บทที่ 70 การเอาตัวรอด

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงผู้ซึ่งผ่านสถานการณ์เป็นตายแบบนี้มามากมายหลายครั้ง ทำให้เขานั้นมีประสบการณ์ในการเอาตัวรอดสูงกว่าใคร

-เมื่อใจของเจ้าห้าวหาญ มีดของเจ้าจะพุ่งเข้าหาผู้แข็งแกร่ง-

-เมื่อจิตใจของเจ้าขี้ขลาด ดาบของเจ้าจะพุ่งเข้าหาผู้อ่อนแอ-

คำพูดของอาจารย์ของเขาอยู่ๆก็ได้ดังก้องขึ้นมาในหัว

เฉินเฉียงนั้นยังมีสิ่งที่สุดยอดอย่างสุดยอดระบบย่อยสลายซากศพอยู่

ถึงแม้เขาจะถอยหนีอย่างช้าๆ แต่เขาก็ได้เปิดหน้าต่างแสดงสถานะที่มีเขาเพียงคนเดียวที่เห็นได้ขึ้นมา

และนี่ทำให้เขาได้ตระหนักถึงทักษะที่เขาคิดว่ามันไร้ประโยชน์มาโดยตลอด

ทักษะการขุดรู

ทักษะเพียงหนึ่งเดียวของเขาที่อยู่ในระดับสุดยอด

จากทักษะทั้งหมดแล้ว ทักษะที่เขาเคยคิดว่าไร้ค่ามาโดยตลอด กลับกลายเป็นความหวังเดียวของเขา

ตาของเฉินเฉียงได้ฉายแววออกมาในทันที ด้วยสถานการณ์ที่มีศัตรูรอบด้านแบบนี้ ถึงแม้จะเป็นทักษะที่ดูน่าอายไปหน่อยแต่ก็ไม่มีทางอื่นที่จะถอยหนีได้แล้วอยู่ดี

หลังจากตัดสินใจได้แล้ว เมื่อเขามองดูตำแหน่งของตนเองแล้ว และนี่ทำให้เขาวางแผนการที่จะจัดการทั้งหกคนนี้ในทันที

“โม่เสี่ยวจวงและไอ้ห้าตัวจากแผนกวายุ”

“หากว่าในวันนี้ ข้า เฉินเฉียงรอดไปได้ล่ะก็ หนี้เลือดในครั้งนี้จะต้องได้รับการชำระล้าง”

เมื่อพูดจบ เฉินเฉียงได้หันหลังและโจนทะยานเข้าไปในถ้ำทันที

“ไม่ดีแล้วศิษย์พี่โม่ นี่สมควรจะเป็นรังของไอ้ลิงยักษ์นั่น”

“แกจะกลัวทำบ้าอะไร แกก็เห็นไม่ใช่เหรอว่าไอ้ลิงนั่นโดนกัวเหลียงตัดแขนไปแล้วน่ะ”

“กับอีแค่ลิงยักษ์ใกล้ตายแล้วแกจะกลัวอะไรอีกฮะ”

“แต่ถ้าไอ้คนแล่เนื้อนั่นรอดไปได้ล่ะก็ อย่าว่าแต่ศิษย์น้องจ้าวจะไม่ปล่อยพวกเราไว้เลย แม้แต่สำนักก็ไม่มีที่ให้พวกเราจะอยู่หรอกโว้ย”

“แล้วพวกแกจะรอกันทำซากอะไร ตามไอ้ขยะนั่นไปเร็ว”

หลังจากเสียอาการกันไปครู่หนึ่ง โม่เสี่ยวจวงเป็นคนแรกที่ไล่ตามเฉินเฉียงเข้าไปในถ้ำ

ส่วนเฉินเฉียงนั้น หลังจากที่เขาทะยานเข้าถ้ำไปได้สักสิบกว่าเมตร เขาก็ได้ใช้ทักษะการขุดรูระดับสุดยอดเป็นครั้งแรกในชีวิต

