วันที่สอง ท้องฟ้าสดใส แสงแดดสาดส่องไปยังพื้นหิมะ ตกกระทบกับพื้นสะท้อนแสงสีรุ้ง ทำให้โลกที่กว้างใหญ่ใบนี้มีสีสันขึ้นมา
เหลิ่งรั่วปิงตื่นนอน ข้างกายของเธอว่างเปล่าไม่มีร่างของชายหนุ่ม เธอรู้สึกอ่อนเพลียมากและร่างกายของเธอก็เจ็บปวดมากเช่นเดียวกัน ทั้งตัวของเธอเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำทั้งขนาดเล็กและใหญ่ หัวไหล่ของเธอถูกเขากัดจนมีแผลลึก เขาทำเหมือนว่าเธอเป็นอาหารค่ำมื้อสุดท้าย หนางกงเยี่ยไม่มีความทะนุถนอมแม้แต่น้อย
แม้จะเจ็บมากแค่ไหน แต่เหลิ่งรั่วปิงก็ยังคงฝืนร่างกายแล้วลุกขึ้นมาจากเตียง เธอล้างหน้าแปรงฟันและเปลี่ยนเสื้อผ้า แต่งหน้าให้ตนเองดูมีชีวิตชีวาขึ้นมา วันนี้เป็นวันที่เธอได้รับอิสรภาพ เธอรู้สึกอดใจรอไม่ไหวแล้วจริงๆ
เหลิ่งรั่วปิงเดินลงไปชั้นล่าง เธอเห็นก่วนอวี้ยืนอยู่ตรงห้องรับแขกด้วยความเคารพ เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ เธอรู้ดีว่าสาเหตุที่ก่วนอวี้ยืนรอเธอแบบนี้ เป็นเพราะเขาต้องการทำสัญญาจบความสัมพันธ์กับเธอ โดยปกติทั่วไปนั้นเวลาผู้หญิงกับผู้ชายเลิกกัน พวกเขาเพียงแค่พูดคำว่าเลิก แต่ตอนที่เธอกับเขาเลิกกัน กลับต้องทำเหมือนยื่นเรื่องลาออก แค่คิดเธอก็รู้สึกตลกแล้ว
“คุณเหลิ่ง อรุณสวัสดิ์ครับ” ก่วนอวี้คลายยิ้มแล้วพูดทักทาย
“อรุณสวัสดิ์ค่ะ เลขาก่วน” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ อย่างมีสง่า วันนี้เธอดูมีความสุขมากเป็นพิเศษ ออร่าในตัวเธอปิดทับความเหนื่อยล้าไปจนหมด ตอนที่เธอเดินลงมาจากชั้นบนนั้น คล้ายว่ากำลังเดินเหยียบก้อนเมฆลงมา
ก่วนอวี้อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจ คุณเหลิ่งเป็นผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจและไม่มีความรู้สึก แม้ว่าเธอจะได้อยู่กับผู้ชายที่สมบูรณ์แบบที่สุดในโลก แต่เธอก็ยังคงเหมือนเดิม ไม่มีความรู้สึกและไม่สะทกสะท้านอะไร สำหรับเธอแล้วการเลิกกันครั้งนี้เหมือนเป็นการหลุดพ้น แต่สำหรับคุณชายของเขานั้น…
เขาควรจะบรรยายสีหน้าในเช้าวันนี้ของคุณชายเยี่ยตอนที่ออกไปจากวิลล่ายังไงดี นี่เป็นครั้งแรกที่เขาเห็นคุณชายเยี่ยมีสีหน้าแบบนี้ ใบหน้าด้านซ้ายของเขามีคำว่าเจ็บปวดเขียนเอาไว้ ใบหน้าด้านขวามีคำว่าทุกข์ระทมสลักเอาไว้ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยความเจ็บปวดและทุกข์ระทม
คุณชายเยี่ยไม่เคยมีสีหน้าเศร้าหมองแบบนี้มาก่อน เขาเป็นราชาที่่เย็นชาและมีสง่า ยืนอยู่จุดสูงสุดของบ่วงโซ่อาหาร เขาสามารถปรายตามองดูโลกทั้งใบโดยที่ไม่ต้องสนใจใคร เขาพูดแค่คำเดียวก็จะได้ทุกสิ่งที่ต้องการ ในทางกลับกันสิ่งที่เขาไม่ต้องการนั้น เขาแค่สะบัดมือก็สามารถทิ้งไปได้เลย แต่ว่าตอนนี้…
“คุณเหลิ่งทานอาหารเช้าก่อนสิครับ คุณชายเยี่ยสั่งแล้วว่าคุณต้องทานอาหารเช้าก่อนถึงจะทำเรื่องอื่นได้” สีหน้าของก่วนอวี้เต็มไปด้วยความเคารพ แต่ภายในใจของเขาก็อดบ่นไม่ได้ ทั้งๆ ที่จะเลิกกันอยู่แล้ว ทำไมคุณชายเยี่ยต้องเป็นห่วงด้วยว่าเธอจะกินหรือไม่กินอาหารเช้า?
