บทที่ 167 เห็นว่าพวกเราตระกูลเจียงรังแกง่ายนักเหรอ / บทที่ 168 ต้องมีสักคนสองคนที่ยังโง่อยู่ โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 167 เห็นว่าพวกเราตระกูลเจียงรังแกง่ายนักเหรอ
เยี่ยหวันหวั่นยืนอยู่ถัดออกไปสองสามก้าว มองดูเฉินเมิ่งฉีนั่งทรุดตัวอยู่ตรงนั้นอยู่อย่างเงียบๆ
ผ่านไปพักหนึ่ง เธอขยับออกไปทีละก้าว ด้วยใบหน้าเจ็บปวดใจ เอ่ยพูดช้าๆ “เมิ่งฉี…ทำไมถึงเป็นแบบนี้…ทำไมเธอถึงทำเรื่องแบบนี้…
แล้วพี่ชายของฉันล่ะ? เป็นเพราะพี่ไม่มีประโยชน์แล้ว เลยถูกเธอเตะทิ้งใช่ไหม?
หรือว่า…สำหรับเธอแล้วตอนนี้พี่ชายก็เป็นตัวสำรองด้วยเหมือนกัน เพราะเขายังมีประโยชน์อยู่ใช่ไหม?”
ได้ยินแบบนี้ เฉินเมิ่งฉีได้สติตื่นขึ้นมาทันที
ไม่คิดเลยว่าเยี่ยหวันหวั่นจะพูดแทงใจเธอได้อย่างแม่นยำจริงๆ รีบเอ่ยแก้ตัวอย่างร้อนรน “ฉันเปล่า! หวันหวั่นเชื่อฉันนะ! ทั้งหมดเป็นเรื่องเข้าใจผิด! ฉันจะทำแบบนี้กับพี่มู่ฝานได้ไง! ฉันช่วยเขาจากใจจริง!”
ได้เห็นเฉินเมิ่งฉีที่ยังคงเสแสร้งแม้จะมีหลักฐานมัดตัว ทุกคนต่างมองเธอด้วยสีหน้าดูหมิ่นเหยียดหยามชัดเจนยิ่งขึ้น
ถึงขนาดนี้แล้ว ก็มีแต่เยี่ยหวันหวั่นยัยตัวประหลาดคนนี้ที่ยังเชื่อคำพูดไพเราะแต่ไม่จริงใจของเฉินเมิ่งฉี
ที่แท้นี่ก็คือลูกไม้ประจำของเฉินเมิ่งฉี เห็นใครมีอำนาจก็จะไปคบกับคนนั้น แต่พอเห็นสถานการณ์แย่ลงก็รีบหาตัวสำรองอื่นทันที
ห่างไปไม่ไกล เจียงเยียนหรานมองเห็นเยี่ยหวันหวั่นจัดการฉินเมิ่งฉีมาถึงขั้นนี้แล้ว แต่เฉินเมิ่งฉีกลับยังไม่รู้ตัว แล้วยังรีบอธิบายให้เขาฟังด้วยความร้อนใจ เธอพลันรู้สึกหมดคำจะพูด
เวลานี้ ซ่งจื่อหางทิ้งเฉินเมิ่งฉีแล้ว ร้องไห้น้ำมูกน้ำตาไหลวิ่งมาอยู่ตรงหน้าของเจียงเยียนหราน “เยียนหราน…ขอร้องเธอได้โปรดให้อภัยฉัน…ฉันไม่รู้…ฉันไม่รู้ว่าจะเป็นแบบนี้…ฉันโดนผู้หญิงคนนั้นหลอก…ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าเขาจะมีแผนการแบบนี้…ฉันโดนผู้หญิงไร้ยางอายอย่างเขาหลอกล่อมาตั้งแต่ต้น…เธอได้โปรดอภัยให้ฉันสักครั้งเถอะ…”
เวลานี้คุณแม่ซ่งโมโหซ่งจื่อหางแทบคลั่งแล้ว โดนผู้หญิงตัวเล็กๆ คนหนึ่งปั่นหัวเล่น ตระกูลซ่งโดนเขาทำขายหน้าแทบไม่เหลืออะไรแล้ว
“เยียนหรานเอ๋ย หนูก็เห็นแล้วว่าเป็นเพราะผู้หญิงไร้ยางอายคนนี้หลอกล่อจื่อหาง ถือว่าเห็นแก่ป้า ให้อภัยเขาสักครั้งเถอะนะ ผู้ชายคนไหนบ้างที่ไม่เคยทำผิด! หลานก็เห็นว่าป้าตีป้าด่าเขาให้แล้ว ต่อไปเขาไม่กล้าทำอีกเด็ดขาด จะต้องใช้ชีวิตกับหนูอย่างซื่อสัตย์แน่นอน! หนูกลับไปอธิบายให้พ่อหนูฟังสักหน่อยเถอะนะ เรื่องบริษัทจะช้าไม่ได้แล้วจริงๆ!”
