ตอนที่ 74.1 นอนกับพญายม (1)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

“เอ้อ”

จู่ๆ กระโจนเข้ามาเช่นนี้ เล่อเหยาเหยาจึงถูกกอดเข้าโดยไม่ทันตั้งตัว

และเพราะน้ำหนักที่เกิดขึ้นอย่างกะทันหันนี้ ทำให้เล่อเหยาเหยาเซถอยหลังไปหลายครั้ง จนแทบล้มลงบนพื้น

ทว่าโชคดีที่เอวมีแขนยาวดังลิงอันทรงพลังคู่หนึ่งพันธนาการเอาไว้แน่น มิฉะนั้นเธอต้องล้มหงายหลังเป็นแน่

แต่ตอนนี้มันเกิดอะไรขึ้น!?

หัวเล่อเหยาเหยาเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม

ก้มหน้าลงมอง จนใบหน้าแข็งทื่อ

อันที่จริง เวลานี้คนที่กอดเธอเอาไว้แน่น คือพญายมผู้นั้น!

และเมื่อมองท่าทางในตอนนี้ของเขาเห็นชัดว่าไม่ได้สติ ดวงตาเย็นชาแคบยาวปิดแน่น ยังมีคิ้วงดงามคู่นั้นที่ขมวดแน่นจนแทบเป็นรอยย่น

บนสองแก้มเขามีสิ่งที่ร้อนผ่าวไหลลงมาไม่หยุด นั่นคือน้ำตาของเขา!?

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาตกตะลึงอย่างยิ่ง

และเวลานี้พญายมยังกอดเธอเอาไว้อย่างแน่นหนา ราวกับคนจมน้ำที่กอดขอนไม้เพื่อเอาชีวิตรอด จนเอวเล็กของเธอแทบหัก!

“เอ้อ แค่กๆ น่าตายนัก เจ็บเหลือเกิน”

เล่อเหยาเหยาบิดตัวไม่หยุด คิดจะดึงแขนบาวน่าตายนี้ออก เพราะหากถูกเขารัดเช่นนี้ต่อไป เธอต้องตายแน่…

อาจเพราะรู้สึกถึงความอึดอัดของเล่อเหยาเหยา พญายมจึงคลายแรงบนแขนลง แต่กลับไม่ได้ปล่อยแขนจากเล่อเหยาเหยา

ส่วนเล่อเหยาเหยาคิดดิ้นบิดตัวไปมาไม่หยุด จนเท้าพันกันเข้า ไม่ระวังจนมีเสียง ‘อ้า’ดังขึ้นล้มลงไปบนตัวของพญายม

โชคดีที่ทั้งสองคนล้มลงบนขนาดใหญ่ที่หนานุ่ม

เตียงนี้ทั้งใหญ่และนุ่มเสียจริง นุ่มกว่าเตียงสปริงของตนก่อนหน้านี้เสียอีก นอกจากนี้ยังยืดหยุ่น!

ตอนที่ล้มลง นี้คือเรื่องแรกที่เล่อเหยาเหยานึกขึ้นได้

ทว่าหลังเธอบิดตัวไปมาสักพัก ทั่วร่างกลับอดแข็งทื่อไม่ได้

เพราะสิ่งที่เธอรู้สึกได้เป็นเรื่องที่สอง นั่นก็คือ…

เธอล้มลงบนตัวของพญายม!

พญายมรูปร่างสูงใหญ่ ส่วนสูงน่าจะมากกว่าร้อยแปดสิบเซนติเมตร

และกล้ามเนื้อสมบูรณ์ แขนขาแข็งแรง เล่อเหยาเหยานอนลง จึงรู้สึกราวนอนลงบนเตียงขนาดใหญ่ที่นุ่มสบาย

แม้พญายมจะเป็นเตียงขนาดใหญ่ที่น่านอนทับลงไป ยามปกติเป็นเรื่องที่ไม่กล้าคิด แต่นอนทับอยู่บนตัวเขา ความจริงต้องรองรับความกดดันที่มากเช่นกัน

ดังเช่น หากพญายมพลันได้สติขึ้นมาจะทำเช่นไร? เมื่อเห็นเธอปรากฏตัวในห้อง ทั้งยังทับอยู่บนตัวเขาจะเกิดสิ่งใดขึ้น?

