ตอนที่ 66 : อันดับ 1

การ์ฟิลด์ไม่ได้หยุดมือ มันยกกรงเล็บขึ้นมา ทันใดนั้นก็มีวังวนปรากฏขึ้นตรงปลายกรงเล็บของมัน

ตอนที่กรงเล็บสะบัดออกมานั้น วังวนดังกล่าวก็หมุนวนจนกลายเป็นพายุใบมีดพุ่งตัดไปที่แผ่นหลังของปีศาจไลเกอร์ทันที

ฉัวะ !

เลือดของมันกระฉุดออกมา….

ปีศาจไลเกอร์ได้ร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดพร้อมกับหลี่จื้อเฉิงที่แสดงสีหน้าบิดเบี้ยวไป

อสูรนั้นคือคู่หูที่สนิทที่สุดสำหรับพวกเขาและเป็นทรัพย์สินที่มีค่าที่สุด หากอสูรได้รับการบาดเจ็บ งั้นผู้ใช้อสูรก็ต้องเจ็บปวดไปด้วย โดยผ่านการเชื่อมต่อที่หัวใจ และแน่นอนว่าจะต้องรู้สึกบาดเจ็บไปด้วยไม่ใช่น้อย

“ฉันจะยอมแพ้ดีรึเปล่า ? ”  หลี่จื้อเฉิงเข้าใจความสามารถของปีศาจไลเกอร์รวมถึงจุดอ่อนของมันด้วย ยิ่งอสูรขนาดใหญ่เท่าไหร่ก็ยิ่งมีที่ที่เอื้อมไม่ถึงมากเท่านั้น  แมวของหวังเย่านั้นตัวเล็กและพุ่งมาเกาะที่ข้างหลังของปีศาจไลเกอร์ ปีศาจไลเกอร์จึงไม่อาจจะทำอะไรได้

เพราะกรงเล็บของแมวนั้นโจมตีเข้าที่หลังอย่างรุนแรง แม้ว่าจะพลิกตัวกลับก็ไร้ค่า

หัวของหลี่จื้อเฉิงคิดอย่างรวดเร็วแต่ใบมีดของการ์ฟิลด์เองก็เร็วเช่นกัน ในพริบตา การ์ฟิลด์ก็ทำการโจมตีรอบที่สองแล้ว

“หยุด ! ”  หลี่จื้อเฉิงใจสั่น ความเจ็บปวดจากอสูรนี้ทำให้เขาอึดอัดใจอย่างมาก

หากยังเป็นแบบนี้ต่อไป ปีศาจไลเกอร์ก็จะยิ่งบาดเจ็บมากขึ้นเรื่อย ๆ มันอาจจะเสียเลือดจนตายเลยก็ได้

หลังจากที่ได้ยินแบบนั้น หวังเย่าก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก เขารู้แล้วว่าอีกฝ่ายเริ่มลังเลแล้ว

“การ์ฟิลด์ หยุด”   หวังเย่าสั่งการการ์ฟิลด์ ไม่งั้นแล้วอสูรของเขาคงทำการโจมตีต่อ

“หลี่จื้อเฉิง การแข่งยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ ทำไมนายถึงได้หยุด ? ”  หวังเย่าแสร้งทำเป็นถามขึ้นมา

“ฮึ่ม…ฉันขอยอมแพ้”  หลี่จื้อเฉิงมองหวังเย่าด้วยสายตาเคียดแค้นและพูดขึ้นมา

แม้จะไม่เต็มใจแต่เมื่อสถานการณ์มาถึงจุดนี้แล้ว เขาก็ต้องยอมแพ้แต่โดยดี เขารู้ดีว่าเขาประมาทอีกฝ่ายเกินไป เขาไม่เข้าใจความสามารถของศัตรูจนไม่อาจจะปกป้องอสูรของตัวเองได้

“งั้นก็พอแค่นี้”  หวังเย่ายิ้มและเรียกการ์ฟิลด์กับหงอคงกลับมา

กรรมการไม่ได้สอบถามอะไรและประกาศผลการแข่งขันทันที

“หวังเย่าได้ตำแหน่งที่ 1 ไปครอง หลี่จื้อเฉิงจึงได้อันดับที่ 6 ไปแทน  หวังเย่ายังไม่ถูกใครท้าทาย และมีโอกาส 3 ครั้งที่จะท้าทายเขา”

….