น้ำเสียงประนีประนอมของคุณแม่ซ่ง ทำให้เจียงเยียนหรานขมวดคิ้ว เม้มริมฝีปาก พลางเอ่ย “คุณป้าซ่ง ขอโทษด้วยค่ะ เรื่องบริษัทไม่ใช่เรื่องที่หนูจะตัดสินใจได้ ส่วนเรื่องการหมั้นหมาย ความจริงก็เป็นอย่างที่ซ่งจื่อหางพูด เป็นเพียงการล้อเล่นของพวกผู้ใหญ่ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเป็นเพราะหนูที่มองไม่ชัดเจนเอง”
เห็นท่าทีแน่วแน่ของเจียงเยียนหราน คุณแม่ซ่งหน้าเครียดขึ้นมา “เยียนหราน เธอจะตัดเยื่อใยกันแบบนี้จริงเหรอ? ฉันกับจื่อหางมาขอโทษเธอขนาดนี้แล้ว เธอยังรั้นไม่ยอมปล่อยวาง! เพียงเพราะเรื่องเล็กน้อย ถึงขนาดต้องทำลายมิตรภาพหลายปีระหว่างสองตระกูลเลยใช่ไหม?”
วินาทีที่คำพูดของคุณแม่ซ่งจบลง พลันมีเสียงเกรี้ยวโกรธดังขึ้นจากฝั่งตรงข้าม “เยียนหราน หน้าลูกเป็นอะไรไป?”
เห็นเพียงเจียงไห่เฉาปรี่เข้ามาอย่างกระวนกระวายใจ ด้านหลังตามมาด้วยซ่งเสี้ยวเวยบิดาของซ่งจื่อหาง
เจียงเยียนหรานเห็นผู้เป็นพ่อ ก็ตกใจอยู่บ้าง จิตใต้สำนึกสั่งให้ยกมือขึ้นมาปิดบังใบหน้าที่บวมแดงของตัวเอง “พ่อมาได้อย่างไรคะ? หนูไม่เป็นอะไร…”
เจียงไห่เฉาได้เห็นลูกสาวที่ตนทะนุถนอมประคองไว้ในอุ้งมือตั้งแต่เล็กจนโต แม้แต่จะสัมผัสก็ยังไม่กล้าสัมผัส แต่กลับมาโดนคนอื่นตบหน้า ตะวาดด้วยความโมโหสุดขีด “ใครตบลูก! เฉียนหรูหลานใช่ไหม! เขากล้าตบลูกอย่างนั้นเหรอ!”
คุณแม่ซ่งไม่คิดว่าเจียงไห่เฉาจะมา รีบอธิบายอย่างตื่นตระหนก “พี่เจียง ทำไมพี่ถึงมาด้วยตัวเองได้ นี่เป็นเรื่องเข้าใจผิด ฉันไม่ได้ตั้งใจ ความจริงแล้วทั้งหมดเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อยเท่านั้น ความจริงไม่จำเป็นต้องระดมคนจำนวนมากขนาดนี้…”
เจียงไห่เฉากอดลูกสาวเอาไว้ในอ้อมอก เวลานี้ความโกรธพุ่งถึงขีดสุดแล้ว “อ้อ เรื่องเล็กน้อย? ลูกสาวฉันโดนลูกชายเธอรังแกจนจะฆ่าตัวตาย นี่เรียกว่าเรื่องเล็กน้อยเหรอ! คืนนั้นหลังจากฉันกับภรรยาได้รับโทรศัพท์ก็รีบมาที่โรงเรียนด้วยความกลัวจนลนลาน หากไม่ใช่เพราะมีคนช่วยชีวิตเยียนหรานไว้ ตอนนี้พวกเราคงจะได้เห็นศพของเยียนหรานแทน นี่ยังเรียกว่าเรื่องเล็กน้อย? ที่แท้แล้วสำหรับพวกเธอ ชีวิตของเยียนหรานเป็นเพียงเรื่องเล็กน้อย! เฉียนหรูหลาน ซ่งเสี้ยวเวย พวกนายเห็นว่าพวกเราตระกูลเจียงรังแกได้ง่ายนักหรือไง!”