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงเองก็ไม่ได้ใจร้อน เธอนั่งลงกินอาหารเช้าอย่างว่าง่าย ท่าทีที่สง่างามของเธอนั้นทำให้ทุกคนบนโลกใบนี้ต่างก็หลงใหล
ขณะที่เหลิ่งรั่วปิงกินอาหารเช้าอยู่นั้น ก่วนอวี้ก็หยิบเอกสารออกมาฉบับหนึ่ง’สัญญาจบความสัมพันธ์’ ก่วนอวี้วางมันไว้ตรงหน้าเธอ “คุณเหลิ่งครับ หลังจากที่เซ็นสัญญาฉบับนี้แล้ว ถือเป็นการสิ้นสุดความสัมพันธ์ระหว่างคุณกับคุณชายเยี่ยครับ”
“ค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงอ่านดูคร่าวๆ ‘สัญญาจบความสัมพันธ์’ เนื้อหาในสัญญาเพียงแค่บอกว่าหลังจากที่เลิกกันแล้วนั้น เธอห้ามเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตของเขาอีก เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มบางๆ จากนั้นก็เซ็นชื่อตนเองลงในสัญญาฉบับนั้น อันที่จริงสัญญาฉบับนี้ไม่มีความจำเป็นต้องใช้กับเธอ เพราะมันไม่มีความหมายอะไรเลย เธอไม่มีวันกลับมายุ่งกับเขาอีก การจบความสัมพันธ์คืออิสระที่เธอโหยหามานาน
แม้ว่าสีหน้าของก่วนอวี้จะนิ่งเฉย แต่เขาก็อดไม่ได้ที่จะถอนหายใจกับความนิ่งสงบของเหลิ่งรั่วปิง เขายื่นเช็คไปตรงหน้าเธอ “นี่คือค่าเลิกที่คุณชายเยี่ยให้คุณครับ”
เหลิ่งรั่วปิงหยิบเช็คมาดู นี่คือเช็คที่ไม่ระบุจำนวนเงิน ความหมายของหนานกงเยี่ยก็คือให้เธอเขียนลงไปเอง เธออยากได้เท่าไหร่ก็เขียนเท่านั้น เขายังคงเป็นผู้ชายที่ใจปล้ำมาก ผู้ชายแบบนี้คือผู้ชายที่ผู้หญิงนับพันคนหลงใหล แต่น่าเสียดายที่เธอไม่ใช่ผู้หญิงพวกนั้น
“ฝากขอบคุณคุณชายเยี่ยด้วยนะคะ” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้ม เธอเขียนลงไปยี่สิบล้านหยวน เธอไม่มีวันแสแสร้งเป็นคนสูงส่ง แน่นอนว่าเธอต้องคว้าเงินที่ได้มาฟรีๆ นี้เอาไว้
ก่วนอวี้ที่เคยเห็นความโลภมากของเธอแล้ว ครั้งนี้เขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจ เขาสูดลมหายใจเข้าลึกๆ แล้วพูดขึ้น “คุณเหลิ่งมีอะไรอยากจะบอกกับคุณชายเยี่ยไหมครับ”
เหลิ่งรั่วปิงครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง จากนั้นเธอก็เอียงคอแล้วคลายยิ้ม “ฉันอยากจะขอบคุณเขา สำหรับการดูแลอย่างดีตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ค่ะ”
คำพูดนี้พูดไปตามมารยาทเท่านั้น!
