พอเห็นสีหน้าอนุฟาง อวิ๋นเสวียนฉั่งก็รู้แล้วว่านางอยากจะขออะไรตน
และแล้วอนุฟางก็ก้าวเข้ามาใกล้ ก้มหน้าลง พลางพูดเสียงเบา “ท่านพี่ หลายปีมานี้ ข้าไม่เคยขออะไรท่านพี่เลย เพราะรู้สถานะตัวเองดี จึงไม่กล้าขออะไร แต่ตอนนี้มีเรื่องหนึ่ง เกี่ยวกับชีวิตทั้งชีวิตของลูกสาม ถึงต้องมาขอท่านพี่สักครั้ง”
ว่าแล้วก็ถกแขนเสื้อทั้งสองข้าง คุกเข่าลง โขกศีรษะสองครั้ง
อวิ๋นเสวียนฉั่งเป็นคนฉลาด พอจางเต๋อไห่ไป อนุฟางก็มีเรื่องมาขอทันที เขาถึงได้เดาอะไรบางอย่างได้ จึงบอกให้นางลุกขึ้น “เจ้าลองว่ามาก่อน”
อนุฟางหายใจเข้าเฮือกหนึ่ง ดวงตาพลันแดง บิดผ้าเช็ดหน้าไปมา มองบนเล็กน้อย ก่อนพูดละล่ำละลัก น้ำเสียงแสดงความเจ็บปวด
“ครั้งนี้คุณหนูใหญ่โชคดี ได้รับเลือกจากพระสนมเอกให้เข้าร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์ในวังที่เจี่ยไทเฮาทรงจัดขึ้น จากความสามารถที่คุณหนูใหญ่มี มองมุมไหนก็ราศีจับ ใครเห็นใครก็รัก สามีในอนาคตย่อมเป็นผู้เอกอุในแผ่นดิน ซึ่งนางต้องเลือกลูกเขยที่ดีให้กับท่านพี่และสกุลอวิ๋นได้แน่ แต่…แต่ลูกสามกลับไร้วาสนาและอาภัพ มาเกิดในท้องของคนที่ไม่เอาไหนอย่างข้า เป็นลูกเมียน้อยที่เกรงว่าคงหาสามีที่ดีได้ยากยิ่ง ลูกสามก็โตแล้ว กำลังอยู่ในวัยเลือกคู่หมั้นพอดี…ตอนนี้เมื่อสบโอกาส ข้าก็อยากขอท่านพี่ ให้ลูกสามได้พึ่งพาความร้อนแรงของคุณหนูใหญ่ ด้วยการให้คุณหนูใหญ่พาลูกสามไปงานเลี้ยงในวันนั้นด้วย พอจะได้หรือไม่…”
ตั้งแต่พบเจอกับรัชทายาทโดยบังเอิญที่โรงละครว่านไฉ่ อนุฟางก็ตั้งใจอย่างแน่วแน่ว่าต้องหาผู้สูงศักดิ์สักคนมาเป็นสามีของลูกสาวให้ได้ ครั้งนั้นแม้ล้มเหลว ลูกสาวยั่วยวนรัชทายาทไม่สำเร็จ แต่ก็นับว่ายังพอมีหวัง ลูกท่านหลานเธอในเมืองหลวงมีมากมาย แม้เป็นชายารัชทายาทไม่ได้ ก็ยังมีชายาอ๋อง ชายาซื่อจื่อ ฮูหยินอำมาตย์ ฮูหยินท่านโหว เป็นต้น!
