บทที่ 52 ยั่วโมโหเถี่ยฉุยให้ลงมือ

เทพสังหาร ยุทธการระห่ำ

บทที่ 52 ยั่วโมโหเถี่ยฉุยให้ลงมือ Ink Stone_Fantasy

“พอแล้วเย่เทียนเฉิน!” เถี่ยฉุยขวางเบื้อหน้าเย่เทียนเฉินพลางกล่าวด้วยน้ำเสียงดุดัน

“คุณบอกว่าพอก็ต้องพองั้นเหรอครับ? ผมคิดว่ายังไม่พอ!” เย่เทียนเฉินมองเถี่ยฉุยพลางกล่าวอย่างไม่ยอมถอยสักก้าว

“นาย…นายต้องรู้ด้วยว่านี่จะมีผลร้ายอะไร ทำเรื่องร้ายแรงเช่นนี้ ตระกูลเย่คุ้มครองนายไม่ได้แน่!”

เถี่ยฉุยคิดไม่ถึงเลยว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งกร้าวเช่นนี้ ลงมือหนึ่งครั้ง ก็มีแนวโน้มว่าจะหยุดไม่ได้ พลังที่ปล่อยออกมารุนแรงเป็นอย่างมาก ขนาดเขาก็ยังรู้สึกได้ว่าบนร่างกายของเย่เทียนเฉินแผ่กลิ่นอายอำนาจราวจักรพรรดิออกมา จึงอดตกตะลึงอยู่ในใจไม่ได้ ตกลงชายคนนี้แข็งแกร่งขนาดไหนกันแน่?

“ผลลัพธ์เดี๋ยวผมรับผิดชอบเองทั้งหมด ลั่วซงเฉิงต้องการฆ่าผมก่อน ผมก็แค่โต้ตอบเท่านั้น ผมเย่เทียนเฉินต่ไหนแต่ไรไม่เคยหาเรื่อง แต่ก็ไม่กลัวมีเรื่อง” เย่เทียนเฉินกล่าวเสียงเข้ม

“ถ้าหากว่านายกล้าลงมือกับลั่วซงเฉิงจริงๆ เกรงว่าตระกูลเย่ทั้งตระกูลจะต้องถูกฆ่าทั้งตระกูลแน่” เถี่ยฉุยกล่าวเสียงเย็น

“งั้นเหรอ? ผมลงมือกับลั่วซงเฉิงก็จะถูกฆ่าทั้งตระกูล ลั่วซงเฉิงลงมือกับตระกูลเย่ของผม แล้วไม่ต้องถูกฆ่าทั้งตระกูลหรือไงกัน? นี่มันตรรกะ อะไรกัน? ในเมื่อพูดด้วยเหตุผลไม่ได้ งั้นก็ได้แต่ใช้หมัดอธิบายเหตุผลแล้ว!” เย่เทียนเฉินกล่าวสบถอย่างเย็นชา

ตอนนี้เอง ลั่วซงเฉิงที่ถูกบังไว้ด้านหลังเถี่ยฉุย โกรธจนหน้าเขียวคล้ำ แต่ไหนแต่ไรไม่เคยมีใครกล้ามาดูถูกเขาเช่นนี้ พลันมองเย่เทียนเฉินอย่างไม่แยแสแล้วกล่าวว่า “แกนับเป็นตัวอะไรได้ ขนาดปู่แกเย่หย่วนซานยังไม่กล้าพูดกับฉันแบบนี้ ในเมื่อตระกูลเย่หาเรื่องตาย งั้นก็อย่ามาโทษฉันแล้วกัน ฉันจะให้ทหารพร้อมอาวุธปืนของฉัน เก็บกวาดที่นี่ให้ราบคาบ!”

“ไอ้แก่ ฉันเตือนแกว่าอย่าเคลื่อนไหวมั่วๆ จะดีกว่า แม้ว่าฉันจะไม่ต่อยไม่ฆ่าคนแก่ แต่กับคนแก่ที่ไร้เกียรติ์อย่างแก ฉันไม่อ่อนข้อให้แน่” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางมองลั่วซงเฉิงอย่างไม่แยแส

เถี่ยฉุยขมวดคิ้ว เขาคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินลงมือครั้งหนึ่ง จะมีพลังแข็งแกร่งเช่นนี้ ในเวลาที่ไม่ชัดเจนย่อมมิอาจขวางได้ แต่เย่เทียนเฉินดูเหมือนว่าจะเป็นคนที่ทำตามหลักการโดยที่ไม่สนใจตัวคน ใครที่มันกล้าหาเรื่องเขาก็ซวยแน่ แต่ว่าเขาเถี่ยฉุยเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้า เป็นผู้รับผิดชอบทหารองครักษ์แห่งจิงตู หากมองลั่วซงเฉิงถูกเย่เทียนเฉินฆ่าไปโดยไม่ทำอะไร เกรงว่าเขาคงหนีไม่พ้นความรับผิดชอบที่เบื้องบนสืบสวนลงมา อีกอย่างเย่เทียนเฉินไม่ไว้หน้าตนเอง ต่อจากนี้เขาเถี่ยฉุยจะอยู่อย่างไรได้?