ก่วนอวี้ผิดหวังเล็กน้อย ผู้หญิงที่ไม่มีความรู้สึกแม้แต่คำพูดเอาใจก็ยังไม่ยอมพูด
“คุณชายเยี่ยบอกว่า คุณเหลิ่งไม่จำเป็นต้องรีบย้ายออกไปครับ หลังจากที่คุณซื้อบ้านได้แล้วค่อยย้ายออกไปก็ได้”
“ไม่เป็นไรค่ะ ฉันพักอยู่ที่โรงแรมได้” ถึงยังไงเธอก็ต้องไปจากที่นี่ แล้วจะซื้อบ้านอะไรกันล้ะ วิลล่าหย่าเก๋อเป็นสถานที่ที่ทำให้เธอรู้สึกถูกหยามเกียรติ เธอไม่มีวันอยู่ที่นี่เพิ่มอีกหนึ่งวันอย่างแน่นอน ดังนั้นเธอจึงเลือกไปพักที่โรงแรม
ขณะที่ก่วนอวี้ตกตะลึงอยู่นั้น เหลิ่งรั่วปิงก็เดินขึ้นไปชั้นบนเพื่อเก็บข้าวของ จากนั้นเธอก็เดินลงมาชั้นล่าง สัมภาระของเธอมีน้อยมาก มีแค่กระเป๋าเดินทางเล็กๆ ใบเดียวเท่านั้น เธอไม่เคยแต่งหน้ามาก่อน อีกทั้งเสื้อผ้าของเธอก็มีไม่มาก ด้วยเหตุนี้ข้าวของเครื่องใช้ของเธอจึงมีน้อย
“คุณเหลิ่งอยากไปพักที่โรงแรมไหนครับ ให้ผมไปส่งคุณเถอะครับ” ก่วนอวี้พูด
“ไม่เป็นไรค่ะ” เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มแล้วพูดปฏิเสธ “ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองได้ รบกวนเลขาก่วนช่วยลางานให้ฉันหนึ่งวันนะคะ”
พูดจบ เหลิ่งรั่วปิงคลายยิ้มอย่างสง่างามให้กับก่วนอวี้อีกครั้ง จากนั้นเธอก็ลากกระเป๋าเดินทางออกไปจากวิลล่าหย่าเก๋อ เธอเดินออกไปท่ามกลางพื้นที่เต็มไปด้วยหิมะระยะทางหนึ่ง จากนั้นก็เรียกแท็กซี่แล้วนั่งรถออกไป
ก่วนอวี้ยืนนิ่งค้างตรงประตูวิลล่าหย่าเก๋ออยู่นานครู่หนึ่ง สุดท้ายแล้วเขาก็ทำได้แค่ถอนหายใจ ผู้หญิงคนนี้ไม่มีหัวใจจริงๆ เธอไปจากที่นี่อย่างรวดเร็ว ไม่มีความอาลัยอาวรณ์แม้แต่น้อย เธอเหมือนกับลมที่พัดมาเบาๆ คือลมที่ไม่ทิ้งร่องรอยเอาไว้ในเวลาที่พัดผ่านพื้นถนนและพัดผ่านน้ำ เธอทำเหมือนว่าตนเองไม่เคยอยู่ที่นี่มาก่อน
หลังจากที่เหลิ่งรั่วปิงออกไปจากวิลล่าแล้วนั้น ก่วนอวี้ก็รีบกลับไปที่บริษัททันที เขารายงานเรื่องนี้ให้กับหนานกงเยี่ย ถึงแม้ว่าเขาจะคาดเดาได้แต่แรกแล้วว่าการรายงานของเขาจะทำให้หนานกงเยี่ยไม่พอใจ แต่เขาก็จำต้องเคาะประตูห้องทำงานของท่านประธาน