เมื่อครู่ พอได้ยินว่าอวิ๋นหว่านชิ่นสามารถเข้าวัง อนุฟางจึงปีติยินดียิ่ง งานเลี้ยงสังสรรค์ที่ไทเฮาทรงจัด ย่อมมีผู้ชายสูงศักดิ์หลากหลายสถานะ โอกาสก็ย่อมมากตาม
พูดอ้อมไปมา อีกทั้งร้องไห้และเยินยอ ทุกอย่างมาจบที่อยากให้ลูกเมียหลวงพาลูกเมียน้อยเข้าวังด้วยว่างั้น เพื่อให้เด็กสาววัยละอ่อนสุดในบ้านมีโอกาสจับลูกเขยเชื้อจ้าวกับเขาบ้าง แม้น่าขัน แต่อวิ๋นเสวียนฉั่งกลับคิดจริงจัง เมื่อลูกสาวคนรองอวิ๋นหว่านเฟยตกกระป๋อง เขาก็เหลือลูกสาวแค่สองคน กับต้าเซวียนที่เห็นสถานะเป็นเรื่องสำคัญด้วยแล้ว โอกาสที่ลูกเมียน้อยอย่างลูกสาวคนเล็กจะได้แต่งกับผู้สูงศักดิ์จึงมีอยู่ไม่มาก ซึ่งงานเลี้ยงสังสรรค์ในครั้งนี้ นับเป็นโอกาสที่ดีเอามากๆ
อีกอย่าง ถ้าลูกสาวทั้งสองคนไปด้วยกัน โอกาสที่จะเข้าตาชายสูงศักดิ์ย่อมมีมากกว่า โดยถ้าคนหนึ่งไม่ผ่าน อีกคนก็ยังมีสิทธิ์
อวิ๋นเสวียนฉั่งหวั่นไหวแล้ว ลูบคางไปมา ก่อนพูดอย่างลังเลใจ “ข้าก็เคยคิดเช่นกัน เพียงเสียดาย ที่พระสนมเอกเชิญลูกสาวสกุลอวิ๋นเพียงคนเดียว แล้วจะให้ข้ายัดถงเอ๋อร์ไปด้วยได้อย่างไรกัน”
ปกติอนุฟางไม่ถือว่าเป็นคนเหลี่ยมจัด แต่จะไวเรื่องประจบสอพลอผู้มีอำนาจ พอได้ยินว่าสามีเคยคิดอยู่เหมือนกัน ก็หยุดคร่ำครวญ แล้วรีบเสนอแผนการ
“ท่านพี่ ลูกสาวสกุลอวิ๋นได้รับเชิญคนเดียวก็จริง แต่พระสนมเอกมิได้จำกัดจำนวนบ่าวที่จะไปด้วยนี่”
อวิ๋นเสวียนฉั่งหรี่ตา “ให้ถงเอ๋อร์แต่งตัวเป็นบ่าวหรือ”
อนุฟางว่า “ก็ไม่จำเป็นต้องพูดให้ชัดก็ได้ว่าเป็นบ่าวหรือน้องสาว เพียงตามคุณหนูใหญ่ไป แล้วรับใช้ขณะไปไหนมาไหนก็พอ คนในวังไม่ถามอะไรมากอยู่แล้ว ถ้าลูกสามเตะตาใครเข้าจริงๆ ถึงตอนนั้นค่อยว่ากัน ถ้าเป็นเรื่องพรหมลิขิต ผู้สูงศักดิ์ไหนเลยจะตำหนิเราได้”
อวิ๋นเสวียนฉั่งหัวเราะ “ข้าดูเบาเจ้าไป ดูไม่ออกเลยว่า เจ้าจะมีความคิดที่ละเอียดลออเช่นนี้”
อนุฟางพลันแก้มแดง แต่กลับเพิ่มจริตจะกร้านเข้าไป แสร้งก้มหน้าลงพลางว่า
“ท่านพี่ล้อเล่นแล้ว นี่เป็นเรื่องน่าอายสิไม่ว่า ทำเอาข้าหน้าแดงไปหมด”
เรื่องอวิ๋นหว่านชิ่นได้รับเชิญไปงานเลี้ยง ทำให้อวิ๋นเสวียนฉั่งอารมณ์ดีขึ้นมาก จึงลืมเรื่องโสเภณีมาหาเรื่องที่บ้านไปชั่วคราว ตอนนี้ยังเตรียมการให้ลูกสาวคนเล็กเสร็จสรรพอีก ก็รู้สึกตัวเบาขึ้นมาก พอเห็นอนุฟางหน้าแดง พูดเสียงเล็กเสียงน้อย ก็รู้สึกวาบหวาม จึงดึงนางมาไว้ในอ้อมอก แล้วลูบตามอำเภอใจไปสองครั้ง
อนุฟางรู้ว่าเขาต้องการอะไร เพียงเสียดายที่รอบเดือนมา ปรนนิบัติเขาไม่ได้ จึงบอกเขาไปตามตรง
