บทที่ 51 ไอ้แก่ อย่าบังคับให้ฉันต้องอัดแก Ink Stone_Fantasy
เสียงปืนดังขึ้นแล้ว ปากกระบอกปืนของลั่วซงเฉิงถูกเล็งไปที่เย่หง เมื่อได้ยินเสียงปืน เย่หย่วนซานและเถี่ยฉุยที่อยู่ที่นั่นก็ตกตะลึง ส่วนเย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วตกใจกลัวจนสั่นไปทั้งตัว เกิดความกลัวว่าลั่วซงเฉิงจะเล็งปากกระบอกปืนมาที่พวกเขา
“อ้าก…ขาฉัน…”
เสียงกรีดร้องดังขึ้น เย่หงที่หลับตารอความตายนั้นไม่ได้รู้สึกถึงความตายที่มาหา แต่กลับได้ยินเสียงของลั่วซงเฉิงแทน เมื่อเขาลืมตาขึ้นมอง เห็นเพียงลั่วซงเฉิงนอนกองอยู่บนพื้น สองมือกุทขาที่เต็มไปด้วยเลือดสดๆ ของตน ส่งเสียงร้องออกมาราวกับหมูถูกเชือด
ในตอนที่ทุกคนไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น เย่เทียนเฉินก็พาหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่ผลักประตูเดินเข้ามาจากด้านนอก มองลั่วซงเฉิงอย่างเย็นชาพลางกล่าวด้วยรอยยิ้มว่า “ครึกครื้นดีจริงๆ เกิดเรื่องอะไรขึ้น?”
เห็นเย่เทียนเฉินเดินเข้ามา ทุกคนก็ตกตะลึง พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะกล้ามาจริงๆ ลั่วซงเฉิงไม่ลังเลที่จะยิงปืนเลย เห็นได้ถึงความคิดอันเลือดเย็นของเขาที่จะทำลายตระกูลเย่ หลานชายทั้งสองของตนเองตายด้วยน้ำมือของเย่เทียนเฉิน เขาย่อมเกลียดเย่เทียนเฉินลึกถึงกระดูกดำ
ใครก็คิดไม่ถึงว่า เกิดเรื่องใหญ่ขนาดนี้ เย่เทียนเฉินไม่เพียงแต่ไม่หลบซ่อน กลับกล้าปรากฏตัวออกมาต่อหน้าลั่วซงเฉิง นี่ทำให้ผู้คนต้องสั่นสะท้านไม่มากก็น้อย การทำเรื่องราวต่างๆ ของคนๆ นี้ช่างไม่เหมือนใครจริงๆ
เย่หย่วนซานและคนอื่นๆ ต่างก็แปลกใจ เห็นชัดๆ ว่าปากปืนของลั่วซงเฉิงเล็งไปทางเย่หง ยิงจากระยะใกล้ขนาดนั้น กลับยิงไม่ถูกเย่หง คนที้ถูกปืนยิงกลับกลายเป็นลั่วซงเฉิงแทน ทำให้ผู้คนรู้สึกเหลือเชื่อจริงๆ ณ สถานที่นั้นมีเพียงคนเดียวที่ดูเหมือนจะมองออกอยู่บ้าง ซึ่งก็คือเถี่ยฉุย เดิมทีเถี่ยฉุยก็เป็นทหารที่เก่งกาจห้าวหาญคนหนึ่ง สามารถเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าได้ฝีมือย่อมแข็งแกร่ง นอกจากนี้เถี่ยฉุยยังมีความเข้าใจเกี่ยวกับผู้มีพลังพิเศษและยอดฝีมือพรรควรยุทธโบราณด้วย
เพียงแต่ว่า สิ่งที่แม้แต่เถี่ยฉุยยังต้องตกตะลึงเป็นอย่างมากก็คือ ระยะทางใกล้ขนาดนี้ เย่เทียนเฉินยังไม่ได้เข้ามาในห้องโถงก็สามารถเปลี่ยนวิถีกระสุนได้ ช่างร้ายกาจมากจริงๆ
ความจริงแล้ว ตอนที่เย่เทียนเฉินพาหลัวเยี่ยนผู้เป็นแม่เดินมาถึงด้านนอกบริเวณประตูห้องโถงก็ได้ยินคำสนทนาเหล่านั้นแล้ว เย่เทียนเฉินที่พลังพิเศษทะลวงถึงระดับจอมราชันแล้วนั้น สามารถรับรู้ได้ถึงทุกสิ่งทุกอย่างภายในห้องโถง ตอนที่ลั่วซงเฉิงยิงปืน เขาก็ได้กระตุ้นพลังพิเศษอันแข็งแกร่งเพื่อเปลี่ยนวิถีกระสุนในเวลาชั่วพริบตา จนยิงถูกตัวลั่วซงเฉิงเอง
“แก…เย่เทียนเฉิน ไอ้ลูกเต่า กล้าฆ่าหลานชายทั้งสองของฉัน ฉันจะให้แกชดใช้ด้วยชีวิต จะให้ตระกูลเย่ทุกคนถูกฝังลงไปพร้อมกับแก!”