เพียงสองช่วงลมหายใจ เฉินเฉียงขุดรูลงไปได้สักสี่เมตรก็ได้หยุดมือ ในขณะเดียวกัน เขาก็ได้ใช้ทักษะไร้ตัวตนและการตรวจสอบด้วยเสียง

เพียงไม่นาน โม่เสี่ยวจวงและพวกก็ได้ปรากฏตัวอยู่หน้ารูที่เขาขุดไว้

อย่างไรก็ตาม ไม่มีใครเลยที่คิดว่าเฉินเฉียงจะขุดรูจนหลบซ่อนอยู่ใต้ดินได้รวดเร็วแบบนี้ พวกเขาทั้งหกวิ่งเลยผ่านเข้าไปในถ้ำ

หลังจากวิกฤตแห่งชีวิตได้ล่วงเลยผ่านไปจนมั่นใจว่ารอดพ้นจากระยะตรวจจับ เฉินเฉียงก็เริ่มเบาใจขึ้นมา

นี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้ใช้ทักษะขุดรูนี้ แต่เขาก็ไม่นึกว่าจะเป็นการใช้ที่ช่วยชีวิตของเขาได้ในช่วงเวลาสำคัญ

ยิ่งไปกว่านั้นคือ ด้วยระดับขั้นสุดยอดของทักษะ ทำให้เขาในตอนนี้รู้สึกผ่อนคลายมากกว่าจะเหนื่อยล้า นี่เรียกได้ว่าเหนือกว่าที่เขาคิดไว้มากนัก

เขาไม่สูญเสียแม้แต่พลังงานเลยสักหยด ราวกับว่าการขุดรูนี้คือส่วนหนึ่งในชีวิตของเขา แม้แต่หินก้อนใหญ่ที่ขวางกัน เขานั้นก็สามารถเจาะผ่านได้อย่างง่ายดาย

เมื่อเขามั่นใจว่ารอดแล้ว เฉินเฉียงได้รู้สึกเข้าใจอย่างลึกซึ้งในทันทีว่าทักษะที่เขาไม่เคยใส่ใจนี้มีไว้ทำอะไรกันแน่

เมื่อสัมผัสได้ว่าทั้งหกคนนั้นพุ่งตรงเข้าถ้ำไปด้วยความเร็วอย่างสุดฝีเท้า เฉินเฉียงที่ในตอนนี้ไม่ต้องดิ้นรนหนีรอดเอาชีวิตรอดแล้วนั้น หัวสมองของเขาก็โล่งพอที่จะกลับมาวางแผนการได้อีกครั้ง

วานรเขี้ยววายุตนนั้นยังคงอยู่ในถ้ำ แต่ไอ้พวกนี้กลับวิ่งเข้าไปอย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง จะเกิดอะไรขึ้นก็ไม่แปลกล่ะนะ

เมื่อคิดได้ดังนี้ เฉินเฉียงได้ทำการตรวจสอบตำแหน่งของทั้งหกคน ในขณะเดียวกันก็ทำการขุดรูต่อไป

ภายใต้ทักษะการตรวจสอบด้วยเสียงของเฉินเฉียงนั้น ทำให้เขาได้รู้ว่าโม่เสี่ยวจวงได้เข้าไปในถ้ำลึกกว่าหกสิบเกือบๆจะเจ็ดสิบเมตรแล้ว

“พี่น้อง หาให้ทั่ว อย่าปล่อยให้ไอ้คนแล่เนื้อหนีไปได้”

ด้วยการที่ท่าเท้าของโม่เสี่ยวจวงนั้นอ่อนด้อยกว่าทุกคนในกลุ่ม ด้วยสภาพแวดล้อมที่มืดมิดนี้ เขาได้ใช้วิธีการตรวจสอบโดยใช้พลังวิญญาณแทน

อีกฟากฝั่งหนึ่งนั้น อีกห้าคนที่เหลือที่แทบจะมองอะไรไม่เห็นนี้ พวกเขาทำได้เพียงเดินตามโม่เสี่ยวจวงไปเท่านั้น พร้อมๆกับการตั้งท่าเตรียมพร้อมเพื่อว่าจะพบเฉินเฉียง พวกเขาก็พร้อมที่จะเข้าไปสังหารในทันที