คิดถึงตรงนี้ เถี่ยฉุยก็เดินหน้าไปหนึ่งก้าว ขวางอยู่เบื้องหน้าของเย่เทียนเฉิน มองตาทั้งสองของเย่เทียนเฉินเขม็งพลางกล่าวว่า “ฉันหวังว่านายจะใจเย็นลงสักหน่อย อำนาจของตระกูลลั่วยิ่งใหญ่กว่าตระกูลเย่ หากว่าลั่วซงเฉิงตาย เกรงว่าตระกูลเย่จะต้องถูกฆ่าล้างจริงๆ แน่ เมื่อเบื้องบนสืบสวนหาความรับผิดชอบลงมา ใครก็แบกรับไม่ไหว”

“ใจเย็นลงหน่อย? เมื่อกี้ตอนที่ลั่วซงเฉิงยิงปืนเตรียมจะฆ่าพ่อของผม ทำไมคุณไม่บอกให้เขาใจเย็นลงหน่อย? เถี่ยฉุย เดิมทีผมคิดว่าคุณเป็นลูกผู้ชายคนหนึ่ง ดูท่าแล้วคจะไม่ได้เป็นเช่นนั้น” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางหัวเราะเสียงเย็น

ใช่แล้ว ในวันที่เย่เทียนเฉินแบกหานเจี๋ยกลับมายังค่ายทหาร ครั้งแรกที่ได้พบกับเถี่ยฉุย เขาคิดว่าคนที่เป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าคนนี้พอใช้ได้ ฝีมือแข็งแกร่ง ปรากฏกลิ่นอายความยุติธรรมอยู่บนใบหน้า ดังนั้นความประทับใจที่เขามีต่อเถี่ยฉุยนั้นจึงไม่เลวเลย ไหนเลยจะรู้ว่าเถี่ยฉุยตอนนี้ไม่แบ่งแยกถูกผิด ยืนอยู่ข้างลั่วซงเฉิง ทำให้เย่เทียนเฉินรู้สึกเหยียดหยาม

“นาย…นายทำไมไม่รู้จักดีชั่ว ฉันไม่อาจมองพ่อนายถูกฆ่าได้หรอก ไม่ให้นายลงมือก็เพราะไม่อยากให้ตระกูลเย่เจอเรื่องยุ่งยากที่เก็บกวาดไม่ได้!” เถี่ยฉุยกล่าวพลางกำหมัดแน่น

“ความหวังดีของคุณผมรับไว้ในใจแล้ว ผมเย่เทียนเฉินหาเรื่องยุ่งยากเอง ก็รับผิดชอบเอง ไม่เกี่ยวกับตระกูลเย่ หลีกไป!”

เย่เทียนเฉินโกรธเข้าแล้ว ในเมื่อไอ้แก่ลั่วซงเฉิงอยากจะสั่งให้ทหารที่เป็นลูกน้องของตนยิงปืนฆ่าล้างตระกูลเย่ เขาย่อมไม่นั่งมองเฉยๆ แน่ พ่อกับแม่ต่างก็อยู่ที่นี่ เพื่อความปลอดภัยของพวกเขา เย่เทียนเฉินไม่ลังเลเลยที่จะฆ่าลั่วซงเฉิง ชายชราคนนี้โอหังใช้อำนาจบาตรใหญ่อยู่ในจิงตูมานานหลายปี เรื่องเลวๆ ก็ทำไว้ไม่น้อย จะอย่างไรก็สมควรตาย

“นายคิดจริงๆ หรือว่าฉันจะขวางนายไว้ไม่ได้?” เถี่ยฉุยถูกทำให้โกรธเข้าแล้ว ตนเองเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าที่สง่าผ่าเผย รับผิดชอบความปลอดภัยทั้งจิงตู ฝีมือย่อมไม่อ่อนแอ เย่เทียนเฉินกลับไม่เห็นเขาอยู่ในสายตา ทำให้เถี่ยฉุยโกรธอยู่บ้าง