“คุณชายเยี่ยครับ คุณเหลิ่งได้เซ็นสัญญา’จบความสัมพันธ์’เรียบร้อยแล้วครับ” ก่วนอวี้ที่ยืนอยู่ตรงหน้าโต๊ะทำงานของหนานกงเยี่ย เขารู้สึกเหมือนเดินอยู่บนน้ำแข็งแผ่นบางๆ
“อืม” หนานกงเยี่ยพยักหน้าเหมือนไม่ได้สนใจ นิ้วมือของเขายังคงพลิกเปิดเอกสาร “เธอได้พูดอะไรรึเปล่า”
“เธอบอกว่า…ขอบคุณคุณชายเยี่ย สำหรับการดูแลที่ดีตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมานี้ครับ” หัวใจของก่วนอวี้ดิ่งลึกลงไปในมหาสมุทร เขารู้ว่าคำพูดนี้ไม่ใช่สิ่งที่หนานกงเยี่ยอยากจะฟัง แต่เขาก็ไม่กล้าโกหก
มือของหนานกงเยี่ยหยุดนิ่ง ทำให้เอกสารฉีกขาด แววตาของเขาในตอนนี้ดุร้ายขึ้นมา “แค่คำเดียว?”
“ครับ…ใช่ครับ” ก่วนอวี้กลัวจนเหงื่อแตก เห็นได้ชัดว่าแววตาของคุณชายเยี่ยกำลังคิดอยากจะฆ่าคน
“แล้วตอนนี้เธออยู่ไหน” คล้ายว่าเสียงของเขาได้ผ่านภูเขาหิมะมา น้ำเสียงนั้นเคล้าไปด้วยความเย็นยะเยือก
“คุณเหลิ่งย้ายออกไปจากวิลล่าหย่าเก๋อแล้วครับ ตอนนี้เธอพักที่โรงแรม” ก่วนอวี้พยายามพูดให้จบ
ทันใดนั้นเอง เอกสารในมือของหนานกงเยี่ยก็ปลิวทันที เอกสารชนเข้ากับผนังห้องทำงาน น้ำเสียงของเขาเย็นยะเยือกจนน่าตกใจ เขาพูดตะคอกเสียงดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำงาน “เธอใจร้อนอยากจะออกไปถึงขนาดนี้เชียว!”
เขารู้ตั้งแต่แรกแล้วว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ไม่มีหัวใจ การเลิกกันในครั้งนี้เขาเป็นคนพูดเอง แต่หลังจากที่รู้ว่าเธอไม่มีหัวใจขนาดนี้ เขาก็ยังคงรู้สึกโมโหมาก นี่เขาไม่มีเสน่ห์ขนาดนั้นเลยหรอ เธอถึงหนีเขาเหมือนกำลังหนีเชื้อโรค?
ก่วนอวี้เก็บเอกสารขึ้นมาด้วยความสั่นเทา เขาพยายามที่จะพูดเกลี้ยกล่อม “คุณชาย…คุณชายเยี่ยครับ อย่าโมโหไปเลยครับ เธอก็เป็นแค่ผู้หญิงคนหนึ่งเท่านั้น ในเมื่อเธอไม่มีหัวใจขนาดนี้ ทำไมต้องไปแคร์เธอด้วย หลังจากนี้คุณชายเยี่ยก็ไม่ได้ใกล้ชิดสนิทสนมกับเธออีกแล้ว ไม่แน่ว่าอีกไม่กี่วันคุณชายเยี่ยอาจจะลืมเธอก็ได้นะครับ”
หนานกงเยี่ยแสยะยิ้ม สายตาคมเหมือนเหยี่ยวคู่นั้นมองไปที่ก่วนอวี้ ความเย็นยะเยือกที่แผ่ซ่านออกมาจากนัยน์ตาคู่นั้น คล้ายจะแช่แข็งอากาศในห้อง “ใครบอกนายว่าฉันแคร์เธอ?!”
