ตอนที่ 37 งานประชุมครั้งแรกที่ซีชาน
ศักราชเซวียนลี่ที่8 เดือนเจ็ด วันที่ห้า อากาศแจ่มใส
ลานภายในเรือนซีชานมีคนนั่งอยู่ 30 คน
หนึ่งในนั้นมีอี้หยู่พ่อบ้านที่ดูแลเรื่องต่าง ๆ ของจวนฟู่ที่มาจากหลินเจียง และจางเช่อพ่อบ้านของเรือนซีชานอีกด้วย หลังจากนั้นก็มีอาจารย์หลิวผู้รับผิดชอบการกลั่นสุรา เฟิ๋งหล่าวซื่อผู้รับผิดชอบขุดหินปูนเทา รวมไปถึงหวางเอ้อและหวางเฉียงผู้รับผิดชอบการค้นหาป้ายจึ และคนอื่น ๆ อีกหลายสิบคน
เวทีเรียบง่ายถูกสร้างขึ้นใต้เงาของต้นไม้ใหญ่ภายในจวน ฟู่เสี่ยวกวนในยามนี้ยืนอยู่บนเวที สองข้างของเขาถูกขนาบด้วยอี้หยู่และจางเช่อที่นั่งอยู่ เบื้องหน้าของทั้งสองนั้นมีโต๊ะหนังสือตัวเล็กคนละตัว บนโต๊ะมีพู่กัน แท่นหมึก กระดาษและหินสำหรับฝนหมึก
บรรยากาศหนักอึ้งเล็กน้อย เพราะผู้ที่นั่งอยู่เบื้องล่างนั้นต่างก็เป็นนายช่างและเกษตรกร พวกเขามิเคยเจอสถานการณ์เยี่ยงนี้มาก่อน มิรู้ว่าที่คุณชายออกมาประกาศเยี่ยงนี้ต้องการจะทำสิ่งใดกันแน่
ฟู่เสี่ยวกวนที่อยู่บนเวทีก้าวออกมาด้านหน้าสองก้าว และกล่าวว่า “ในวันนี้ที่ข้าเชิญทุกท่านมา ก็เพราะครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งแรกที่มีความสำคัญของเรือนซีชานของพวกเรา ทุกท่านต้องตั้งใจฟังอย่างจริงจัง พ่อบ้านอี้และพ่อบ้านจางต้องจดบันทึกจุดสำคัญที่ข้าได้กล่าวเอาไว้ทั้งหมด เพื่อที่จะได้ส่งให้กับทุกคนในภายหลัง หากพวกเขามิรู้จักตัวอักษร พวกเขาทั้งสองจะรับผิดชอบอธิบายให้พวกเจ้าฟัง จวบจนกระทั่งพวกเจ้านั้นจะเข้าใจอย่างชัดเจน”
ประชุมอย่างนั้นหรือ ?
เหมือนกับการเกณฑ์ทหารของทางราชสำนักหรือไม่?
มิต้องกล่าวถึงบุคคลที่อยู่เบื้องล่าง แม้แต่อี้หยู่และจางเช่อ ก็มิเคยมีประสบการณ์เยี่ยงนี้เช่นกัน ดังนั้นทุกคนจึงรู้สึกถึงความสดใหม่เป็นอย่างมาก ทั้งยังกดดันอย่างยิ่ง เพราะท่าทางยามเอ่ยกล่าวของคุณชายฟู่นั้นดูเคร่งเครียดอย่างยิ่ง จึงพาลทำให้บรรยากาศดูเคร่งเครียดตามไปด้วย
เบื้องล่างเวทีสงบนิ่งอย่างยิ่ง ทุกคนต่างตั้งใจฟังกันอย่างจริงจัง
ซูม่อยืนอยู่ที่ชั้นสองภายในจวน เขาเองก็ตั้งใจฟังเช่นกัน มิรู้ว่าฟู่เสี่ยวกวนจะออกลูกไม้เยี่ยงใดมาอีก
“พื้นที่ขนาดใหญ่ด้านนอกเรือนนั้น ทุกคนต่างก็เห็นกันถ้วนหน้า ในตอนนี้พื้นที่ตรงนั้นเป็นพื้นที่ราบเรียบ มิมีสิ่งใดอยู่ด้านบนนั้น แต่ต่อจากนี้ พวกเจ้าจะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงของพื้นที่ส่วนนั้นที่จะพลิกฟ้าคว่ำดินอย่างแน่แท้”