“งั้นคุณก็ลองดูหน่อยสิ!” พลันมุมปากของเย่เทียนเฉินก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นสายหนึ่ง แล้วกล่าวออกมา

ในตอนที่พบเถี่ยฉุยเป็นครั้งแรก เย่เทียนนเฉินรู้สึกว่าเถี่ยฉุยแข็งแกร่งมาก ตัวเย่เทียนเฉินในโลกก่อนเป็นผู้มีพลังพิเศษระดับพระเจ้า ภายในร่างกายมีเลือดอันร้อนรุ่มไหลเวียนอยู่ ย่อมกระหายที่จะต่อสู้กับผู้แข็งแกร่งในโลกนี้เป็นธรรมดา โดยเฉพาะหลังจากที่เขาพบว่าขอบเขตพลังพิเศษของตนลดลง มีเพียงการต่อสู้ครั้งใหญ่กับผู้แข็งแกร่งเท่านั้นถึงจะกระตุ้นพลังพิเศษภายในร่างและขับเคลื่อนแก่นพลังในสมองได้

วันที่ต่อสู้กับอู๋เสวี่ย ทำให้ขอบเขตพลังของตนเพิ่มขึ้นไปถึงระดับจอมราชัน ความสามารถย่อมก้าวกระโดดราวฟ้ากับเหว มิฉะนั้นหากต้องการฆ่าหลี่เถี่ยและลูกน้องพร้อมด้วยอาวุธปืนหลายสิบคนอย่างเงียบๆ ในคฤหาสน์ ก็เป็นสิ่งที่ยากมาก

ส่วนฝีมือของเถี่ยฉุยนั้นย่อมไม่อ่อนแอไปกว่าอู๋เสวี่ยแน่นอน อาจถึงกับเหนือกว่าอู๋เสวี่ยเสียอีก ไม่ต้องคิดก็รู้ว่า เถี่ยฉุยเป็นหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้า หน่วยมังกรฟ้านั้นเดิมทีก็เป็นกองทัพที่แข็งแกร่งห้าวหาญ สมาชิกภายในทุกคนต่างก็ถูกคักเลือกมาอย่างดี ฝีมือล้วนแข็งแกร่ง แล้วเถี่ยฉุยหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าคนนี้ ฝีมือจะอ่อนแอได้งั้นหรือ? ต่อให้ไม่ได้เป็นหนึ่งในสามราชันนักรบแห่งจีน ก็เกรงว่ามีความสามารถพอที่จะไล่ตามราชันนักรบทั้งสามคนนี้ได้

“งั้นก็ดี หากว่าฉันแพ้ ฉันจะไปจากที่นี่ ไม่สอดมือเข้ามายุ่งเรื่องนี้อีก หากนายแพ้ ก็ขอให้นายกลับไปยอมรับการตรวจสอบกับฉัน แน่นอนว่าฉันสามารถรับรองความปลอดภัยของคนตระกูลเย่ได้!” เถี่ยฉุยคิดครู่หนึ่งก่อนจะเปิดปากกล่าว

“ไม่มีปัญหา ที่จริงแล้วจะฆ่าหรือไม่ฆ่าไอ้แก่นี่ สำหรับผมมันก็ไม่ได้สำคัญอะไร เพียงแต่ว่าใครกล้ามาลงมือกับคนในครอบครัวของผม ต่อให้เป็นเทพเซียนก็ต้องตาย!” เย่เฉินเฉินกล่าวเสียงเย็นพลางมองลั่วซงเฉิง

ลั่วซงเฉิงถูกทำให้โกรธจนแทบทนไม่ไหว เดิมทีตนเองนำทหารคนสนิทมาปิดล้อมบ้านหลักตระกูลเย่ แล้วยังเรียกเถี่ยฉุยมา อำนาจสั่งการทั้งหมดต่างก็อยู่ในกำมือของเขา ไหนเลยจะรู้ว่า การปรากฏตัวของเย่เทียนเฉินที่เป็นผู้เกี่ยวข้องโดยตรง จะทำให้ทุกอย่างกลับตาลปัต เขายังถูกยิงไปแล้วครั้งหนึ่งด้วย ช่างน่าขายหน้าจริงๆ

“พี่ลั่ว เรื่องนี้เกรงว่าพี่อยากจะดึงดันทำตามใจตัวเองก็ทำไม่ได้แล้ว ดังนั้นผมคิดว่าพี่อย่าทำอะไรบุ่มบ่ามจะดีกว่า!” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองลั่วซงเฉิง

