าน ทำให้โจว เหว่ยชิงตกเป็นรอง ลูกศรพวกนั้นบังคับให้โจวเหว่ยชิงต้องซ่อนตัวอยู่ที่หลังต้นไม้ใหญ่ต้นนั้นอย่างยากจะหลบหลีกพ้น ในเวลาเดียวกัน เซียวเซ่อก็เปลี่ยนตำแหน่งอย่างรวดเร็วตลอดเวลา เธอขยับเข้าใกล้เข้าเรื่อยๆ ในขณะที่เดินวนไปรอบๆ เป็นวงกลมเพื่อสกัดเขาให้หมดจดทุกทิศทาง

ลูกศรยิงเร็วของเซียวเซ่อนั้นรวดเร็วเกินไป แม้ว่าโจวเหว่ยชิงจะพึ่งพาประสาทสัมผัสที่เพิ่มขึ้นจากทักษะสัมผัสมืดของตัวเอง แต่เขาก็ยังไม่สามารถจับตำแหน่งของเธอได้อย่างเต็มที่เพื่อจะทำการวางแผนหลบหนีให้พ้น เมื่อเธอเข้าใกล้ถึงระยะ 100 หลา ด้วยความแข็งแกร่งของธนูอุษาม่วง และทักษะการยิงที่น่าอัศจรรย์ของเธอ สำหรับโจวเหว่ยชิงแล้ว นี่มันยากเกินกว่าที่เขาจะหลบพ้นได้

ขณะที่ระยะห่างระหว่างพวกเขาแคบลงอย่างรวดเร็ว นั่นเป็นเวลาเพียงไม่กี่วินาทีก่อนที่ช่องว่างระหว่างทั้งคู่จะลดลงเหลือ 80 หลา ลูกศรของเซียวเซ่อพุ่งเข้ามาเร็วขึ้น และเร็วขึ้นเรื่อยๆ โจวเหว่ยชิงทำได้เพียงพึ่งพาสัญชาตญาณของเขาในการขยับเคลื่อนที่ไปรอบๆ ต้นไม้อย่างไม่หยุดหย่อนและใช้มันเป็นที่กำบัง

ริมฝีปากของเซียวเซ่อยกขึ้นเป็นรอยยิ้มเยือกเย็น ในสายตาของเธอ เธอชนะการแข่งขันครั้งนี้แล้ว เธอยังคงมีลูกธนูเหลือมากกว่า 20 ดอกในที่แล่งธนูของเธอ และตราบใดที่เธอเข้าใกล้ถึงระยะ 50 หลา ด้วยพลังปราณสวรรค์ระดับ 2 ของเธอ นั่นก็เกินพอแล้วที่จะยิงทะลุผ่านต้นไม้ที่ผ่านการยิงจนพรุนต้นนั้น เมื่อถึงเวลานั้น โจวเหว่ยชิงจะซ่อนตัวได้อย่างไรหากไม่มีต้นไม้ป้องกัน เฮ้อ นี่ช่างเป็นชัยชนะที่ง่ายดายเสียจริงๆ

อย่างไรก็ตาม ในขณะนี้โจวเหว่ยชิงที่ซ่อนตัวอยู่ก็นึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้อย่างฉับพลัน เขาคิดกับตัวเองว่า ข้าไม่ได้เป็นเพียงจ้าวมณีสวรรค์ แต่ข้าเป็นนักธนูจ้าวมณีสวรรค์!

เขาพลันถอนทักษะสัมผัสมืดกลับคืนอย่างรวดเร็ว โจวเหว่ยชิงพิงธนูอุษาม่วงบนลำต้นของต้นไม้ใหญ่ต้นนั้น

แม้ว่าวงล้อทักษะธาตุของโจวเหว่ยชิงจะยังคงหยุดอยู่ในส่วนสีดำ แต่เขาก็ยกมือขวาขึ้นมาถ่ายเทปราณสวรรค์ลงในมณียุทธ์ ไอหมอกอันเย็นยะเยือกและธนูราชันก็ปรากฏตัวขึ้น หลังจากนั้นครู่หนึ่ง สายธนูก็ปรากฏขึ้นอย่างเงียบเชียบ

โจวเหว่ยชิงเปลี่ยนไปถือคันธนูด้วยมือซ้าย และเมื่อเพ่งสมาธิไปยังไพฑูรย์ตาแมวสองสีบนข้อมือของเขา มันขยับตัวกลิ้งออกมาเงียบๆบนมือและกลิ้งตกลงไปยังหลุมเล็กๆ ที่เว้าลงไปบนตัวคันธนู  ทันใดนั้นธนูราชันก็ส่องสว่างด้วยแสงเรืองรองจากไพฑูรย์ตาแมวสองสี

…………………………………………………………….