ต้นขาซ้ายของลั่วซงเฉิงถูกปืนยิง แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บตรงจุดสำคัญ จึงกัดฟันลุกขึ้น มองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยม คิดอยากจะใช้ปืนยิงเขาให้ตาย เพียงแต่น่าเสียดาย ตอนที่เขาล้มลงนั้น ปืนตกลงไปที่พื้นบริเวณที่ห่างกับเขามาก
เย่เทียนเฉินไม่มองลั่วซงเฉิงแม้แต่น้อย แต่กลับเดินไปเบื้องหน้าเย่หงผู้เป็นพ่อ กล่าวอย่างห่วงใยว่า “พ่อ พ่อไม่เป็นอะไรใช่ไหมครับ?”
“ไม่เป็นไร เทียนเฉิน ตกลงมันเรื่องอะไรกันแน่ ตกลงลูกเป็นคนทำรึเปล่า?” เย่หงกล่าวถามอย่างร้อนใจ
ไม่ว่าจะพูดอย่างไร อำนาจของตระกูลลั่วก็ยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่มาก ลั่วซงเฉิงเป็นรองผู้บัญชาการทหารระดับเขตแห่งหนึ่ง ครั้งนี้ยังมีความเป็นไปได้มากว่าจะสามารถเข้าเป็นคณะกรรมาธิการทหารได้ เดิมทีในจิงตูนั้น ลั่วซงเฉิงก็ขึ้นชื่อเรื่องการใช้อำนาจบาตรใหญ่และการปกป้องเข้าข้างพรรคพวก ถ้าหากเป็นเย่เทียนเฉินที่ฆ่าหลานชายทั้งสองของเขาจริงๆ เกรงว่าเรื่องนี้ยากที่จะดีขึ้นได้ อาจถึงขั้นนำมาซึ่งวิกฤตและภัยพิบัติสู่ตระกูลเย่ทั้งหมด
“พ่อครับ เรื่องนี้ไว้ผมจะบอกพ่อทีหลัง ตอนนี้ผมกับลั่วซงเฉิงมีหลายอย่างต้องคุยกันสักหน่อย” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางตบบ่าของเย่หงผู้เป็นพ่อด้วยรอยยิ้ม
เย่หงชะงักไปชั่วครู่ เขาทราบว่าลูกชายของตนเปลี่ยนไปแล้ว มีจิตวิญญาณของลูกผู้ชายขึ้นมาแล้ว แต่ว่าเขาก็ไม่ค่อยอยากจะเชื่อว่าเย่เทียนเฉินลูกชายจะสามารถจัดการตระกูลเย่ได้ดี กล่าวตามจริงแล้ว ถ้าพูดกันด้วยตำแหน่งฐานะ คนที่สามารถคุยกับลั่วซงเฉิงโดยตรงได้ เกรงว่าจะมีเพียงเย่หย่วนซานซึ่งเป็นผู้อาวุโสตระกูลเย่เท่านั้น เย่เทียนเฉินยังเป็นผู้น้อย ระดับฐานะยังไม่เพียงพอ
เย่เทียนเฉินพูดจบ ไม่ทันรอให้คนอื่นๆ มีปฏิกริยา ก็เดินเข้าไปหาลั่วซงเฉิงอย่างไม่รีบไม่ร้อน มุมปากยังคงประดับไปด้วยรอยยิ้มสายหนึ่ง
ลั่วซงเฉิงจ้องมองเย่เทียนเฉินด้วยสายตาเหี้ยมโหด เขาคิดไม่ถึงว่าจะมามีปัญหาที่บ้านหลักตระกูลเย่ เดิมทีทั้งหมดก็เป็นตนเองที่ใช้กำลังเอง ไหนเลยจะรู้ว่ากลับถูกปืนอันแปลกประหลาดของตนเองยิงจนได้รับบาดเจ็บ อยากจะพาลก็พาลไม่ออก แต่เขายังมีความมั่นใจมากเพราะนำทหารคนสนิทของตนเองมาหลายสิบคน ถ้าหากว่าเป็นเรื่องขึ้นมา เขาก็ไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าล้างครั้งใหญ่ ฆ่าตระกูลเย่ทั้งครอบครัว
