บทที่ 14 หนีต่อสิ

ยัยหมอวายร้ายที่รัก

“หม่ามี๊เป็นอะไรครับ?เกิดอะไรขึ้นครับ?”
พอดีกับเวลานี้คิวคิวเข้ามาตามหม่ามี๊ที่ไม่เห็นออกมาสักที เขาจึงได้เห็นคนเป็นแม่โกรธขนาดนี้ ใบหน้าน้อย ๆที่แสนจะหล่อ เท่ห์รีบขมวดคิ้วแน่นเป็นปม
คนเลวรังแกหม่ามี๊อีกแล้วใช่ไหม?คุณแม่ถึงได้โกรธขนาดนี้!
“ไม่เป็นอะไรคะ ไม่เป็นอะไร คิวคิว เอ่อหม่ามี๊อยากหารือกับลูกเรื่องหนึ่ง ลูกกับน้องสาวกลับไปอยู่ที่บ้านคุณย่าเล็กได้ไหม?”
เส้นหมี่ย่อเข่าตรงหน้าลูกชาย พยายามข่มกลั้นอารมณ์ตัวเอง เริ่มหารือเรื่องนี้ด้วยความระมัดระวังทันที
เรื่องบานปลายใหญ่โตถึงขั้นนี้ เธอหนีไม่ได้แล้ว ต่อจากนี้เธอจำเป็นต้องไปพบหน้าไอ้สวะ เพื่อช่วยพิมแสงออกมา
แต่ลูกทั้งสองคนล่ะ?
เธอไม่พาลูกกลับไปแน่ และไม่มีทางปล่อยลูก ๆ ไว้ที่นี่อย่างแน่นอน เพราะถ้าทำแบบนี้มันจะอันตรายมาก ด้วยความโหดร้ายของไอ้สวะ มีความเป็นไปได้สูงที่จะตามหาลูก ๆ เจอ
ดังนั้นเพื่อไม่ให้ลูกๆ ตกอยู่ในมือของคนระยำ มีวิธีเดียวคือ แยกเป็นสองกลุ่ม โดยส่งลูก ๆ กลับประเทศ
ดวงตาคู่เหมือนพระจันทร์เสี้ยวหรี่ขึ้นพลันจ้องหน้าหม่ามี๊“กลับไปอยู่กับคุณย่าเล็ก?หม่ามี๊หมายถึงกลับประเทศใช่ไหมครับ?ได้สิครับ หม่ามี๊จะกลับไปด้วยไหมครับ?”
“อืม หม่ามี๊ก็จะกลับไป แต่หม่ามี๊จะตามไปทีหลังนะคะ หม่ามี๊จะให้คนไปส่งลูกกับน้องสาวกลับไปก่อน ได้ไหม?”
“ได้ครับผม งั้นหม่ามี๊ก็รีบตามกลับไปเร็ว ๆ นะครับ”
คิวคิวเป็นเด็กที่พูดง่าย ได้ยินหม่ามี๊บอกว่าให้เขากับน้องสาวกลับประเทศ เด็กน้อยก็รีบรับปากโดยพลัน
ดังนั้นเส้นหมี่จึงรีบจองตั๋วเครื่องบินให้กับลูกทั้งสองคน แล้วติดต่อเพื่อนที่เชื่อถือได้ให้ส่งกลับไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา ณ ท่าเรือแห่งหนึ่งในถิ่นนั้น
เส้นหมี่ที่กำลังโกรธจนหายใจหอบขับรถด้วยความเร็วระดับที่เรียกว่าเกือบบินมาถึงจุดนี้ จากนั้นก็เห็นพิมแสงถูกมัดแขนมัดขาแล้วอยู่บนดาดฟ้าบนเรือ ซึ่งเวลานี้เพื่อนคนนี้ของเธอกำลังร้องไห้เสียงดังด้วยความหวาดกลัว
ไอ้สัตว์เดรัจฉาน!!
เส้นหมี่โกรธจนแทบเป็นบ้า เธอลงจากรถแล้วพุ่งไปยังเรือลำนั้น
“แสนรัก!ไอ้เลว คุณรีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้นะ คุณเป็นบ้าหรือเปล่า?คนที่คุณตามหาคือฉัน แต่คุณดันมัดตัวเธอไว้?คุณรีบปล่อยเธอเดี๋ยวนี้”
เส้นหมี่โกรธจนกระทั่งรู้สึกปวดศีรษะ ถ้ามีมีดอยู่ในมือ คาดว่าเธอจะสับไอ้สัตว์เดรัจฉานตรงหน้าทิ้งแน่!
