แม้จะเป็นหน้าร้อน เล่อเหยาเหใช้ผ้าห่มห่อตัวเอาไว้แน่น ในใจนึกถึงพระเยซูและบทสวดของเจ้าแม่กวนอิมไม่หยุด แต่ล้วนไม่มีประโยชน์
ไม่รู้ว่าเที่ยงคืนเช่นนี้พระพุทธองค์จะเข้านอนแล้วหรือไม่ จึงไม่มีเวลาช่วยเธอเรื่องนี้ เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นจึงไม่หยุดลงเสียที
เวลานี้เล่อเหยาเหยา ตกใจจนเหงื่อไหลไม่หยุด
สวรรค์ ในผ้าห่มร้อนมากจริงๆ!
อันที่จริงเวลาเป็นหน้าร้อน รวมทั้งเธอปิดหน้าต่าง เวลานี้ด้านนอกจึงมีเพียงเสียงฟ้าร้องฟ้าแลบ ฝนยังไม่ตกลงมาโดยเร็วนี้แน่
ช่วงที่ไร้สายลมและดวงจันทร์เช่นนี้ เป็นช่วงที่อุณภูมิร้อนอบอ้าวที่สุด
เล่อเหาเหยาคิดว่าเพียงห่อตัวเองไว้ในผ้าห่ม ผีก็จะหาเธอไม่พบ แม้เธอทำเช่นนี้ จะเป็นการหลอกลวงตนเองก็ตาม
หลังผีนั้นร้องไห้อยู่เป็นนาน ความกลัวในตอนแรกของเล่อเหยาเหยา ค่อยๆ กลายเป็นความสงสัย
อันที่จริงเสียงร้องไห้ที่ใกล้เช่นนี้ พญายมควรจะได้ยินเช่นกัน แต่เพราะเหตุใดทางนั้นกลับไม่มีเสียงใดเลย!?
แปลก แปลกมากจริงๆ!
หรือว่าเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้นไม่ใช่ผี แต่เป็น…
เป็นไปไม่ได้!?
ในใจเล่อเหยาเหยาทั้งสงสัยและตกใจ แต่สุดท้ายต้านทานความอยากรู้ในใจไม่ได้ ดังนั้นจึงห่อตนเองด้วยผ้าห่ม จากนั้นปีนลงจากเตียงอย่างช้าๆ เดินไปยังแหล่งที่มาของเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้น
ห้องของเล่อเหยาเหยา เพราะอยู่ในห้องของเจ้าของตำหนักหย่าเฟิง ดังนั้นเมื่อเธอผลักประตูห้องของตนออกไป ตรงข้ามจะเป็นห้องของพญายม
เพราะในใจทั้งกลัวและสงสัย ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงทำทุกเรื่องอย่างช้าๆ และกระฉับกระเฉง
หลังผลักประตูห้องตนเปิดออกอย่างเบามือ เล่อเหยาเหยาที่ห่อตัวด้วยผ้าห่ม ค่อยๆ นอนคว่าลงหน้าประตูห้องของพญายม
ห้องของพญายมปิดอยู่ ดังนั้นเล่อเหยาเหยาจึงคิดนอนลงฟังเสียงอยู่ด้านนอกประตูก่อน
คิดไม่ถึง ใบหน้าเธอเพียงแนบที่หน้าประตูห้องของพญายม กลับไม่ระวังออกแรงมากเกินไป ประตูไม้ลายสลักนั้นจึงเปิดแง้มออกเล็กน้อย
“เอ๊ะ ไม่ได้ลงกลอนหรือ!?”
มองจากบานประตูไม้ลายสลักที่ค่อยๆ เปิดออก เล่อเหยาเหยาอดกระพริบตาสงสัยอยู่ครู่หนึ่งไม่ได้ ก่อนเอ่ยพึมพำกับตนเอง
ทว่าเธอไม่คิดมากอะไร เพราะพอประตูไม้เปิดออก เมื่อครู่เธอได้ยินเสียงร้องไห้นั้นชัดเจนยิ่งขึ้น
แม้ในใจเล่อเหยาเหยาจะไม่เชื่ออย่างมาก แต่เสียงร้องไห้ยังคงดังออกมาจากภายในห้องของพญายม
สวรรค์!เธอคงเดาไม่ถูกหรอกนะ เสียงร้องไห้นี้ เป็นเสียงของพญายม!?
พญายมขา…เขาร้องไห้!?
เล่อเหยาเหยาถูกความคิดนี้โจมตีเข้าอย่างหนัก ดวงตาเบิกกว้างอย่างตกตะลึง ปากเล็กอ้าเล็กน้อย ทว่ากลับไม่มีความกลัวในตอนแรกแล้ว
ว่าไปแล้ว ไม่มีผีก็ดี!
เวลาเที่ยงคืน ทั้งยังเป็นช่วงเวลาก่อนเกิดพายุฝน หากมีผีกระโดดออกมาอีก คงต้องตกใจจนตายคนเดียวแน่!
หลังเล่อเหยาเหยาถอนหายใจ ใจที่อยากรู้อยากเห็นเกิดแผนการร้ายขึ้นมา
ข่าวลือถือเป็นเรื่องธรรมชาติของผู้หญิง นี้ไม่มีผิดเลยแม้แต่นิดเดียว กระทั่งเล่อเหยาเหยาของเราก็ไม่มีข้อยกเว้น!
ทว่าจะโทษเล่อเหยาเหยาไม่ได้
เพราะอันที่จริงเวลาปกติ พญายมมักเย็นชาไร้ความรู้สึก เย่อหยิ่งเย็นชาอยู่เสมอ ใบหน้าภูเขาน้ำแข็งหมื่นปีนั้น ราวกับไม่สามารถละลายได้แม้แต่นิดเดียว
แม้เขาจะกวาดดวงตาเย็นชาเพียงเบาๆ ทว่าไอเย็นที่แผ่ออกมาจากดวงตา สามารถทำให้คนแข็งตายได้!