“ผู้อาวุโสเย่ เรื่องนี้ผมหวังว่าคุณจะสามารถชี้แจงได้ ไม่งั้นอย่ามาหาว่าผมไม่เกรงใจ ทหารพร้อมด้วยอาวุธปืนด้านนอก ล้วนแต่เป็นคนสนิทของผม ผลลัพท์ร้ายแรงมากนะครับ…” ลั่วซงเฉิงกล่าวพลางมองเย่หย่วนซานอย่างโหดร้าย
ได้ยินคำพูดข่มขู่ของลั่วซงเฉิง เย่หย่วนซานก็รู้สึกโกรธขึ้นมาบ้าง จะดีจะร้ายในปีนั้นตนเองก็มีตำแหน่ง ตอนนี้ถึงกับถูกคนนำทหารมาปิดล้อมบ้าน เป็นครั้งแรกที่ได้รับความอัปยศอดสู เช่นนี้ หากไม่ใช่เพราะกังวลว่าลั่วซงเฉิงจะคุ้มคลั่งแล้วทำร้ายครอบครัว เย่หย่วนซานจะไม่อนุญาตให้ลั่วซงเฉิงเหิมเกริมเช่นนี้อย่างแน่นอน
ไหนเลยจะรู้ว่า เย่หย่วนซานยังไม่ทันได้กล่าวอะไร เย่มู่ไป๋และเย่เฮ่อกั๋วที่อยู่ด้านข้างก็ตกใจจนเปิดปาก เดิมที่พวกเขาก็ขี้ขลาดอยู่แล้ว ใช้ชีวิตอย่างมีเกียรติ์และมั่งคั่งมาชั่วชีวิต วันๆ รู้จักแต่ต่อสู้แย่งชิงทรัพย์สินของครอบครัว เคยพบกับศึกใหญ่เช่นนี้ที่ไหนกัน มีคนใช้มีดจ่อบนคอพวกเขาครั้งหนึ่งพวกเขาก็ไม่ได้คิดถึงตระกูลเลยแม้แต่น้อย หวาดกลัวจนฉี่แทบราด คุกเข่าขอความเมตตา
“พะ..พี่ลั่ว เรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับผมเลยสักนิด ไอ้คนไม่เอาไหนเย่เทียนเฉินเป็นคววามอัปยศของตระกูลเย่ของพวกเรา หากว่าเขาฆ่าหลานชายทั้งสองของพี่จริงๆ จะฆ่าก็ฆ่าเขาเถอะ จะจัดการอย่างไรก็แล้วแต่พี่เลย!” เย่มู่ไป๋รีบเปิดปากพูด
“น้องสาม แกยังจะมัวตะลึงอะไรอยู่ รีบส่งไอ้เด็กอกตัญญูนี่ให้พี่ลั่วเร็วเข้า อย่าให้เหนื่อยมาถึงพวกเรา” เย่เฮ่อกั๋วก็พูดตาม
“ในเมื่อลุงสามกับลุงสองพูดเช่นนี้ งั้นฉันก็เข้าใจ หลานสองคนของแกถูกฉันฆ่า ไม่เกี่ยวข้องกับคนอื่นๆ ในตระกูลเย่ของพวกเรา อยากจะแก้แค้นก็มาหาฉันนี่” เย่เทียนเฉินกล่าวกับลั่วซงเฉิงด้วยรอยยิ้ม
“ดี ดี ดี แกกล้ามาก! ผู้อาวุโสเย่ คุณควรจะรู้ไว้นะว่ามีหลายนเช่นนี้ เย่หง แกมีลูกชายแบบนี้เกรงว่าจะตื่นขึ้นมาหัวเราะกลางดึกเลยล่ะสิท่า!” ลั่วซงเฉิงโกรธจนปอดแทบระเบิด กล่าวออกมาด้วยรอยยิ้มมืดครึ้มจากความโกรธ