หลังจากที่ตะโกนไปหลายประโยค ชายระยำก็ปรากฏตัวขึ้นในท้ายที่สุด
อากาศที่หนาวเหน็บปานนี้ เสียงลมหนาวเปรียบดั่งคมมีดพัดผ่านจนเกิดเสียง “หวีด ๆ” เสียงร่ำไห้จะเป็นจะตายของผู้หญิงที่ถูกแขวนไว้บนดาดฟ้าของเรือลอยมาให้ได้ยินไม่หยุด แต่ไอ้คนสติฟั่นเฟือนกลับเดินถือแก้วไวน์แดง
เขาใส่ชุดสูทสีเข้ม เสื้อเชิ้ตด้านด้านในรีดได้เรียบมาก ยิ่งขับเน้นความสูงศักดิ์และความสง่างามในตัวให้เด่นชัดยิ่งขึ้น เมื่อมาถึงดาดฟ้าบนเรือก็สั่งให้ลูกน้องยกเก้าอี้มาให้นั่ง จากนั้นก็นั่งด้วยอิริยาบถขี้เกียจ สายตาเอ้อระเหยลอยชายมองมายังเส้นหมี่
“คุณมาได้เสียทีนะ?”
“……”
เส้นหมี่สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ ระงับเพลิงโทสะอันรุนแรงในใจ
“คุณปล่อยเพื่อนฉัน คุณไม่ใช่ต้องการให้ฉันกลับไปกับคุณหรอกหรือ?ได้ ฉันรับปาก!”
“รับปากเร็วจัง?ไม่เล่นต่อแล้วเหรอ?”
“……”
เส้นหมี่หลับตาพลันกำหมัดแน่น บอกตัวเองว่าอย่าถือสาคนบ้าประเภทนี้ เพราะใครถือสาเท่ากับคนนั้นเป็นคนโง่
หลายนาทีต่อมา พิมแสงถูกปล่อยตัว ส่วนเส้นหมี่ก็ขึ้นไปยังเรือลำนี้
“สวยใสขอโทษ……”
พิมแสงถูกปล่อยตัว เมื่อเห็นเส้นหมี่ก็ยังคงสะอื้นไห้ด้วยความรู้สึกผิดไม่หยุด แม้ตอนนี้เธอยังไม่หายกลัว และข้อมือยังบวมแดงก็ตาม
เส้นหมี่รีบสวมกอดเพื่อนแล้วตบหลังเบา ๆ“ไม่เป็นไร เธอไม่ต้องขอโทษฉันหรอก จริงนะ คนที่สมควรกล่าวคำขอโทษน่าจะเป็นฉัน”
พิมแสง:“……”
ผ่านไปสักพัก ผู้หญิงที่ตัวสั่นเทิ้มมองคนที่ยืนด้านหลังเส้นหมี่ปราดหนึ่ง ก่อนจะเอ่ยถามด้วยเสียงแหบพร่า
“พวกเขา……เป็นใคร?สวยใสเธอไปขัดใจอะไรเขา?พวกเขาจะพาเธอไปไหน?”
ในฐานะที่เป็นเพื่อนรักกันมาหลายปี เธอรู้สึกเป็นห่วงมาก
ทว่าเวลานี้เส้นหมี่จะยอมบอกความจริงกับเธอได้ยังไง?
ความหวังสูงสุดของเธอในตอนนี้คือ ไม่อยากให้จอมมารคนนี้ทำให้เพื่อนของตนพลอยเดือดร้อนไปด้วย
เส้นหมี่ให้คนพาตัวพิมแสงไป จากนั้นเธอก็ยืนอยู่บนดาดฟ้าเรือ พลางจ้องใบหน้าไม่สะทกสะท้านของผู้ชายตรงหน้าด้วยความเย็นเยียบ ผ่านไปสักพักใหญ่ ๆ เธอจึงใจเย็นลง
ทว่าดวงตาคู่นี้ของเธอยังคงคล้ายกับมีหิมะฤดูหนาวปกคลุม มองไม่เห็นความอบอุ่นเลยสักนิด ยิ่งไปกว่านั้นแสนรักยังเห็นความเกลียดแค้นชิงชังอันแรงกล้าด้วย
เธอเกลียดเขาอย่างนั้นหรือ?
ผู้ชายที่ถือแก้วไวน์แดงหรี่ตาอันแดงฉ่ำขึ้น
“คุณไม่ต้องจ้องผมแบบนี้ ผมเคยบอกแล้ว ผมจะพาคุณกลับไปขอขมาในความผิดของตน ถึงคุณจะตาย ผมก็จะนำศพกลับไป!”
“ให้ฉันขอขมา?แสนรัก ฉันสงสัยมากเลย คุณพยายามทุกวิถีทางเพื่อนำตัวฉันกลับไป คุณไม่กลัวฉันจะทำลายความรักอันยิ่งใหญ่ของคุณเหรอ?คุณอย่าลืมสิ พวกคุณต้องผ่านพ้น‘อุปสรรค’กว่าจะได้อยู่ด้วยกันนะ”
เส้นหมี่พูดจาแดกดันเขาทันที!