“ข้าจะสร้างอาคารค้นคว้าหนึ่งหลัง ณ ที่ตรงนั้น และจะมีผู้เชี่ยวชาญรวมไปถึงผู้มีพรสวรรค์อีกมากมายมาค้นคว้าสิ่งที่ล้ำยุคที่สุด ณ ที่นั้น ข้ายังจะสร้างโรงงานขนาดใหญ่อีกหลายหลัง ณ ที่แห่งนั้น สิ่งที่สวยงามจะถูกผลิตขึ้นภายใต้อาคารเหล่านั้น”
“ข้าต้องการแจ้งกับทุกท่านหนึ่งเรื่อง จวนฟู่ได้ถูกรับเลือกให้เป็นพ่อค้าหลวง สิ่งของที่พวกเราตระกูลฟู่ผลิตออกมาทั้งหมด จะต้องส่งมอบให้องค์จักรพรรดิและขุนนางระดับสูง ในยามนี้ ข้าขอยกย่องอาจารย์หลิวผู้กลั่นสุรา การสั่งซื้อยอดสุราซีซานจากทางวังหลวงมาถึงแล้ว พวกเจ้านั้นมีส่วนร่วมทำให้ข้าประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก ประเดี๋ยวข้าจะมอบเงิน 300 อีแปะให้กับคนงานในร้านสุราทุกท่าน อาจารย์หลิว 3,000 อีแปะ อาจารย์ท่านอื่นได้คนละ 1,500 อีแปะ”
ตูม…
ทันใดนั้นฝูงชนก็ระเบิดในทันที
มิมีผู้ใดเข้าใจสิ่งที่ฟู่เสี่ยวกวนพูด แต่เรื่องของเงินนั้นพวกเขาเข้าใจดีเป็นอย่างยิ่ง
ทุกคนต่างหันมองอาจารย์หลิว อาจารย์หลิวเองก็มิได้ล่วงรู้มาก่อน ในยามนี้เขาจึงดูตกตะลึงเป็นอย่างมาก คุณชายจะให้รางวัลแก่ข้าอย่างนั้นหรือ?
แต่สุรานี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการคิดค้นของคุณชาย?
นั่นเป็นไปไม่ได้!
อาจารย์หลิวลุกขึ้นยืน กลุ่มคนเงียบสงบทันพลัน ฟู่เสี่ยวกวนมองเขาด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
“ข้าน้อยมีความละอายแก่ใจ สุรานี้คุณชายเป็นผู้คิดค้น ข้าน้อยมิกล้าแย่งชิงคุณงามความดีนี้หรอกขอรับ”
“ไม่ ! สุรานี้มีข้าเป็นผู้เสนอนั้นมิผิด แต่ผู้ดำเนินงานนั้นคือเจ้า แต่วิธีการปรับปรุงอีกมากมายในภายหลังนั้นก็เป็นความคิดของพวกเจ้า คุณงามความดีนี้ ข้ามิอาจมองข้ามได้ แน่นอนว่าย่อมได้รับรางวัล แต่ข้าก็ขอทิ้งคำพูดไว้ตรงนี้ด้วยว่า หากทำผิดก็จะได้รับโทษ หากมีผู้ใดกล้าเผยความลับซีชานของข้าออกไป…”
รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนได้หายไป ทันใดนั้นจิตสังหารก็ระเบิดออก แม้แต่ซูม่อก็ขมวดคิ้วในทันพลัน
คนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างตกตะลึง อากาศในเดือนเจ็ด แต่กลับรู้สึกหนาวสั่นขึ้นมาอย่างฉับพลัน
“ข้าจะสังหารคนที่ได้แพร่งพรายความลับออกไป!”