………………………………..
บทที่ 168 ต้องมีสักคนสองคนที่ยังโง่อยู่
“พี่เจียง ฉันไม่ได้หมายความแบบนี้ พี่บอกว่าเยียนหรานจะฆ่าตัวตาย…นี่…ฉันไม่เคยรู้เรื่องนี้เลย…” คุณแม่ซ่งตกใจ
ซ่งเสี้ยวเวยได้ยินแบบนี้สีหน้าพลันเปลี่ยนไปโดยสิ้นเชิง ใบหน้าเครียดคล้ำมองจ้องลูกชายและภรรยา ทั้งแม่ทั้งลูกทำงานไม่สำเร็จ แต่กลับมาทำให้เสียการอีก!
วันนี้กว่าเขาจะได้พบหน้าเจียงไห่เฉาไม่ง่ายเลย เดิมทีอยากไปสอบถามความผิด ได้รู้ว่าสาเหตุก็คือลูกชายของตนเองทรยศเยียนหรานก่อน ทำเอาเขาเสียหน้าต่อหน้าเจียงไห่เฉาไม่เหลือชิ้นดี
เขาอุตส่าห์เค้นสมองสรรหาถ้อยคำ กว่าจะพูดโน้มน้าวให้เจียงไห่เฉาเห็นแก่มิตรภาพของสองตระกูล อย่าได้ตัดขาดความสัมพันธ์กันขนาดนี้เลย พูดให้พวกเขาร่วมมือในโครงการนั้นด้วยกัน ใครจะรู้ จู่ๆ เจียงไห่เฉารับโทรศัพท์สายหนึ่ง บอกว่าภรรยาของเขามาก่อเรื่องที่โรงเรียน!
ซ่งเสี้ยวเวยถลึงตาเขม็งใส่ภรรยาและลูกชาย ทำได้เพียงแข็งใจพูด “พี่เจียง! ต้องขอโทษจริงๆ เรื่องนี้ผมกับหรูหลานไม่รู้เรื่องจริงๆ นะ หากพวกเรารู้ ไม่ปล่อยไอ้ลูกเวรคนนี้ไว้แน่!”
เจียงไห่เฉาแค่นเสียงหัวเราะเย็นชา “ไม่รู้เรื่อง! พวกนายไม่รู้เรื่องราวแน่อยู่แล้ว! แม้แต่ฉันก็เพิ่งจะได้รู้เมื่อไม่นานมานี้ ว่าปกติลูกสาวของฉันเป็นเหมือนคนใช้ที่คอยหาน้ำ ซักผ้า เตรียมอาหารเช้าให้ลูกชายของนาย เพิ่งจะได้รู้ว่าลูกชายของนายนอกใจต่อหน้าเยียนหราน ทำให้เธออึดอัดทุกข์ใจ ฉีกหน้าเธอเพื่อช่วยเหลือผู้หญิงคนอื่น เพิ่งจะรู้ว่าเยียนหรานได้รับความอยุติธรรมมากมายขนาดนี้! ฉันจะบอกพวกนายให้นะ ซ่งเสี้ยวเวย เฉียนหรูหลาน เรื่องนี้ไม่จบแน่! พวกนายรอเวลาล้มละลายได้เลย!”
เจียงไห่เฉาพูดจบก็ไม่สนใจคำอธิบายของคนตระกูลซ่ง โอบลูกสาวเดินจากไปไม่แม้แต่จะหันกลับมา
ผู้คนที่มุงดูอยู่เมื่อได้รู้ต้นสายปลายเหตุของเรื่องราวจากปากของเจียงไห่เฉาแล้ว ต่างส่งสายตาดูถูกเหยียดหยามวิพากษ์วิจารณ์คนทั้งสาม
เนรคุณเกินไปหน่อยมั้ง ทำไมถึงเป็นครอบครัวที่ไร้ยางอายขนาดนี้?
