ตอนที่ 78-2 ม้าผอมแย่งชิง สองพี่น้องเข้าวัง

ยอดหญิงอันดับหนึ่ง

ด้านอวิ๋นเสวียนฉั่ง พอเดินจากห้องโถงกลับมาที่เรือนหลัก ก็ตรงเข้าห้องนอนทันที

 

 

หลังจากที่เขากอดๆ ลูบๆ อนุฟาง ความรู้สึกวาบหวามก็ยังไม่ลดลง จึงปลดกระดุมเสื้อ นอนตากลม

 

 

สาวใช้คนหนึ่งเลิกม่านเข้ามา ในมือถือถ้วยชา พูดเสียงใสและอ่อนโยน “นายท่านกลับมาแล้ว”

 

 

จากนั้นก็นำถ้วยชาวางลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างมือของเขา

 

 

อวิ๋นเสวียนฉั่งเงยหน้าขึ้น เป็นเถาฮวา นางสวมเสื้อตัวสั้นสีชมพูสด กับกระโปรงหน้าม้า(กระโปรงบานจีบข้าง) สีเขียวสด แม้แต่งตัวแบบสาวใช้ แต่รูปโฉมกลับดึงดูดสายตายิ่ง บนศีรษะยังเสียบปิ่นมุกไว้พวงหนึ่ง

 

 

หลายวันมานี้ เถาฮวาปรนนิบัตินายท่านอยู่ในห้องตลอด บ่าวในเรือนหลักล้วนรู้กันถ้วนหน้าว่านางคือหญิงสาวที่ผู้อาวุโสซื้อมาจากสมาคมม้าผอม แม้ตามความเห็นของผู้อาวุโส ยังบอกได้ไม่แน่นอนว่าจะให้เป็นอนุของนายท่านหรือไม่ แต่บ่าวในเรือนก็ให้ความเคารพในตัวนาง ถ้ามีงานที่ต้องเข้าไปในห้อง ปรนนิบัตินายท่านอย่างใกล้ชิด ก็จะให้เถาฮวาเป็นคนทำ

 

 

เช่นนี้ ในระยะเวลาสั้นๆ ที่เถาฮวาอยู่ในเรือนหลัก นางก็สามารถเข้านอกออกในได้ตามอำเภอใจ มีภาษีอยู่ไม่เบา

 

 

สาวใช้นางนี้ แต่งตัวค่อนข้างโดดเด่น ด้วยเกรงว่าจะไม่ได้รับความสนใจ อวิ๋นเสวียนฉั่งจึงนึกขึ้นได้ว่า หลายวันก่อนตนไม่ว่าง แต่ตอนนี้ตนอารมณ์ดีแล้ว บวกกับไฟสวาทที่ถูกอนุฟางจุดติดเมื่อครู่ยังไม่มอดดับ พอเห็นเถาฮวาเข้ามาใกล้ ก็เรียกนางไว้ ก่อนหยอกล้อไปสองสามคำ

 

 

เถาฮวาเติบโตขึ้นในสมาคมม้าผอม ไหนเลยจะไม่รู้ความคิดอ่านของผู้ชาย การที่นายท่าน เดี๋ยวก็ถามอายุตน เดี๋ยวก็ถามบรรพบุรุษตน เดี๋ยวก็ถามว่าเคยชินกับสถานที่หรือยัง ถูกใครในจวนรังแกหรือเปล่า ก็รู้ทันทีว่านายท่านเริ่มสนใจตนบ้างแล้ว ก็ดีใจยิ่ง รีบตอบทุกคำถาม โดยไม่รีรอแต่อย่างใด เพราะถ้านางปรนนิบัติรับใช้ดี คืนนี้เห็นทีจะเป็นวันที่นกกระจอกจะได้บินขึ้นเกาะยอดไม้เสียที

 

 

อวิ๋นเสวียนฉั่งพินิจพิจารณาดูรูปโฉมของเถาฮวา แม้งามสู้ไป๋เสวี่ยฮุ่ยไม่ได้ แต่ชนะเลิศเรื่องความอ่อนเยาว์ และเอาอกเอาใจเก่ง ถ้าได้มาเป็นอนุแก้เหงาก็คงไม่เลวเลยทีเดียว วันนี้เขาอารมณ์ดี จึงเอื้อมมือไปเปิดลิ้นชักตู้เก็บของ แล้วล้วงเครื่องประดับเล็กๆ ชิ้นหนึ่งออกมา ให้เถาฮวาเป็นรางวัล โดยของที่อยู่ในตู้ล้วนเป็นสมบัติสะสมของไป๋เสวี่ยฮุ่ย ซึ่งแต่เดิมได้ให้อวิ๋นหว่านเฟยไว้เป็นสินสมรส แต่ต่อมาถูกผู้อาวุโสเก็บกลับคืนมาไว้ที่เรือนหลัก

 

 