ด้วยความมั่นใจในพลังวิญญาณของตนว่าแข็งแกร่งเหนือใคร โม่เสี่ยวจวงได้เดินนำหน้าอย่างไร้ความหวาดกลัว แต่เขานั้นกลับไม่คิดว่าเฉินเฉียงผู้ซึ่งพวกเขากำลังตามล่า จะเป็นฝ่ายตามอยู่ใต้เท้าเขาที่ลึกลงไปเพียงสี่เมตรเท่านั้น

พวกเขาเข้ามาในถ้ำลึกเกือบๆร้อยเมตรแล้ว

โม่เสี่ยวหยวนผู้ซึ่งเดินนำทุกคนอยู่นั้น ก็ต้องตะลึงในทันทีเมื่อได้ยินเสียงคำรามลั่น

เขาพบลิงยักษ์ที่มีความสูงจนหัวแทบจะติดเพดานถ้ำนี้ มันใช้แขนทุบอกก่อนที่จะพุ่งมาหาพวกเขา

หลังจากนิ่งอึ้งไปสักเสี้ยววินาที โม่เสี่ยวจวงก็ได้เรียกสติคืนมา

“พี่น้อง ไม่ต้องกลัว ไอ้ลิงนี่มันเหลือแค่แขนเดียวแล้ว มันกำลังเจ็บหนัก ไม่ใช่คู่มือของพวกเราหรอก”

เมื่อพูดจบ โม่เสี่ยวจวงก็ได้พุ่งเข้าใส่วานรเขี้ยววายุที่เหลือแขนเดียวและกำลังตรงเข้ามา

ในขณะเดียวกัน ศิษย์แผนกวายุเองก็ได้ตามหลังไปติดๆ

หากเจ้าลิงยักษ์นี่อยู่ในสภาพที่สมบูรณ์พร้อมละก็ พวกเขาก็คงจะหวาดๆอยู่บ้าง แต่ด้วยสถานการณ์ของมันในตอนนี้ที่แทบจะไม่เหลือร่องรอยแห่งพลังการต่อสู้แล้ว เพียงแค่หนึ่งในพวกเขาก็เพียงพอที่จะสังหารมันได้

และเมื่อเป็นแบบนี้แล้ว โม่เสี่ยวจวงย่อมไม่พลาดโอกาสดีๆในชีวิตแบบนี้อย่างแน่นอน

อย่างไรก็ตาม เฉินเฉียงผู้ซึ่งยังคงเปิดใช้ทักษะสัมผัสด้วยเสียงอยู่ตลอดเวลานั้น ในตอนนี้เขายังคงปรับสภาพร่างกายให้ไร้ซึ่งร่องรอยแห่งชีวิตอยู่อย่างเงียบๆ นั่นก็เพราะเขากลัวว่าจะเปิดเผยตำแหน่งของตน

และด้วยเหตุนี้ทำให้เขานั้นสัมผัสได้ว่าข้างหลังของลิงยักษ์ที่เหลือแขนเดียวตัวนี้นั้น ยังมีลิงยักษ์อีกตัวหนึ่งที่เป็นสายพันธุ์เดียวกัน ขนาดพอๆกัน และระดับการบ่มเพาะเดียวกัน

ตัวผู้หนึ่ง ตัวเมียหนึ่ง……วานรเขี้ยววายุสองตัวงั้นรึ

ต่อให้กัวเหลียงมาที่นี่ แต่กับการต้องเจอเจ้าลิงนี่ถึงสองตัว ต่อให้เป็นกัวเหลียงก็ยังต้องหลบ

โม่เสี่ยวจวงที่ในตอนนี้มั่นหน้ามากได้ใช้กระบี่สั้นที่อยู่ในมือกวัดแกว่งพลางปลดปล่อยพลังสายเลือดทำให้กระบี่สั้นยาวขึ้นอีกหนึ่งฟุตและกวัดแกว่งไปที่คอของลิงยักษ์แขนขาดตนนี้