……
ณ ประตูโรงเรียน
เจียงเยียนหรานพูดเอาใจอยู่นานสองนาน ในที่สุดก็บรรเทาความโกรธเกรี้ยวของผู้เป็นพ่อลงได้ ก่อนจะส่งเขากลับไป
“หวันหวั่น เธอเป็นคนโทรบอกพ่อฉันเหรอ?” เจียงเยียนหรานถาม
เยี่ยหวันหวั่นพยักหน้า “กันไว้ดีกว่าแก้ หาแรงหนุนไว้ปลอดภัยกว่า”
“ขอบคุณนะ” เจียงเยียนหรานเอ่ยขอบคุณด้วยความซาบซึ้ง
เธอคิดทุกอย่างไว้รอบคอบจริงๆ
“อย่ามัวแต่พูดขอบคุณเลย ฉันก็ทำเพื่อตัวเอง” เยี่ยหวันหวั่นพูดไปอย่างไม่สนใจ
เจียงเยียนหรานเอ่ย “ครั้งนี้ต่อให้เฉินเมิ่งฉีจะพูดจาคมคายแค่ไหน คงไม่มีใครเชื่อเขาแล้ว”
เยี่ยหวันหวั่นได้ยิน นวดหัวคิ้วที่ปวดตุบๆ “ยังไงซะก็ยังต้องมีสักคนสองคนที่โง่ไปเชื่อคำพูดของเธออยู่”
“เอ๋ เธอหมายถึง…รุ่นพี่เยี่ยเหรอ?” เจียงเยียนหรานเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
เยี่ยหวันหวั่นไม่ตอบว่าถูกหรือผิด
เพราะอย่างไรแล้วคนที่มีความรักมักจะมีไอคิวติดลบ เรื่องนี้ตัวเธอเองมีประสบการณ์อย่างลึกซึ้ง
ชาติก่อนพี่ชายของเธอได้เห็นกับตาว่าเฉินเมิ่งฉีมีกิ๊กกับผู้ชายคนอื่นแต่ก็ยังคงรักเธอไม่เปลี่ยนแปลง ทั้งยังคิดว่าเป็นเพราะตัวเองไม่มีประโยชน์ ปกป้องผู้หญิงที่รักได้ไม่ดี
เธอจินตนาการภาพออกว่าการล้างสมองผู้ชายคนนั้นมันยากแค่ไหน
“อย่างไรแล้วเธอก็เป็นพี่น้องแท้ๆ กับรุ่นพี่เยี่ย ลองพูดกับเขาดีๆ เขาจะต้องอยู่ฝ่ายเธอแน่นอน” เจียงเยียนหรานปลอบใจ
เยี่ยหวันหวั่นสูดลมหายใจลึกเข้าปอด แล้วชำเลืองมองเวลาที่หน้าจอมือถือ “ไม่เป็นไร ในเมื่อฉันเปิดโปงเฉินเมิ่งฉีได้ครั้งหนึ่ง ย่อมต้องเปิดโปงเขาครั้งที่สองได้ ไม่ต้องเป็นห่วงฉันหรอก ตัวเธอต่างหาก รีบกลับไปนอนพักผ่อน หรือหาสถานที่พักผ่อนใจหน่อยเถอะ”
“อืม เธอมีธุระต่อเหรอ?” เจียงเยียนหรานเอ่ยถามเมื่อเห็นสภาพ
“วันนี้วันเสาร์ ฉันต้องไปกินข้าวที่บ้านคุณย่าของแฟน หากเธอมีเรื่องอะไรโทรหาฉันได้เลยนะ”
“ตกลง”
หลังจากแยกกับเจียงเยียนหรานแล้ว เยี่ยหวันหวั่นกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าลบเครื่องสำอาง จากนั้นก็ออกไปทางประตูหลัง
รถคันสีดำอันคุ้นเคยจอดรอเธออยู่ตรงที่ประจำแล้ว
……………………………….