ความประทับใจที่เถี่ยฉุยมีต่อลั่วซงเฉิงคนนี้ก็ไม่ได้ดีเด่อะไร เป็นเพัยงผู้มีอายุก็เท่านั้น แถมยังเข้าข้างและปกป้องพรรคพวกเป็นอย่างมาก ไม่เพียงแต่ปกป้องพรรคพวกเท่านั้น แต่ยังเหิมเหริมใช้อำนาจบาตรใหญ่อีกต่างหาก ไม่มีระดับของความเป็นผู้อาวุโสเลยแม้แต่น้อย ติดที่ว่าเขามีหน้าที่ดูแลความปลอดภัยของจิงตู และลั่วซงเฉิงมีอำนาจ เขาจึงไม่อาจล่วงเกินได้ จะให้ตายก็ไม่ได้

“เฮอะ!” ลั่วซงเฉิงสบถเสียงเย็นออกมาคำหนึ่ง เขาคาดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะร้ายกาจเช่นนี้ ไม่อยากเชื่อว่าแม้แต่ตนเองก็กินเขาไม่ลง

ประตูห้องโถงสำหรับรับแขกของบ้านหลักตระกูลเย่ถูกเปิดออก เย่เทียนเฉินกับเถี่ยฉุยเดินออกมา การประมือครั้งนี้ไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ มิฉะนั้นไม่ทราบว่าจะมีจุบจบเช่นไร

เย่หย่วนซาน เย่มู่ป๋ เย่เฮ่อกั๋ว แย่หงและหลัวเยี่ยนภรรยา ต่างก็รีบเดินออกมาเช่นกัน คำพูดของเถี่ยฉุยกล่าวได้ชัดเจนมาก การประมือของคนสองคน หากเย่เทียนเฉินแพ้ ก็จะถูกพาตัวไป เกรงว่าเรื่องนี้คงยากที่จะดีได้ ไม่เพียงแต่เย่เทียนเฉินจะมีอันตรายถึงชีวิต ตระกูลเย่ยังต้องพบกับความลำบากมากอีกด้วย

“เย่เทียนเฉินฉันรู้ว่าเด็กอย่างนายฝีมือไม่อ่อนแอ แต่นายไม่คู่ต่อสู้ของฉัน ไปกับฉันเถอะ หากว่าไม่ได้เกี่ยวข้องกับนายจริงๆ ฉันจะไม่ทำให้นายลำบากใจ และก็จะไม่ให้คนอื่นทำให้นายลำบากใจด้วย” เถี่ยฉุยกล่าวพลางมองเย่เทียนเฉิน

“พูดจาไร้สาระให้มันน้อยๆ หน่อย ลงมือเถอะ คอยดู ผมจะอัดจนหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าอย่างคุณต้องคุกเข่า!” เย่เทียนเฉินกล่าวอย่างไม่รู้สึกซาบซึ้ง

“แม่งเอ้ย ไอ้หนูอย่างนายมันไม่รู้จักผิดชอบชั่วดี กวนตีน!” เถี่ยฉุยโกรธจนทนไม่ไหว เดิมทีตนเองก็มีความปราถนาดี คิดอยากจะช่วยเย่เทียนเฉินสักครั้ง ไหนเลยจะรู้ว่าเจ้าหมอนี่จะทำตัวไม่รู้จักดีชั่วเหมือนกับสุนัขที่กัดเจ้าของ ช่างน่ารังเกียจเหลือเกิน

เย่เทียนเฉินคิดมาตลอดว่าเถี่ยฉุยคนนี้ไม่เลวเลย ฝีมือแข็งแกร่ง และยังมีความยุติธรรมอีกด้วย ไม่เหมือนกับผู้กุมอำนาจคนอื่นๆ ในสังคมปัจจุบัน ที่ไม่มีความยุติธรรมเลยแม้แต่ครึ่งส่วน ใช้อำนาจรังแกผู้คน หยิ่งผยองเหิมเหริม ฉ้อราษฎร์บังหลวง ไม่มีเรื่องชั่วร้ายอะไรที่ไม่ทำ เป็นเพราะฝีมมือของเถี่ยฉุยแข็งแกร่ง เย่เทียนเฉินจึงอยากสู้กับเขาสักครั้งหนึ่ง เพื่อทดสอบสังคมในปัจจุบันและทดสอบความสามารถของทหารผู้แข็งแกร่งในกองทัพ อีกทั้งยังเพื่อฝึกฝนพลังพิเศษภายในร่างกายของตนเองอีกด้วย