ส่วนคนอื่นๆนั้นก็ได้ใช้กระบี่ที่แฝงด้วยพลังสายเลือดเช่นเดียวกัน แต่พวกเขานั้นเล็งไปที่ศีรษะและใบหน้าของลิงตัวนี้ในเวลาเดียวกัน

ฉากที่ปรากฏนั้นสมควรที่จะเป็นการที่โม่เสี่ยวจวงได้ปาดเข้าไปที่ลำคอของลิงยักษ์ และศิษย์แผนกวายุทิ่มแทงไปที่ใบหน้าอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อยู่ๆลิงยักษ์ก็ได้หยุดวิ่งเข้าใส่และก้มตัวต่ำในทันที และเป็นตอนนี้ที่วานรเขี้ยววายุที่มีขนาดพอๆกันได้กระโจนข้ามตัวผู้มาในทันใด

อนิจจา โม่เสี่ยวจวงผู้ไม่ทันได้ร้องออกมาสักกระผีกเดียว หัวของเขาระเบิดออกแหลกเละไม่มีชิ้นดี

แต่ถึงแม้ว่าดาบของโม่เสี่ยวจวงที่ในตอนนี้กลับกลายเป็นกระบี่สั้นจะพลาดเป้าไป แต่กับเหล่าศิษย์แผนกวายุที่อยู่ข้างหลังนั้น พวกเขาได้ทิ่มแทงไปที่ใบหน้าและดวงตาของลิงยักษ์อย่างแม่นยำโดยไม่รู้ด้วยซ้ำว่าได้เสียพวกพ้องไปแล้วหนึ่ง

ด้วยการที่วานรเขี้ยววายุตัวนี้สูญเสียแขนไปทำให้พลังรบของมันนั้นถดถอย ยังไม่ต้องพูดถึงการที่ศิษย์แผนกวายุผู้ซึ่งเน้นความเร็วอยู่แล้วจึงไม่ทางเลยที่มันในตอนนี้จะหลบการโจมตีไปได้ จะบอกว่าลิงยักษ์นี่โชคไม่ดีที่ต้องเจ็บหนักในแผนการของตนก็ว่าได้

ความเจ็บปวดที่ยากจะอดกลั้นนี้ทำให้วานรเขี้ยววายุเพศผู้ตัวนี้ต้องดินทุรนทุรายและกรีดร้องคำรามออกมาอย่างไม่หยุดหย่อน

เพียงการเหวี่ยงแขนที่เหลือเพียงข้างเดียวของมันไปมั่วๆก็เพียงพอที่จะทำให้ศิษย์แผนกวายุต้องตกตายในทันที

นี่ทำให้ศิษย์แผนกวายุที่เหลือในตอนนี้จ้องมองไปยังซากร่างของพวกพ้องทั้งสามอย่างหวาดกลัว และนี่เปรียบได้ดั่งยมทูตที่ใช้เคียวแห่งความตายตรึงพวกเขาไว้ไม่ให้ไปไหน จนต้องเสียโอกาสที่จะหนีรอดมีชีวิตกลับไป

ในตอนนี้ทั้งสามมีดวงตาที่เบิกกว้างและขาที่สั่นเทา พวกเขานั้นหยุดนิ่งไม่กล้าจะขยับตัวแม้แต่น้อย

ในช่วงเวลาเป็นตายแบบนี้ การกระทำของทั้งสามคนนี้เปรียบได้ดั่งการรอคอยความตายเพียงเท่านั้น

แน่นอนว่าหลังจากที่ไล่บี้โม่เสี่ยวจวงและคนอื่นๆไปได้แล้ว วานรเขี้ยววายุเพศเมียที่กำลังปวดใจจากการได้เห็นคู่ของตนถูกทำร้ายต่อหน้าต่อตา มันได้คำรามลั่นและเหวี่ยงแขนทุบทั้งสามให้กลายเป็นเศษเนื้อตามๆกันไป