เมื่อถึงตอนนั้น เธอต้องขบคิดสักเล็กน้อยว่า ศีรษะเธอถึงเวลาต้องย้ายบ้านแล้วหรือไม่

ดังนั้นหลังได้สติ เล่อเหยาเหยาคิดดิ้นรนออกจากตัวพญายม ต้องรีบออกไปตอนเขายังไม่ได้สติ

เมื่อครู่เธอเห็นผีเข้าจริงเสียแล้ว เพราเหตุใดถึงอยากเข้ามาดู!

อือ น่าเสียดายคือตอนนี้จะเสียใจสายเกินไปแล้ว เธอเวลานี้ทำได้เพียงหนี รีบหนีไปจากที่นี่!

ทว่าแม้พญายมจะยังหลับสนิท แต่กลับไม่มีความคิดที่จะปล่อยเธอเลย อีกทั้งแขนที่โอบเอวเล็กของเธอ ยังแข็งแรงทรงพลังดุจคีมเหล็ก ทำให้เธอดิ้นจนหมดเรี่ยวแรง

เธอไม่กล้าใช้แรงต่อต้านมากเกินไป กลัวไม่ระวังเคราะห์ร้ายทำให้พญายมตกใจตื่น

ทว่าตอนนี้พญายมหลับอยู่จริงหรือ? ปกติเขาดูระวังตัวมาก แต่เพราะเหตุใดคืนนี้ กลับเปลี่ยนไปอย่างน่าแปลกใจเช่นนี้!? แตกต่างกันราวเป็นคนละคน

แขนที่โอบเอวเล็กเธอไว้นั้น แม้จะหนักแน่น แต่แรงกำลังนั้นราวกับคนจมน้ำที่คว้าขอนไม้ไว้ นอกจากนี้ร่างกายเขาสั่นเทิ้มเล็กน้อย แม้เธอจะนอนอยู่บนตัวเขายังคงรู้สึกได้ เขาสั่นเทิ้ม เขา…กำลังหวาดกลัวสิ่งใดอยู่!?

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาเกิดข้อสงสัยขึ้น

จากนั้นพญายมพลันพลิกตัว เล่อเหยาเหยาจึงเอียงตัวตามการเคลื่อนไหวของเขาเช่นกัน

เดิมทีคิดว่าหลังพญายมพลิกตัวก็จะคลายมืออก จากนั้นเธอใช้โอกาสนั้นหนีไปจากเขา

คิดไม่ถึง พญายมเพียงเอียงตัว ขายาวพลันกดทับลงมา กักตัวเธอไว้แน่นในอ้อมกอด

การกระทำนั้น ท่าทางนั้น รู้สึกว่าเขาจะคิดว่าเธอเป็นหมอนข้างที่กอดยามเข้านอน!?

สำหรับเรื่องนี้ เล่อเหยาเหยาอยากร้องไห้ออกมา แต่ไร้น้ำตา

อันที่จรองขาใหญ่ของบางคนกดทับแน่นอยู่บนบั้นท้ายเธอ และไม่หนักธรรมดาอีกด้วย เธอกลัวจริงๆ หากถูกเขากดทับเช่นนี้ต่อไป พรุ่งนี้ก้นเล็กๆ อันน่ารักของเธอจะเปลี่ยนรูปร่างหรือไม่!?

พอนึกถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยายิ้มมุมปาก นี้หลอกลวงกันชัดๆ! แม้จะเป็นพญายมก็ทำเช่นนี้ไม่ได้!ดังนั้นเธอต้องผลักเขาออกไป!

ทว่าขณะเล่อเหยาเหยากำลังคิดในใจ ด้านนอกพลันมีเสียงฟ้าผ่า‘เปรี้ยง’ดังขึ้น ทำให้ห้องที่มืดมิดสว่างขึ้นราวตอนกลางวัน ก่อนพลันมืดมิดลงอย่างรวดเร็วอีกครั้ง

ขณะนั้นเอง แขนที่โอบเอวเล็กของเธอนั้นพลันรัดแน่นขึ้น ตามมาด้วยเสียงร้องไห้อย่างหวาดกลัวของพญายม

 “อย่าให้ลูกออกไป ท่านแม่ ไม่เอา ด้านนอกฟ้าร้อง อวี๋เอ่อร์กลัว ฮือๆ ท่านแม่”

 “เอ้อ!?”