“พี่ลั่ว อย่าได้โกรธไป เรื่องนี้ผมคิดว่ามีความเข้าใจผิด…” เย่หงเห็นว่าลั่วซงเฉิงมีท่าทีแปลกประหลาด ก็รีบเปิดปากพูด
“เข้าใจผิด? ยังจะมาเข้าใจผิดอะไรอีก ลูกชายของแกยอมรับเองกับปาก ตระกูลเย่ของพวกแกช่างเหิมเหริมจริงๆ ดูท่าทางอยากจะปืนป่ายขึ้นมาล่ะสิ วันนี้ฉันจะไม่ใช้เหตุผลอะไรแล้ว ฆ่าคนก่อนค่อยว่ากัน ฉันจะไปบอกกับผู้ว่าการรัฐที่หนึ่ง ใครก็ไม่กล้าว่าฉันแน่!” ลั่วซงเฉิงตะโกนออกมาเสียงดัง
คำพูดนี้ของลั่วซงเฉิงถูกพูดออกมา เย่หง เย่หย่วนซาน เย่มู่ไป๋ เย่เฮ่อกั๋ว หลัวเยี่ยน เถี่ยฉุย ทั้งหกคนต่างก็ตกใจจนหน้าซีด ลั่วซงเฉิงเดิมทีก็เป็นคนที่ปกป้องพวกพ้องเป็นอย่างมาก ตอนนี้หลานชายทั้งสองล้วนถูกเย่เทียนเฉินฆ่าตาย รวมกับเขาถูกปืนยิง ย่อมไม่อาจปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่ มีความเป็นไปได้สูงว่าจะสั่งการไปยังทหารคนสนิทที่เป็นลูกน้องของตนเหล่านั้นให้ฆ่าล้างตระกูลเย่
ตอนนี้เอง เย่เทียนเฉินเดินไปด้านหน้าของลั่วซงเฉิง กล่าวออกมาโดยที่ยังคงยิ้มอยู่ว่า “มีคนสองประเภทที่ฉันจะไม่ลงมือ หนึ่งคือผู้หญิง สองคือคนแก่ แกอย่าได้บีบบังคับฉันเลย เพราะสำหรับคนแก่ที่ใช้ความแก่ของตนเที่ยวระรานผู้อื่น คนแก่ที่ไม่รู้ว่าอะไรควรไม่ควรกับผู้หญิงชั้นต่ำที่ชอบยั่วยวน ฉันก็ไม่ลังเลที่จะลงมือหรอก!”
คำพูดนี้ของเย่เทียนเฉิน เถี่ยฉุยได้ฟังก็ถึงกับต้องสูดหายใจด้วยความตกตะลึง ลั่วซงเฉิงเป็นใคร เป็นรองผู้บัญชาการเขตแห่งหนึ่ง พูดได้ว่าตำแหน่งสูงส่งอำนาจใหญ่โต ครั้งนี้ก็มีโอกาสได้เข้าเป็นคณะกรรมาธิการทหาร ตำแหน่งในจิงตูก็ไม่ถือว่าต่ำ เกรงว่าในจีนคนที่จะพูดว่าจะลงมืออัดลั่วซงเฉิงนั้นคงหาได้เพียงไม่กี่คน
“ปากดีนักนะ ตระกูลเย่มีคนโอหังขนาดนี้ ช่างเป็นบุญของตระกูลเสียจริง กลัวก็แต่ว่าตระกูลเย่ของพวกแกจะต้องถูกฆ่าล้างวันนี้แล้ว!” ลั่วซงเฉิงกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดเหี้ยม
ปัง!
สิ่งที่ตอบรับลั่วซงเฉิงมีเพียงขาหนึ่งข้างเท่านั้น เย่เทียนเฉินไม่อยากจะลงมือกับลั่วซงเฉิง เพราะว่าเขาเป็นคนให้ความเคารพผู้อาวุโส น่าเสียดายที่คนแก่ที่ระรานคนผู้ไปทั่วเช่นนี้ คนแก่ที่ใช้อำนาจบาตรใหญ่ เย่เทียนเฉินไม่ลงมือไม่ได้ เขาไม่สามารถมองลั่วซงเฉิงมาทำตัวป่าเถื่อนอย่างการสั่งให้ลูกน้องลงมือเปิดฉากยิงที่ตระกูลเย่ได้หรอก!