แต่ชายหนุ่มแบบเขาเช่นนี้ กลับร้องไห้!?
หากเล่อเหยาเหยาไม่ได้ยินอย่างชัดเจน ตีเธอให้ตายก็ไม่มีทางเชื่อ
ทว่าเรื่องนี้เกิดขึ้นแล้ว อีกอย่างยังอยู่ตรงหน้าเธอ
เวลานี้สิ่งที่เล่อเหยาเหยาคิดคือ กลับไปนอนต่อที่เตียงของตนเช่นเดิม หรือว่าไปดูพญายมจะดีกว่า
แม้เธอจะไม่กล้าเข้าไป เพราะพญายมเอาแน่เอานอนไม่ได้ ดังเช่นเมื่อครู่เห็นชัดว่ามีใบหน้าที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ผ่านไปไม่ถึงนาทีเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึม สายตาแหลมคมจนสามารถสังหารคนได้
เธอกลัวว่า หากเข้าไปแล้ว พญายมรู้ว่าถูกเธอเห็นสภาพที่น่าอายเข้า จะอับอายจนโมโหสั่งตัดศีรษะเธอ พอนึกถึงเรื่องนี้ เท้าของเล่อเหยาเหยาอดก้าวถอยหลังไปไม่ได้
ไอ้หยา ชีวิตสำคัญ!อย่าสอดรู้สอดเห็นเกินไปได้หรือไม่!
พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาพลันหมุนตัว โดยคิดไม่สนใจอะไร กลับไปนอนหลับที่ห้อง
คิดไม่ถึง ทันใดนั้นด้านนอกมีเสียงฟ้าร้อง‘เปรี้ยง’ดังขึ้นมาอย่างรุนแรง คล้ายกับจะแยกฟ้าดินออกจากกัน
นอกจากนี้ ภายในห้องมีเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นแฝงความตื่นตะหนกดังออกมา
เสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นนั้น เล่อเหยาเหยาที่ได้ยินรู้สึกว่าพญายมคล้ายกำลังหวาดกลัวบางสิ่ง
เมื่อได้ยิน ฝีเท้าของเล่อเหยาเหยาอดช้าลงไม่ได้ ก่อนพลันขมวดคิ้วแน่น ราวลังเลลำบากใจกับบางสิ่ง
แต่สุดท้าย เธอยังกัดริมฝีปากแน่นชั่วครู่ อย่างหมดสิ้นหนทาง
“เฮ้อ ไปดูเข้าสักหน่อยแล้วกัน!”
อันที่จริงพญายมช่วยเธอจากอันตรายได้อย่างหวุดหวิด เวลานี้เขาหวาดกลัว เธอจะเห็นคนใกล้ตายแล้วไม่ช่วยได้หรือ!?
โธ่ แม้พูดเช่นนี้ จะดูคล้ายจะรุนแรงไปเล็กน้อย
แต่เธอเป็นคนที่รู้จักบุญคุณคน!
ดังนั้นหลังคิดได้แล้ว เล่อเหยาเหยาหมุนตัวอีกครั้ง จากนั้นผลักประตูไม้ลายสลักออก ก่อนเดินเข้าไปอย่างช้าๆ
ห้องพญายมใหญ่โตอย่างยิ่ง บนพื้นหินสีน้ำเงินยังปูด้วยพรมที่ปักด้วยรูปดอกไม้นานาพันธุ์ ดังนั้นจึงไร้เสียงฝีเท้าที่ตกกระทบพื้น
แม้ด้านในห้องพญายมจะไม่มีไฟ รอบด้ายมืดสนิท แต่เล่อเหยาเหยาที่สายตาคุ้นชินแล้ว สามารถใช้แสงริบหรี่ที่เล็ดรอดเข้ามาจากนอกหน้าต่าง มองกะสภาพรอบด้านของห้องได้อย่างชัดเจน ดังนั้นจึงไม่ชนเข้ากับสิ่งใดหรือล้มลงไป
ไม่นาน เล่อเหยาเหยามายืนอยู่ข้างเตียงไม้จันทร์ลายสลักขนาดใหญ่นั้น
ผ้าแพรบางที่ห้อยลงมา ปิดกั้นสภาพที่ปรากฎขึ้นด้านเตียงใหญ่ไว้
ทว่าเสียงสะอึกสะอื้นนั้น กลับดังชัดเจนออกมาจากภายในเตียง
เล่อเหยาเหยาเมื่อได้ยิน เลียริมฝีปากแห้งผากของตนไปมา ก่อนพลันส่งเสียงเรียกเบาๆ คล้ายหยั่งเชิงขึ้น
“ท่านอ๋อง ท่านสบายดีหรือไม่ขอรับ!?”
“ท่านอ๋อง!?”
เมื่อส่งเสียงเรียกหลายครั้ง มีเพียงเสียงสะอึกสะอื้นหวาดกลัวด้านในเตียง ไม่มีเสียงตอบรับใดจากพญายม
เห็นเช่นนั้น เล่อเหยาเหยาขมวดคิ้วดำงดงาม อดยื่นมือเล็กออกไปไม่ได้ จากนั้นเลิกม่านที่ปิดสนิทตรงหน้าออก
ทว่าเธอยังไม่ทันตั้งตัว ร่างกายแข็งแรงกำยำกระโจนเข้ามาหาเธออย่างรวดเร็ว ตามมาด้วยเสียงต่ำมีเสน่ห์แฝงเสียงร้องไห้นั้น
“ฮือๆ อย่าไล่ข้าไป”