“อ๊า…ครับ คุณชายเยี่ย ผมพูดผิดไปแล้วครับ” ก่วนอวี้รู้สึกว่าความกดอากาศภายในห้องทำให้เขาแทบจะหายใจไม่ออก เขาบ่นพึมพำในใจ คุณชายเยี่ย คุณกลายเป็นคนที่ปากอย่างใจอย่างแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่ ในเมื่อคุณยังต้องการเธอ แล้วทำไมต้องเลิกกับเธอด้วย หลังจากที่ทิ้งคุณเหลิ่งไปแล้วกลับโมโหตนเองแบบนี้ ทำไมต้องหาเรื่องให้ตัวเองด้วย! ก่วนอวี้คาดการณ์เอาไว้แล้ว ชีวิตของเขาหลังนี้คงจะไม่สงบสุขอีกต่อไป การอยู่ใกล้กับราชาที่ยิ่งใหญ่ทำให้เขารู้สึกเหมือนอยู่ใกล้ราชสีห์
“ไสหัวออกไป!” หนานกงเยี่ยเขวี้ยงเอกสารที่อ่วนอวี้เก็บขึ้นมา “เช้าวันนี้อย่าให้ใครมารบกวนฉัน!”
“ครับ” ก่วนอวี้รีบวิ่งไปเก็บเอกสาร จากนั้นวางเอาไว้อย่างเป็นระเบียบ แล้วรีบเดินออกไปจากห้องทำงาน พร้อมกับปิดประตู
ภายในห้องทำงานที่ว่างเปล่า มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง เอกสารที่อยู่บนโต๊ะทำงานของหนานกงเยี่ยถูกเขากวาดลงไปจนหมด แต่นั่นก็ยังไม่สามารถระบายความโมโหที่อยู่ในใจของเขาลงได้ หนานกงเยี่ยจึงชกไปที่โต๊ะอย่างแรงอยู่หลายครั้ง
มองดูโต๊ะทำงานที่ว่างเปล่า หนานกงเยี่ยเองก็รู้สึกโมโห ทำไมทุกครั้งที่เป็นเรื่องของเหลิ่งรั่วปิง เขาก็ไม่สามารถควบคุมอารมณ์ของตนเองได้ เมื่อเทียบกับความนิ่งเฉยของเธอนั้น เห็นได้ชัดว่าเขาแพ้เธอ!
หนานกงเยี่ยลุกขึ้นด้วยความหงุดหงิด เขาเดินไปที่หน้าต่าง มองดูโลกภายนอกที่ปกคลุมด้วยหิมะขาวโพลน คิ้วเรียวงามของเขาขมวดเป็นปม แสงแดดในตอนเที่ยง สาดส่องลงมาบนตัวของเขา ทำให้ตัวของเขามีออร่าสีเหลืองทอง
ใช่ ก่วนอวี้พูดถูก ก็แค่ผู้หญิงคนหนึ่ง? นับตั้งแต่ตอนนี้ เขาจะไม่คิดถึงเธออีก ไม่เจอกับเธออีก บางทีอีกไม่กี่วันผู้หญิงอย่างเธอก็คงไม่ส่งผลต่อเขาแล้ว
เหลิ่งรั่วปิงเลือกพักในโรงแรมที่เธอเข้าพักตอนที่มาถึงเมืองหลง ซึ่งก็คือโรงแรมวั่นเหา เป็นเรื่องที่บังเอิญมากเพราะเธอได้เข้าพักที่ห้อง1308อีกครั้ง สิ่งนี้ทำให้เธอรู้สึกว่าทุกอย่างกลับไปยังจุดเริ่มต้น แต่สิ่งที่ไม่เหมือนเดิมก็คือ ตอนนี้เธอมีสิทธิ์ในการออกแบบแลนด์มาร์คของเมืองหลง ก้าวต่อไปของเธอก็คือตั้งใจออกแบบแลนด์มาร์คให้ดี จากนั้นสะสางกับลั่วเฮิ่ง และหลังจากนั้น เธอก็จะผลักเขาลงเหว