จิตสังหารถูกเก็บไป รอยยิ้มบนใบหน้าของฟู่เสี่ยวกวนกลับขึ้นมาอีกครา ราวกับสายลมในฤดูใบไม้ผลิ เพียงเมื่อครู่นั้น ราวกับความฝัน
เขานั้นเคยสังหารคนอย่างแท้จริง ซูม่อตัดสินไว้เยี่ยงนั้น
“เชิญอาจารย์หลิวนั่ง นอกจากนี้ผู้ที่สมควรได้รับรางวัลก็คือเฟิ๋งหล่าวซื่อ เขาช่วยข้าหาหินปูนเทาจนเจอ ในยามนี้ก็ได้กำลังทำการขุดหาอยู่ในถ้ำ เรื่องนี้สำคัญอย่างยิ่ง ดังนั้นข้าจึงจะมอบรางวัลให้แก่เฟิ๋งหล่าวซื่อเป็นเงิน 5,000 อีแปะ พ่อบ้านทั้งสองจงจดเรื่องนี้ลงไปด้วย พอถึงเวลาสลายตัวก็นำเงินมาแจกจ่ายเสีย”
ฝูงชนแตกตื่นอีกครา ทำงานให้กับคุณชาย กลับกลายเป็นเยี่ยงนี้นี่เอง !
5,000 อีแปะ ก็เท่ากับ 5 ตำลึงเงิน
สายตาของทุกคนที่มองไปทางฟู่เสี่ยวกวนแปรเปลี่ยนเป็นความกระตือรือร้น ยามนี้ ฟู่เสี่ยวกวนในสายตาของพวกเขามีประกายของเงินสะท้อนออกมา!
“ต่อมาข้ามีหน้าที่ให้พวกท่านรับผิดชอบอีกหลายประการ ประการแรก ข้าต้องการตามหาดินเหนียวประเภทหนึ่ง สิ่งนี้จะมีสีแดงไม่ก็สีน้ำตาล ส่วนมากจะอยู่ริมแม่น้ำ แน่นอนว่าอาจจะอยู่ที่อื่นด้วยก็เป็นได้”
“ประการที่สอง ข้าต้องการอิฐกระเบื้องเป็นจำนวนมาก ข้าจำได้ว่าอาจารย์ถังที่อยู่ที่นี่เป็นช่างอิฐ เรื่องนี้มอบให้เป็นหน้าที่ของท่าน”
“ประการที่สาม บ้านของพวกเจ้ามีสตรี ให้ปลูกดอกไม้ภายในเรือนของตนเองหรือที่ไหล่เขา ข้าต้องการดอกไม้จำนวนมาก รอจนกระทั่งถึงช่วงที่ดอกไม้บานก็ให้เด็ดแล้วนำมาส่งที่เรือนของข้า ดอกไม้สด 1 ชั่งข้าให้ราคา 100 อีแปะ”
เบื้องล่างแตกตื่นขึ้นอีกครา นี่คุ้มค่ากว่าการปลูกธัญพืชมากโข ไม่ต้องใช้ทุ่งนา เพียงแค่ใช้เวลาว่างและรอสักประเดี๋ยวก็ได้รับเงินแล้ว ทุกคนต่างเต็มใจปลูกกันเป็นแน่
“ประเดี๋ยวผู้ที่เต็มใจจะปลูก ให้ไปรับเมล็ดพันธุ์ที่พ่อบ้านจาง หลังจากที่กลับไปแล้วก็บอกกับชาวบ้านเสียหน่อย ข้าหวังว่าหมู่บ้านเสี้ยชุนของพวกเราจะเต็มไปด้วยดอกไม้”
“ประการที่สี่ ข้าต้องการสร้างกังหันน้ำขนาดใหญ่ อย่างน้อยก็ต้องใหญ่กว่าในตอนนี้ห้าเท่า เรื่องนี้มอบหมายให้โจวเจิ้ง เจ้าเป็นช่างไม้ที่มีฝีมือเป็นอย่างมาก”
“ประการที่ห้า เฟิ๋งหล่าวซื่อ ข้าจะมอบหมายหน้าที่ให้เจ้าอีกหนึ่งอย่าง ข้าต้องการแร่เหล็ก ข้าต้องการให้เจ้าช่วยหาหินแร่เหล็กมาให้ข้าให้มากที่สุด”
“ประการที่หก…”
“…..”