“อ้าก…ไอ้ลูกเต่าแกกล้า…”
ลั่วซงเฉิงถูกเย่เทียนเฉินเตะตรงปากแผลที่ถูกปืนยิงจนเดินเป๋ไปมาและเกือบจะล้มลงบนพื้น จะอย่างไรเขาก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะถึงขนาดกล้าลงมือกับเขาได้ แต่ไหนแต่ไรก็ไม่เคยมีใครกล้าลงมืออักเขาลั่วซงเฉิงมาก่อน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้น้อยคนหนึ่งอย่างเย่เทียนเฉินเลย
“ฉันจะกล้าหรือไม่ก็เรื่องของฉัน ฉันแค่อยากจะบอกแกว่า คนที่โอหังและตาต่ำมันคนตระกูลลั่วของแก ไม่ใช่ตระกูลเย่ของฉัน…” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเย็น
“เฮอะ แกฆ่าหลานชายสองคนของฉัน ต่อให้ฟ้าถล่มแกก็หนีไม่พ้น ต้องตายแน่นอน!” ลั่วซงเฉิงสบถพลางกล่าวออกมาอย่างโหดร้าย
“ในเมื่อแกพูดถึงเหตุผล งั้นฉันก็จะบอกเหตุผลกับแกสักหน่อย ฉันกับหลานของแกลั่วเหลยไม่มีบุญคุณความแค้นต่อกัน แต่เขากลับซื้อตัวหนังสือพิมพ์ซุบซิบของจิงตู ให้เขียนข่าวทำลายชื่อเสียงของฉัน ฉันก็เลยสั่งสอนลั่วเหลยกับลั่วเทาไปนิดหน่อย เพื่อให้พวกมันตาสว่าง ที่ไหนได้แกลั่วซงเฉิงยิ่งปกป้องคนของตน ถึงกับส่งอู๋เสวี่ยนักฆ่าอันดับหนึ่งของจิงตูมาฆ่าฉัน ไม่สนใจตำแหน่งฐานะทางทหารของตัวเองเลย รู้กฏหมายแต่ก็ยังกระทำผิด ใช้หนึ่งฝ่ามือปิดแผ่นฟ้า การตายของลั่วเหลยและลั่วเทา ก็เป็นเพราะการกระทำของตระกูลลั่วของแกเองทั้งนั้น” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางขมวดคิ้ว
“แก…ต่อให้เป็นอย่งนี้แล้วจะทำไม แกกล้าฆ่าหลานชายทั้งสองของฉัน ใครก็ปกป้องแกไม่ได้ หัวหน้าหน่วยเถี่ยฉุย คุณเป็นผู้รักษาความสงบเรียบร้อยในจิงตู ตอนนี้ฆาตรกรฆ่าคนอยู่ตรงหน้าแล้ว ยังไม่รีบจับไปอีก?” ลั่วซงเฉิงโกรธจนทนไม่ไหว เขาย่อมรู้ข้อเท็จจริงของเรื่องราว เป็นลั่วเหลยที่ไปหาเรื่องเย่เทียนเฉินก่อนจริงๆ แต่ว่าด้วยอำนาจของเขาลั่วซงเฉิง ต่อให้ตระกูลลั่วของตนเองเป็นฝ่ายผิด ก็จะแก้แค้นให้หลานชายทั้งสอง
เถี่ยฉุยขมวดคิ้ว เขากับเย่เทียนเฉินเคยเจอกันมาก่อน และก็รู้สาเหตุที่ลั่วซงเฉิงเรียกตนเองมาในครั้งนี้ นั่นก็เพื่อนแสดงถึงความยุติธรรมบังหน้า แต่ความจริงเป็นการแก้แค้นส่วนตัว เห็นเย่เทียนเฉินลงมือ เถี่ยฉุยก็เข้าใจกระจ่าง เขาไม่สามารถยืนมองลั่วซงเฉิงถูกเย่เทียนเฉินจัดการไปเฉยๆ ได้ หากว่าเป็นเช่นนั้นก็คงจะเกิดเรื่องใหญ่จริงๆ แล้ว ลั่วซงเฉิงเป็นรองผู้บัญชาการเขตทหาร หากรองผู้บัญชาการเขตทหารคนหนึ่งถูกฆ่า ผลลัพธ์ย่อมร้ายแรงอย่างไม่อาจจินตนาการได้
ดังนั้นเมื่อคิดถึงตรงนี้ เถี่ยฉุยก็มองลั่วซงเฉิง ก่อนจะยืนขึ้นขวางเบื้องหน้าเย่เทียนเฉิน
………………………………………………………………..