เถาฮวาไม่คาดคิดมาก่อน จึงดีใจมาก ยกสองมือขึ้นรับอย่างนอบน้อม เป็นเข็มกลัดดอกผักปลาบช่อหนึ่ง ตัวดอกคล้ายเจียระไนจากทับทิมแดงหนึ่งเม็ด ใช้หยกมรกตสลักเป็นใบ เห็นก้านสีทองแวววาว เถาฮวารีบเก็บเข้าไปในแขนเสื้อ แล้วพูดขอบคุณเสียงหวาน

 

 

“ขอบคุณนายท่านเจ้าค่ะ”

 

 

พูดจบก็หันมองนอกหน้าต่าง ตอนนี้ยังไม่ดึกมากนัก ถ้าจะขอปรนนิบัตินายท่านก่อนเข้านอน อาจ

 

 

เห็นชัดว่าตนใจร้อนเกินไป ผู้ชายจะดูถูกเอาได้ จึงฉวยโอกาสตีเหล็กตอนร้อน แสดงความปรารถนาดีต่อ

 

 

“เมื่อครู่คนในวังมา นายท่านยังทานมื้อค่ำไม่ทันเสร็จก็ต้องออกไปต้อนรับที่โถงแล้ว ตอนนี้ไม่ทราบว่านายท่านหิวหรือเปล่า ระวังจะเป็นโรคกระเพาะนะเจ้าคะ”

 

 

พอพูดถึง อวิ๋นเสวียนฉั่งก็รู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ ด้วยมื้อค่ำเขากินไปแค่ครึ่งเดียว จึงลูบท้องไปมา แล้วว่า

 

 

“จริงด้วย มื้อค่ำข้ากินไปแค่สองสามคำ พอเจ้าพูด ข้าก็รู้สึกหิวขึ้นมาจริงๆ”

 

 

เถาฮวารีบรับคำ บิดเอว แล้วยิ้มหน้าบาน พลางพูดอย่างอ่อนโยนเอาใจใส่

 

 

“ค่ำคืนในฤดูใบไม้ร่วง อากาศจะเย็นลง ทำให้หิวเร็ว พอหิวมือไม้ก็จะเย็น เช่นนั้นบ่าวขอตัวไปทำบะหมี่น้ำร้อนๆ ชามหนึ่งให้นายท่านนะเจ้าคะ”

 

 

อวิ๋นเสวียนฉั่งพยักหน้า

 

 

พอเถาฮวาออกจากห้องนอน เดินไม่กี่ก้าวก็มาถึงห้องครัวเล็กๆ ในเรือน จึงก้าวเข้าไปที่หน้าเตาไฟ เตรียมลงมือทำบะหมี่

 

 

คืนนี้เป็นเวรเฝ้าครัวของเหลียนเหนียงพอดี ซึ่งนางกำลังหาบน้ำที่ตักจากบ่อเข้ามาวาง แล้วนั่งยองๆ ลงข้างโอ่งเก็บน้ำ ขณะหยิบกระบวยน้ำเต้าผ่าครึ่ง ตักน้ำลงไปในโอ่ง ก็ได้ยินเสียงตะโกนจากด้านหลัง

 

 

“เอ๋ ตักน้ำมาแล้วหรือ ข้ากำลังจะทำบะหมี่ให้นายท่านน่ะ”

 

 

พอเหลียนเหนียงหันมอง ก็เห็นเถาฮวา ผู้ที่ได้เชิดหน้าชูตา เป็นหัวหน้าสาวใช้ที่เรือนหลักในระยะเวลาสั้นๆ เพียงไม่กี่วัน ตอนนี้ยังมาทำมื้อดึกให้นายท่านด้วยตัวเองอีก

 

 

นางกับตนโตมาจากสมาคมม้าผอมด้วยกัน ความสามารถของตนก็ไม่ได้ยิ่งหย่อนไปกว่านาง แล้วทำไมตนต้องมาอยู่ใต้นางด้วย สายตาจึงหมองหม่นลงโดยไม่รู้ตัว

 

 

ส่วนเถาฮวา เมื่อเห็นสีหน้าเหลียนเหนียง ที่คล้ายอิจฉาตนอยู่ ก็นึกอยากอวดขึ้นมา จึงล้วงเข็มกลัดดอกผักปลาบออกจากแขนเสื้อ แกว่งไปมาตรงหน้าเหลียนเหนียง

 

 

“เห็นหรือยัง นายท่านมอบให้เชียวนา! ข้าเข้าห้องปรนนิบัติพัดวีเพียงไม่กี่วัน นายท่านก็ให้ของดีแบบนี้กับข้าแล้ว”

 

 

เหลียนเหนียงมองดูเครื่องประดับสตรีล้ำค่า สายตาที่หมองหม่นเมื่อครู่พลันจางหาย กลอกตารอบหนึ่ง ค่อยทำตาวาว ค่อนไปทางเพ้อฝัน “สวยมากเลย นายท่านดีต่อเจ้าจริงๆ ของล้ำค่าขนาดนี้ยังมอบให้เจ้าได้”

 

 