เมื่อได้ยิน เล่อเหยาเหยาชะงักงันอยู่ตรงนั้น

เพราะพญายมไร้ที่พึ่ง คล้ายเด็กน้อยที่หวาดกลัวถูกทอดทิ้ง ทำให้คนที่ได้ยินโศกเศร้า

เงยหน้าขึ้นไปเล็กน้อย แม้เวลานี้ไม่มีแสงตะเกียง แต่ในค่ำคืนอันมืดมิด ท่ามกลางแสงฟ้าแลบเป็นประกายจากด้านนอก เล่อเหยาเหยายังเห็นสีหน้าของพญายมในตอนนี้ได้อย่างชัดเจน

บนใบหน้าหล่อเหลางามสง่านั้น เวลานี้คิ้วงดงามขมวดเข้าหากันแน่น ดวงตาที่แคบยาวงดงามทว่าเย็นชา เวลานี้ก็ปิดแน่นเช่นกัน ขนตาที่ยาวและงอนนั้น ดูราวกับปีกผีเสื้อคู่หนึ่ง ช่างงดงามยิ่งนัก

แต่ด้านบนขนตาที่งดงามนี้ เวลานี้กลับเต็มไปด้วยน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด

น้ำตาที่แวววาวโปร่งใสนั้น ไหลกลิ้งลงมาจากดวงตาที่ปิดแน่นของเขาไม่หยุด จนอาบไปทั่วแก้ม

ยังมีริมฝีปากกระจับเป็นเส้นตรงงดงามทว่ากลับบางเฉียบ เวลานี้พรั่งพรูคำพูดที่ทำให้คนเศร้าโศกออกมาไม่หยุด

เป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยารู้สึกว่า เดิมทีชายหนุ่มร้องไห้ก็งดงามอย่างยิ่งเช่นกัน

ดุจน้ำค้างบนกิ่งไม้ในฤดูใบไม้ร่วง หยาดน้ำฝนบนดอกหลี 1 งดงามอ่อนหวานจนหาที่เปรียบไม่ได้

เป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยารู้ว่า พญายมที่เดิมทีมักดูเย็นชาไร้ความรู้สึกก่อนหน้านี้ จะร้องไห้อย่างไร้ที่พึ่งเสียใจ คล้ายกับเด็กที่ถูกคนทอดทิ้งเช่นนี้ ทำให้คนที่เห็น รู้สึกสงสารจากใจขึ้นมา

เป็นครั้งแรกที่เล่อเหยาเหยารู้ว่า เดิมทีความจริงชายผู้นี้ก็ร้องไห้ได้เช่นคนปกติทั่วไป เขาก็มีความรู้สึก ความหวาดกลัว และไร้ที่พึ่งเช่นกัน

แต่ยามปกติ เขากลับใช้สีหน้าเย็นชาโหดร้ายอำพรางตนเองเอาไว้

อีกอย่างการที่เขาโอบกอดเธอไว้แน่น ทำให้เธออดนึกถึงใจความบนหนังสือจิตวิทยาเล่มหนึ่งที่เคยอ่านก่อนหน้านี้ไม่ได้ ที่กล่าวว่าคนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย ขณะที่นอนหลับ มักจะชอบโอบกอดสิ่งของนอน

คล้ายกับคนที่กำลังจะจมน้ำ ที่ต้องเกาะขอนไม้เพื่อเอาชีวิตรอด

นอกจากนี้ นี้เป็นครั้งแรกที่ได้รู้ว่า พญายมก็เป็นมนุษย์ แม้เขาจะมีสถานะที่สูงศักดิ์ มีตำแหน่ง มีอำนาจ แต่เขากลับขาดความรู้สึกปลอดภัย

ยิ่งคิด เล่อเหยาเหยาไม่รู้ตัวเลยว่าสายตาที่ตนมองพญายมนั้น อ่อนโยนและสงสารมากเพียงใด

และทำให้เธอรู้สึกว่าความจริงชายหนุ่มตรงหน้า ไม่ได้น่าหวาดกลัวดังในข่าวลือเลย

เพราะเวลานี้เขา ในสายตาของตน คล้ายเด็กน้อยที่ไร้ที่พึ่งถูกคนทอดทิ้งคนหนึ่งเท่านั้น ทำให้เธอสงสารเห็นใจอย่างยิ่ง

………………………………………………………………………..

[1] จักจั่นกินน้ำค้างบนกิ่งไม้ในฤดูใบไม้ร่วง เปรียบเปรยถึงความงดงามอ่อนช้อยของผู้หญิง

หยาดน้ำฝนบนดอกหลี เป็นการเปรียบเปรยถึงใบหน้าเปื้อนน้ำตาของหญิงงาม