พออวิ๋นเสวียนฉั่งได้ยิน ก็ผิดหวังเป็นอย่างยิ่ง คลายมือออก
“น่าเบื่อเสียจริง” แล้วก็คร้านที่จะพูดมากอีก เดินกลับเรือนหลักเพียงลำพัง
ถ้าเป็นยามปกติ อนุฟางต้องย่ำเท้า หงุดหงิดใจว่าทำไมต้องมามีรอบเดือนเอาตอนนี้ด้วย เสียโอกาสได้ใกล้ชิดไปเปล่าๆ ปลี้ๆ แต่ตอนนี้นางคิดแต่จะรีบกลับไปบอกข่าวดีให้ลูกสาวฟัง รวมทั้งต้องฉวยโอกาสสอนลูกอีก จึงไม่มีกะใจมาเสียดงเสียดาย สาวเท้าก้าวเดินไปที่เรือนเล็กของอวิ๋นหว่านถงอย่างรวดเร็ว
ในห้อง เดิมทีอวิ๋นหว่านถงกำลังจะเข้านอน จึงสวมชุดนอนผ้าฝ้ายบางเบา เผยให้เห็นเอี๊ยมสีเขียวสดทรงครึ่งวงรีตรงหน้าอก ขับให้ผิวดูขาวดุจน้ำนม อรชรอ้อนแอ้นยิ่ง
พอเห็นลูกสาวที่นับวันก็ยิ่งสวยขึ้นเรื่อยๆ อนุฟางก็ยิ่งเปี่ยมความมั่นใจ ดึงลูกสาวให้นั่งลง
ใต้แสงตะเกียง พอมารดาเล่าเรื่องเมื่อครู่ให้ฟังอย่างยินดีปรีดาจนจบ อวิ๋นหว่านถงก็ปีติยินดีเช่นกัน แต่สองมือกลับม้วนชายเสื้อ พลางว่า
“ผู้ชายในงานเลี้ยงแม้มีแต่เชื้อพระวงศ์ แต่ผู้หญิงที่มีอำนาจก็มีมากเช่นกัน ต้องแก่งแย่งกันรุนแรงแน่…ข้า ข้ากลัวว่าจะไม่มีใครเห็นข้าอยู่สายตา หรือก็คือ ได้ไปงานเลี้ยงทั้งที แต่กลับเปิดเผยสถานะไม่ได้ โอกาสก็ยิ่งน้อยลง ส่วนพี่ใหญ่เป็นแค่ลูกสาวคนโตแห่งจวนรองเจ้ากรม ในงานเลี้ยงไม่น่าจะมีสถานะโดดเด่น แล้วใครจะมามองบ่าวข้างกายนางเล่า”
อนุฟางถอนหายใจ “ก็เพราะอย่างที่ว่า ครั้งนี้เจ้าน่ะ ถึงต้องยิงให้เข้าเป้าในคราวเดียว แม่จะสอนให้
ก่อนอื่น เจ้าต้องติดสอยห้อยตามพี่ใหญ่เจ้าทุกฝีก้าว นางไปไหน เจ้าต้องอยู่ไม่ห่าง มีเพียงต้องตามติดนางไป
เท่านั้น เจ้าถึงจะมีโอกาส เมื่อก่อนแม่ก็เคยได้ยินไป๋ฮูหยินพูดถึงเรื่องงานเลี้ยงสังสรรค์นี้อยู่บ้าง ซึ่งจริงๆ แล้วไทเฮาต้องการให้ลูกหลานชายหญิงของพระองค์คบหากันในหมู่เชื้อพระวงศ์ งานเลี้ยงจึงไม่มีข้อจำกัดอะไร ถ้าชายสูงศักดิ์คนใดถูกใจสาวคนใดในงาน โดยทั่วไปแล้วก็จะเรียกอีกฝ่ายมาคุยกัน ถามไถ่เรื่องงานอดิเรกหรือเรื่องที่สนใจ ข้าเห็นว่า หมู่นี้พี่ใหญ่เจ้าน่ะสวยขึ้นทุกวันๆ ดวงตาคู่นั้น อือหือ เหมือนนางจิ้งจอกไม่มีผิด คล้ายไม่ส่งเสียง แต่จริงๆ แล้วจงใจปล่อยให้เหยื่อตายใจ แล้วค่อยตะครุบทีหลัง…ไม่แน่ว่าในงานเลี้ยง จะมีชายสูงศักดิ์จำนวนไม่น้อยมาผูกมิตรไมตรีกับนาง ซึ่งตอนนี้ล่ะ คือโอกาสของเจ้า เข้าใจหรือยัง”
อวิ๋นหว่านถงกัดริมฝีปาก “ท่านแม่กำลังบอกว่า ถ้าชายใดสนใจพี่ใหญ่ ก็จะเรียกผู้ติดตามอย่างข้าเข้าไปถามก่อน ข้าก็…”
“ไม่ผิด เจ้าก็ค่อยจัดการไปตามสถานการณ์!”