ใช้คำพูดยั่วยุนั้นก็เพื่อให้เถี่ยฉุยลงมือเต็มกำลัง แสดงความสามารถในการต่อสู้ที่แข็งแกร่งที่สุดของตนออกมาอย่างเต็มที่ เพื่อไม่ให้เก็บซ่อนเอาไว้และไม่ยอมสู้กันอย่างตรงไปตรงมา

“ผมกวนตีน คุณมีตีนก็มาหาผมนี่!” เย่เทียนเฉินกล่าวพลางหัวเราะฮี่ๆ

เถี่ยฉุยจ้องมองเย่เทียนเฉินอย่างโหดร้าย มือขวากำหมัดแน่น จนส่งเสียงดังกรอบแกรบออกมา พลันสายตาก็เปลี่ยนไป พุ่งเข้าหาเย่เทียนเฉินอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้า

เย่เทียนเฉินขมวดคิ้ว ความสามารถของเถี่ยฉุยนั้นไม่ได้ปิดบังไว้เลยจริงๆ เพียงพริบตาก็ถึงด้านหน้าเย่เทียนเฉิน ต่อยหมัดออกไปยังเบื้องหน้าของเขา การออกหมัดทำได้อย่างรวดเร็วมาก พลังก็รุนแรงไม่น้อย

ปัง!

ตอนที่หมัดของเถี่ยฉุยกำลังจะต่อยถูกเย่เทียนเฉิน เย่เทียนเฉินก็เอนตัวหลบหมัดอันรวดเร็วนี้ ในขณะเดียวกันมือขวาก็จับข้อมือของเถี่ยฉุย ส่งเท้าไปยังใบหน้าของเถี่ยถุย

ตู้ม!

เจอกับเท้าอันรวดเร็วของเย่เทียนเฉิน ทั้งระยะยังใกล้ขนาดนี้ เถี่ยฉุยทำได้เพียงใช้มือซ้ายป้องกันไว้ แม้จะเป็นเช่นนี้ แต่ก็ยังถูกขาของเย่เทียนเฉินเตะจนปลิวออกไป กระเด็นไปอย่างรุนแรง ทำให้เถี่ยฉุยที่ถอยหลังไปสองเมตรกว่ามองเย่เทียนเฉินด้วยความตกตะลึงเต็มใบหน้า

ในเรื่องการคาดเดาพลังการสู้รบของเย่เทียนเฉินนั้น เถี่ยฉุยรู้ว่าคนๆ นี้แข็งแกร่งมาก แต่ไม่คาดคิดว่าเย่เทียนเฉินจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้ แม้ตนเองจะไม่ได้ใช้พลังทั้งหมด แต่พลังทำลายล้างของหมัดๆ นั้นก็เยอะมาก ทั้งยังรวดเร็วมาก คนธรรมดาหลบไม่ได้แน่นอน เย่เทียนเฉินไม่เพียงหลบได้ แถมยังตอบโต้กลับอย่างรวดเร็วอีกด้วย เกือบจะเตะถูกตนเองอยู่แล้ว

สามีภรรยาเย่หงที่เห็นฉากๆ นี้ก็ตกตะลึงเช่นกัน พวกเขาคิดไม่ถึงเลยว่าลูกชายของตนเองจะเปลี่ยนไปร้ายกาจขนาดนี้ กระทั่งภายในสองตาของผู้อาวุโสเย่เองก็เปร่งประกายชื่นชม ส่วนลั่วซงเฉิงที่อยู่อีกด้านก็ตกใจจนปากอ้าตาค้าง เถี่ยฉุยเป็นใครกัน มีพลังการสู้รบเช่นไร เขาย่อมเข้าใจชัดเจนดี จะอย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าเย่เทียนเฉินจะถึงกับสามารถต่อกรกับเถี่ยฉุยได้ แถมยังไม่ตกเป็นรองอีกด้วย ช่างทำให้ผู้คนต้องตกตะลึงเหลือเกิน

“ดูท่าทางความสามารถของหัวหน้าหน่วยมังกรฟ้าอย่างคุณก็ไม่เห็นจะเท่าไหร่ อยากจะรับมือผม ไม่ใช้พลังทั้งหมดไม่ไหวแน่!” เย่เทียนเฉินแสร้งทำท่าทีครุ่นคิดคาดเดาเพื่ออยากที่จะกระตุ้นให้เถี่ยฉุยใช้พลังทั้งหมด

…………………………………………………….