จนกระทั่งจบการแข่ง นักเรียนและครูของโรงเรียนดาวม่วงต่างก็พากันหน้าบิดเบี้ยวไป  “ทำไมปีศาจไลเกอร์ถึงได้อยู่ในสภาพน่าอนาถแบบนี้ได้ ? ”

ทุกคนต่างก็ไม่เชื่อสายตาของตัวเอง

บนอัฒจันทร์นั้นเหล่าผู้ใหญ่ต่างก็พากันพยักหน้าด้วยความชื่นชม สายตาพวกเขาสะท้อนความแปลกใจออกมา

ความสามารถของหวังเย่านั้นไม่อาจจะคาดเดาได้จริง ๆ พวกเขาจึงพากันแปลกใจ ถึงกับคิดว่าเกิดอะไรขึ้นกับหวังเย่ากันแน่ ถึงทำให้เขาพัฒนามาถึงระดับนี้ได้

ความสามารถของหวังเย่า ทำให้เขาโดดเด่นขึ้นมา มีทั้งเสียงกรีดร้องชื่นชมเขาและเสียงด่าทอหลี่จื้อเฉิงที่ยอมแพ้ไป

“ถ้าคิดจะยอมแพ้ ทำไมไม่ยอมแพ้ตั้งแต่แรก ทำไมต้องให้อสูรบาดเจ็บแบบนี้ด้วย ? ”

แน่นอนว่าคนส่วนมากต่างก็ตะลึงกับการที่หวังเย่าแข็งแกร่งได้ถึงเพียงนี้ และได้อันดับหนึ่งไปครอง

….

หวังเย่าได้กลับมายังที่นั่งของตัวเอง ก่อนจะมองไปที่ครูใหญ่ด้วยรอยยิ้ม เขามองอีกฝ่ายด้วยตาที่เป็นประกายราวกับมองเงินก้อนโต

“ครูใหญ่ครับ ที่ครูพูดมาก่อนหน้านี้จริงรึเปล่า ? ”  หวังเย่าเปิดปากถามขึ้นมา แม้ว่าเงิน 100,000 เครดิตจะไม่ได้มากมายสำหรับเขา แต่หากได้มาฟรี ๆ แล้วล่ะก็ เป็นธรรมดาที่เขาจะรับไว้โดยปริยาย

ครูใหญ่นั้นเป็นชายแก่อายุประมาณ 60 ปี เขาพูดแล้วก็ต้องทำตามที่พูด “แน่นอน ถ้าฉันไม่ทำจริง งั้นโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์คงกลายเป็นตัวตลกอย่างแน่นอน”

การแข่งขันยังคงดำเนินต่อไปแต่สายตาที่ทุกคนมองมาที่หวังเย่านั้นไม่ใช่สายตาที่ท้าทายอีกต่อไปเพราะความแข็งแกร่งของเขาที่แสดงออกมา จึงทำให้หลายคนไม่กล้าคิดที่จะเป็นคู่มือของเขา

แม้แต่หลี่จื้อเฉิงก็ไม่อาจจะสู้กับเขาได้ แล้วใครจะเป็นคู่มือของเขาได้ ?

หวังเย่าเองก็ตะลึงเช่นกัน  “คอร์สกลยุทธ์ราคาถึง 108,000 เครดิตเลยหรือ ? มันคืออะไรกันแน่ ? ”

“มันเป็นความลับ นายจะรู้เองถ้านายได้เรียนมัน”  ครูใหญ่ยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มเจ้าเล่ห์  “ความสามารถของนายในตอนนี้ทุกคนต่างก็คิดไม่ถึง ตั้งแต่ที่โรงเรียนก่อตั้งมา นี่เป็นครั้งแรกที่เราได้อันดับ 1 ในการแข่งขันของผู้ใช้อสูร ถ้านายไม่คัดค้านอะไร ฉันจะทำรูปปั้นนายไว้ที่โรงเรียนเพื่อทำการยกย่อง และยืนคู่กับอาจารย์กง นายคิดว่ายังไง ? ”

สีหน้าของหวังเย่าเปลี่ยนไปทันที แต่เขาก็ยังรู้สึกพอใจอยู่นิด ๆ “คงไม่เหมาะเท่าไหร่ ผมเป็นแค่เด็ก ไม่ควรได้รับการยกย่อง เทียบกับอาจารย์กงแล้ว ผมยังด้อยกว่ามาก”