เมื่ออนุฟางเห็นว่าชี้แนะเพียงนิดเดียว ลูกสาวก็เข้าใจ นับว่าลูกสาวยังมีไหวพริบดีอยู่ จึงถอนหายใจอย่างโล่งอก “ถ้าชายผู้นั้นสถานะดี เจ้ารู้สึกว่าพอจะจับเอาไว้ได้ ก็อย่ารอช้า คิดหาวิธีแย่งเอามาให้ได้!” อนุฟางสอนลูกสาวทีละคำทีละประโยคอย่างมั่นใจ
อวิ๋นหว่านถงยังคงกัดริมฝีปาก จนจวนจะขาวอยู่รอมร่อ “…ท่านแม่น่ะพูดง่าย ในเมื่ออีกฝ่ายถูกใจพี่ใหญ่ แล้วจะเห็นคนอื่นอยู่ในสายตาได้อย่างไร ข้าจะแย่งได้หรือ!”
“เด็กโง่!” อนุฟางเจ็บใจที่ไม่สามารถหลอมเหล็กให้กลายเป็นเหล็กกล้า “ของเล่นอย่างผู้ชาย แม่น่ะรู้จักมากกว่าเจ้าเสียอีก ในงานเลี้ยง เขาถูกใจพี่ใหญ่เจ้าก็จริง แต่ก็แค่ความประทับใจเมื่อแรกพบ ต่อให้นางสวยดั่งเซียนแล้วไง? เขาก็ได้แต่ดูอยู่ห่างๆ เอามาเล่นในมือไม่ได้ สำหรับผู้ชายแล้ว จะยิ่งเสียอารมณ์เข้าไปอีก สิ่งที่ผู้ชายในใต้หล้าชอบที่สุด ก็คือ ดอกไม้สวยงามที่จับต้องได้ เจ้าเข้ามาพูดคุยอยู่ใกล้ๆ ทั้งคน ขอเพียงรู้จักทำในสิ่งที่พวกเขาต้องการ รวมทั้งหาโอกาสเหมาะ พูดให้เขามองพี่ใหญ่เจ้าในแง่ลบ เพิ่มข้อเสียของนางลงไป ร่วมทำอะไรบางอย่างกับเขาในเวลาที่เหมาะสม…ผู้ชายน่ะ เห็นว่าเจ้ามาก่อน ก็จะโน้มเอียงมาทางเจ้า”
พออวิ๋นหว่านถงรู้ว่าอะไรคือ ‘ร่วมทำอะไรบางอย่างกับเขา’ ก็อับอายจนหน้าแดง ครั้งก่อนนางถูกรัชทายาททำร้ายจิตใจไป ความมั่นใจจึงลดลงไปมาก
แม่ลูกใจถึงกัน สุดท้ายอนุฟางก็มองความคิดนางออก จึงทำปากยื่นปากยาว แล้วว่า
“รัชทายาทนั่น ไม่ใช่ผู้ชายปกติทั่วไปจริงๆ! อย่าเอาเรื่องนั้นมาใส่ใจ ผู้ชายปกติน่ะ พอเห็นสาวงามปิดหน้าต่างขอความเห็นใจ จะไม่แยแสสนใจได้อย่างไร”
พูดถึงตรงนี้ ก็กลอกตาไปมา ก่อนสอนนางโดยการเล่าประสบการณ์ของคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อนให้ฟัง
“ครั้งนี้ ถ้าเจ้าถูกใจชายใด…” แล้วจึงกระซิบเสียงเบาที่ข้างหูอวิ๋นหว่านถง
อวิ๋นหว่านถงหน้าแดงไปถึงหู แม้รู้ว่า งานเลี้ยงสังสรรค์ในครั้งนี้ เป็นโอกาสที่หาได้ยากยิ่งของตน ชาตินี้ไม่แน่ว่าอาจมีเพียงครั้งเดียว ถึงเสี่ยงที่จะเสียหน้าก็ต้องทำ พอฟังจบ ก็รู้สึกร้อนผะผ่าวที่ใบหน้าขณะพยักหน้า