พอเห็นว่านางยังตาร้อนไม่เลิก เถาฮวาก็มองใบหน้าขาวๆ ที่เลอะผงถ่านของนาง พลางคิด อยู่ในห้องครัวต้มน้ำไม่กี่วัน ก็ถูกรมควันเสียโทรมขนาดนี้ ไฉนยังถือเป็นคู่แข่งของตนอีก จึงยิ่งดูหมิ่นนาง หุบมือลง กำมือไว้ ไม่ให้นางจ้องมองมาก ก่อนเก็บเข็มกลัดกลับคืน

 

 

“วันนี้นายท่านอารมณ์ดี บอกว่าจะกินบะหมี่ที่ข้าต้มเองกับมือ พออิ่มหนำสำราญแล้ว ข้าก็จะช่วยนายท่านเปลี่ยนชุดนอน ถึงตอนนั้น…เหลียนเหนียง รอให้ข้าได้เป็นอนุก่อน เห็นแก่ที่เรามาจากสมาคมม้าผอมด้วยกัน ข้าไม่ลำเอียงกับเจ้าหรอก ต้องหาตำแหน่งดีๆ ให้เจ้าสักตำแหน่ง จะได้ไม่ต้องลำบากอยู่แต่ในนี้”

 

 

นี่หมายความว่าจะย้ายตนไปไกลๆ ให้พ้นหูพ้นตา จะได้ไม่สามารถพบหน้านายท่านได้ล่ะสิ มือที่จับกระบวยน้ำเต้าของเหลียนเหนียงหยุดนิ่ง จิตใจเยือกเย็นลง แต่สีหน้าอ่อนแอยิ่ง เกิดความกังวลและตื่นตกใจ กะพริบตาแล้วว่า

 

 

“เถาฮวา เจ้าไปเตรียมเส้นบะหมี่เถอะ ข้าจะต้มน้ำเอง”

 

 

เถาฮวาเลิกคิ้ว เหลียนเหนียงจึงรีบหลุบตาลง “ต้มน้ำเป็นหน้าที่ข้า คุณหนูใหญ่เคยบอกว่า ให้แต่ละคนทำตามหน้าที่ของตน ถ้าเจ้ามาทำหน้าที่ข้า ข้าอาจถูกลงโทษได้ อีกอย่างเรื่องต้มน้ำดูเตา ควันมากโขอยู่ ระวังจะทำให้หน้าเจ้าเปรอะเปื้อน พอเข้าห้องไป นายท่านเห็นแล้วจะไม่ชอบเอา”

 

 

เถาฮวาคิดๆ ดู ก็เห็นว่าจริง ในทุกๆ วันคุณหนูใหญ่จะส่งสาวใช้ข้างกายอย่างแม่นางเมี่ยวเอ๋อร์มาสังเกตการณ์คนทั้งสาม เข้มงวดมาก น่าจะทำให้เหลียนเหนียงไม่กล้าละเลย จึงสั่งการ

 

 

“น้ำต้มให้ร้อนหน่อยนะ! นายท่านชอบกินแบบร้อนๆ อย่าทำลายสุขภาพของนายท่านล่ะ”

 

 

เหลียนเหนียงหันหลังให้เถาฮวาอยู่ กำลังตักน้ำเย็นใส่ลงไปในหม้อใบใหญ่ จุดไฟ แล้วเติมฟืนเข้าไปในเตาไม่หยุด พอได้ยินเสียงสั่งของเถาฮวา หน้าเล็กๆ ก็หันไปฟัง เห็นแก้มขาวดุจหยกของนางถูกควันไฟในเตารมจนคล้ำไปจริงๆ นางหัวเราะเบาๆ ท่ามกลางเสียงต้มน้ำดังฝืดๆ ก่อนพูดเสียงเล็กๆ ที่ฟังดูอ่อนจนต้านลมไม่อยู่

 

 

“ได้สิ เถาฮวา”

 

 

เถาฮวาจึงไม่สนใจนาง หันไปตอกไข่ใส่ชาม หั่นเนื้อหมู ซอยต้นหอม นำเส้นบะหมี่ที่รีดน้ำแล้วออกมา เตรียมเครื่องปรุงรสด้วยการคลุกเคล้าซีอิ๊ว น้ำส้มสายชู น้ำมันงาเข้าด้วยกัน น้ำในหม้อเดือดพอดี นางจึงโยนเส้นลงไปในหม้อ รอให้เส้นนุ่ม ค่อยตักขึ้น

 

 

เหลียนเหนียงนำถาดพร้อมช้อนและตะเกียบมาวางเอาไว้ให้ เถาฮวาจึงนำบะหมี่น้ำที่ทำเสร็จวางลงบนถาด แล้วยกออกไป

 

 

เถาฮวายกบะหมี่น้ำออกไปอย่างมีความสุขและเปี่ยมความหวัง เหลียนเหนียงมองตาม โดยค่อยๆ เดินไปที่ประตูครัว ยกข้อมือขึ้น ใช้หลังมือที่ยังสะอาดอยู่เช็ดตามแก้ม

 

 

ใบหน้าเล็กๆ ที่ถูกควันรมจนสกปรกมอมแมม เผยให้เห็นเมฆดำขนาดใหญ่ แววตาที่ตื่นตกใจเมื่อครู่หายเกลี้ยง เหลือเพียงรอยยิ้มเย้ยหยัน