 “ไม่ต้องถ่อมตัวไป ไม่ว่านายจะเป็นยังไงในอนาคต แต่ความแข็งแกร่งที่นายแสดงออกมาในวันนี้ก็เพียงพอได้รับการยกย่องแล้ว”

“งั้นก็ได้”  หวังเย่าไม่ได้คัดค้านอะไร

เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว

ไม่นานก็ผ่านไป 3 ชั่วโมงจนมาถึงช่วงสุดท้ายของการแข่งขันก็ยังไม่มีใครท้าหวังเย่าสู้ มันจึงทำให้เขาครองอันดับ 1 ได้อย่างเหนียวแน่น คนจากโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ต่างก็พากันตะโกนชื่อของเขาออกมา

จ้าวซื่อและเหลิ่งจื่อมู่หลบอยู่ในฝูงชนคอยดูอยู่เงียบ ๆ  ตงฟางเหลยที่อยู่อีกที่ได้แต่กัดฟันแน่นพร้อมกับสายตาอาฆาต ส่วนหลี่จื้อเฉิงสนใจแต่การรักษาปีศาจไลเกอร์ เขายังคงแสดงสีหน้าเฉยเมย

สุดท้ายการแข่งขันก็ได้รับบทสรุป

หวังเย่าได้ที่ 1 ส่วนจ้าวเมิ่งซีได้ท้าสู้ 3 ครั้งติดและชนะมาได้ เธอขึ้นมาจากอันดับ 66 เป็น 27  ทั้งสองโดดเด่นอย่างมาก

นี่แสดงให้เห็นแล้วว่าเด็กโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์ในปีนี้ไม่ใช่แค่คนเดียวที่ติด 1 ใน 50 อันดับแรก แต่ยังมีอีกคนที่ได้ที่ 1 ไปครอง ผลลัพธ์นี้ทำให้โรงเรียนโดดเด่นขึ้นมาในสายตาทุกคนในทันที

เซ่าจุนจุนลุกขึ้นและประกาศผลการแข่งขัน “ผลงานของผู้เข้าแข่งขันทุกคนจะถูกสรุปเป็นข้อมูลโดยที่ข้อมูลเหล่านี้ มหาวิทยาลัยทั้ง 36 แห่งจะสามารถตรวจสอบได้ “

จากนั้นทุกคนก็พากันแยกย้ายกันกลับไปพัก

หวังเย่าได้แยกตัวออกมาจากเด็กโรงเรียนศิลาศักดิ์สิทธิ์

“หวังเย่า นายว่างรึเปล่า ? ”  ตอนที่หวังเย่ากำลังจะเดินทางไปคลับเพื่อฝึกต่อ จ้าวเมิ่งซีกลับกระซิบเขาด้วยใบหน้าที่แดงก่ำ

“ถ้าเธออยากให้ฉันไปด้วย แน่นอนว่าฉันว่าง”  หวังเย่ายิ้มออกมา ด้วยสีหน้าที่ดูเจ้าเล่ห์

“งั้นก็ดี”  จ้าวเมิ่งซีก้มหน้าและพึมพำออกมา  “พ่อฉันอยากชวนนายไปกินข้าวด้วย นายไปกันฉันแล้วกัน”

“ก็ได้”  หวังเย่าเองก็ไม่ได้คิดจะปฏิเสธ  พ่อของเธอเป็นถึงผบ. การชวนเขาไปกินข้าวแบบนี้ก็หมายความว่ามีบางอย่างจะพูดคุยกับเขา

“ไม่คิดเลยว่านายจะทำได้ดีแบบนี้”  ตอนนั้นเสียงอันคุ้นเคยก็ดังขึ้นมาในหูของหวังเย่า

หวังเย่าหันกลับไปมองก็พบว่านั่นคือโจวอวิ๋นที่รีบวิ่งเข้ามาหาเขา

หวังเย่ากางแขนกอดอีกฝ่ายเอาไว้ก่อนจะแยกตัวแล้วหยอกกัน

“อาอวิ๋น ฉันดีใจจริง ๆ ที่เจอนาย” หวังเย่ายิ้มออกมา  “ในฐานะพี่น้องของฉัน นายจะตามฉันไปไหม ? ”

โจวอวิ๋นพอใจอย่างมาก   “ดีไปเลย ฉันคิดอยู่แล้วว่านายจะไม่ทิ้งฉัน  ฉันล่ะคาดหวังกับอนาคตของนายจริง ๆ “