หลังจากพักผ่อนไปสักพักหนึ่ง เธอเปิดแล็ปท็อปของตนเองเพื่อที่จะตรวจสอบอีเมลล์ เพราะก่อนหน้านี้เธอพักอยู่ในวิลล่าหย่าเก๋อ เธอกลัวว่าความลับของเธอจะถูกเปิดเผย ดังนั้นเธอก็เลยไม่เข้าล็อคอินเข้าอีเมลล์ของตนเอง แต่วันนี้เธอได้รับอิสระแล้ว ในที่สุดเธอก็มีพื้นที่ส่วนตัว เธอจำเป็นต้องติดต่อไปที่วิหาร ถ้าขาดการติดต่อไปนาน สุญญตาอวี้ต้องเป็นกังวลอย่างแน่นอน และถ้าหากว่าเขาเกิดโมโหขึ้นมา ผลลัพธ์ที่เกิดขึ้นนั้นเธอไม่อยากจะคิดถึงมันเลยจริงๆ
ความโมโหของสุญญตาอวี้ เหมือนฟ้าผ่า เหมือนไฟสวรรค์ ไม่มีใครในวิหารสามารถทนกับมันได้ ถึงแม้ว่าเขาจะดีกับเธอเป็นพิเศษ แต่ถ้าเขาโมโหขึ้นมาจริงๆ นั้น เหลิ่งรั่วปิงรู้สึกกลัวมาก ความกลัวที่เธอมีต่อเขา มันสั่งสมมาตลอดหกปีที่ผ่านมานี้ สิ่งที่เธอจดจำในตัวเขาโดยมากล้วนไม่ใช่ความอ่อนโยน เขาเป็นคนที่เคร่งครัดและใช้ความเย็นยะเยือกในการฝึกฝนเธอ และทำทุกภารกิจให้สำเร็จ
เขาคือราชา ราชาชั่วร้ายที่น่าหลงใหล คำพูดเพียงคำเดียวของเขาสามารถกำหนดความเป็นความตายของคนได้ ในฐานะเจ้าวิหารมือของเขาเต็มไปด้วเลือด นิสัยของเขานั้นอำมหิตและโหดร้าย เขาไม่เคยใจกว้างกับผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา สิ่งเดียวที่เขามีนั้นคือความเย็นยะเยือก
เหลิ่งรั่วปิงล็อคอินเข้าอีเมลล์ด้วยความรวดเร็ว เห็นได้ชัดว่าในอีเมลล์มีข้อความเข้ามานับสิบ ซึ่งคนที่ส่งอีเมลล์ทั้งหมดมานั้นคืออาเธอร์ คนที่ร่วมเป็นร่วมตายกับเธอมาก่อน
อาเธอร์คือคู่หูของเหลิ่งรั่วปิง ทั้งสองเข้าร่วมการฝึกฝนสุดหินด้วยกัน และร่วมทำภารกิจสำเร็จมาด้วยกันมากมาย เป็นเพื่อนร่วมเป็นร่วมตายของกันและกัน อาเธอร์เข้ามาในวิหารก่อนเธอ ความผูกพันที่มีให้กันนั้นหล่อหลอมมาจากความเป็นความตาย เขาเหมือนพี่ชายแท้ๆ ของเธอ คือพี่ชายที่เข้มข้นมากกว่าสายเลือด
“นางฟ้ารัตติกาล รีบวิดีโอคอลกับเจ้าวิหารให้เร็วที่สุด” หลายวันที่ผ่านมานี้ อีเมลล์นับสิบฉบับที่อาเธอร์ส่งมาให้เธอพูดซ้ำประโยคนี้แค่ประโยคเดียว
เหลิ่งรั่วปิงเลิกคิ้วขึ้น อาเธอร์ส่งอีเมลล์มาให้เธอซ้ำๆ และพูดแค่เรื่องนี้ อธิบายได้แค่อย่างเดียวว่าสุญญาอวี้โมโหแล้ว