มิมีผู้ใดรู้ว่าความต้องการที่ยาวเหยียดของฟู่เสี่ยวกวนนั้นมีไว้เพื่อการใด
แต่ทุกคนต่างรู้ว่าเพียงทำตามคำพูดของคุณชายฟู่ หากทำจนสำเร็จแล้ว ก็จะได้รับเงิน อีกทั้งยังเป็นเงินก้อนใหญ่เสียด้วย
ดังนั้นทุกคนจึงตามอี้หยู่และจางเช่อออกไปนอกเรือน พวกเขารับผิดชอบหน้าที่อธิบายให้กับพวกกำลังพล นี่ไม่ใช่งานที่ง่ายนัก เกษตรกรขาเปื้อนโคลนเหล่านี้แทบจะไม่เคยศึกษาตำรากันทั้งสิ้น มีหลายสิ่งที่พวกเขาฟังมิเข้าใจ ดังนั้นทั้งสองจึงถูกแบ่งออกเป็นสองส่วน เกือบจะเป็นการเปิดประชุมเพื่ออธิบายครั้งที่สอง
ฟู่เสี่ยวกวนเองก็เศร้าใจเช่นกันที่ไม่ได้เตรียมการที่ดี ในยามนี้เขาจึงพักผ่อนในที่ที่เงียบสงบที่สุด คิดใคร่ครวญกลับไปอย่างรอบคอบ ยังมีจุดที่ตกหล่นอีกมากมาย ค่อยเสริมเอาในภายหลังแล้วกัน
เขาเอนนอนอยู่บนเก้าอี้อาบแดดและดื่มซุปหยางเหมยเย็น ๆ หลังจากนั้นซูม่อก็เดินเข้ามา
“ท่านต้องการทำสิ่งใดกันแน่?”
“ให้พวกเขาได้มีชีวิตที่ดีขึ้นอีกสักเล็กน้อย”
“สร้างสำนักศึกษาก็เพื่อจุดประสงค์นี้เช่นนั้นหรือ?”
“แน่นอน หากมีคนรู้จักอักษรเพิ่มขึ้นมาอีกนิดเดียวก็ยังดี”
นี่เป็นครั้งแรกที่ซูม่อเริ่มพูดคุยกับฟู่เสี่ยวกวนก่อน เขาเอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้งว่า “ที่ท่านหาดินประสิวและกำมะถันกลั่นก็เพื่อให้ชีวิตของพวกเขามีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นเช่นกันอย่างนั้นหรือ”
ฟู่เสี่ยวกวนตกตะลึง ก่อนจะกล่าวยิ้ม ๆ “สิ่งนี้มีประโยชน์อย่างใหญ่หลวง เช่นถ้าต้องการเปิดภูเขา ก็ต้องใช้แรงงานคนมาขุด ซึ่งจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากยิ่งนัก หากมีวัตถุระเบิดเรื่องจะง่ายขึ้นอีกเป็นกอง”
ซูม่อคิ้วขมวด “แล้วแร่เหล็กเล่า? เหมืองเหล็กเป็นสิ่งที่ราชสำนักเป็นผู้ควบคุม ท่านกล้าทำอย่างนั้นรึ?”
ฟู่เสี่ยวกวนยังมิได้ตระหนักถึงปัญหานี้อย่างแท้จริง ความจริงคือเขามิรู้ว่าสิ่งใดมีการควบคุมอยู่ แต่เขาจำเป็นต้องใช้แร่เหล็กจริง ๆ จะทำเยี่ยงไรดี?
“แล้วต้องทำเยี่ยงไรจึงจะขุดได้?”
“ท่านต้องมีเอกสารอนุมัติจากทางราชสำนัก”
ครุ่นคิด แล้วเขาจึงกล่าวกับชุนซิ่ว “ซิ่วเอ๋อร์ ฝนหมึก”
ฟู่เสี่ยวกวนเขียนจดหมายถึงบิดาของเขา ฟู่ต้ากวน หนึ่งฉบับ และส่งมอบเรื่องเอกสารอนุมัติให้แก่ฟู่ต้ากวน
หากฟู่ต้ากวนจัดการมิได้ เขาคงต้องลองไปหาต่งชูหลาน ทางที่ดีที่สุดเรื่องนี้จำต้องจบที่หลินเจียงให้จงได้