เสี่ยวเชี่ยนแสร้งทำเป็นหน้านิ่งแต่ในใจกลั้นขำแทบตาย
“เด็กแสบอย่างเธอ แอบขำฉันอยู่ในใจหรือเปล่า? จะบอกให้นะ ฉันแค่ยอมให้พวกผู้หญิงอย่างพวกเธอต่างหาก ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับยัยแก่นั่นหรอก” พลตรีอวี๋อยากดึงภาพลักษณ์ของตัวเองกลับมา
เสี่ยวเชี่ยนก้มหน้า พยายามไม่ขำออกไปแล้วพูดจาเห็นด้วย
“ใช่ค่ะ คุณลุงแมนมากในหมู่ผู้ชายด้วยกัน ครอบครัวปรองดองถึงจะดูแลประเทศได้ คนจะทำงานใหญ่ย่อมไม่ยึดติดกับเรื่องเล็กน้อย ไม่คิดเล็กคิดน้อยกับผู้หญิง นี่คือนิสัยของคุณลุง ไม่อย่างนั้นแค่หมัดของคุณลุงหมัดเดียวคุณน้าคงจอดสนิทไปแล้ว”
ประจบได้ถูกใจมาก
มุมปากของพลตรีอวี๋ถูกยกขึ้นเล็กน้อย อยากยิ้มแต่ก็แสดงออกมากไม่ได้
“ฉันจะลงมือกับผู้หญิงได้ยังไง ฉันน่ะยอมให้ตลอดแหละ ยัยแก่คนนี้นี่นะ เป็นสิบปีแล้วก็ยังทำตัวไม่มีเหตุผลเหมือนเดิม เอะอะก็ใช้กำลังกับฉัน—ความรุนแรงในครอบครัวเป็นสิ่งไม่ถูก ไม่ควรจะใช้กำลังกัน”
ยิ่งพูดยิ่งเอาใหญ่…
เสี่ยวเชี่ยนเห็นพลตรีอวี๋เป็นแบบนี้แต่กลับรู้สึกเป็นกันเองไม่น้อย เท่าที่เธอรู้จัก พลตรีอวี๋เป็นคนหนักแน่นเด็ดเดี่ยวในการดูแลลูกน้อง หน่วยที่เขาเป็นคนคุมแข็งแกร่งมาก ยิ่งเป็นคนแบบนี้ก็ยิ่งรักและปกป้องครอบครัวตัวเอง ถูกตีก็ไม่สู้กลับ ถูกด่าก็ไม่กล้าเถียง ยิ่งรู้สึกว่าน่ารักด้วยซ้ำ
“คุณลุงคะ เมืองที่เราอยู่นี่ที่เที่ยวเยอะนะคะ ทำไมไม่ให้คนขับรถพาไปเดินเล่นที่อื่นล่ะคะ ที่นี่มีอะไรให้ดูกัน”
หมู่บ้านจวินยวิ่นการ์เด้นอวี๋หมิงลี่เป็นคนสร้าง ถึงแม้บรรยากาศจะใช้ได้ แต่ก็ไม่ได้ดีถึงขนาดพลตรีอวี๋จะมาเดินเล่นคนเดียว
พลตรีอวี๋เดินอย่างไร้จุดหมายไปรอบๆหมู่บ้าน สุดท้ายไปหยุดอยู่ที่ใต้ต้นไม้ต้นหนึ่ง มองหน่อเล็กๆของต้นไม้ที่แตกออกมาพลางครุ่นคิด
ไม่สังเกตก็มองไม่ออก หน่อเล็กๆเขียวๆนี้ทำให้คนที่ผ่านความแห้งแล้งของฤดูหนาวมารู้สึกสดชื่นขึ้น เห็นแล้วอารมณ์ดี
“นี่คือต้นพุทรา ต้นนี้อยู่มาหลายปีแล้ว” พลตรีอวี๋ลูบกิ่งไม้แล้วพูดอย่างจริงจัง
“พูดกันมาว่าเต่าอายุพันปีต้นพุทราหมื่นปี อันที่จริงต้นพุทราอายุยืนสุดก็แค่ร้อยกว่าปีเองมั้งคะ?” เสี่ยวเชี่ยนรู้เรื่องพวกนี้ไม่ค่อยลึก ในใจคาดเดาว่าหรือที่พ่ออวี๋มาตั้งไกลก็เพื่อมาดูต้นพุทราเก่าแก่ต้นนี้แค่นั้น?
“ต้นนี้ไม่ถึงร้อยปีหรอก แต่หลายสิบปีก็ได้อยู่ ตอนฉันหนุ่มๆก็เห็นมันอยู่ตรงนี้แล้ว ผ่านเหตุการณ์ไปตั้งมากมายมันก็ยังอยู่ ตอนพี่ใหญ่มาซื้อที่ตรงนี้สร้างหมู่บ้านฉันขอเขาอยู่อย่างเดียวคือห้ามโค่นต้นพุทรานี่ทิ้ง
“อ่อ…ลำบากพี่ใหญ่แย่เลยนะคะ”
สามารถออกแบบให้ต้นไม้เตี้ยๆนี้อยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่มีแต่ต้นไม้ใหญ่ๆโดยไม่ขัดตาได้ พี่ใหญ่คงเพิ่มเงินให้นักออกแบบในสังกัดไปไม่น้อย ไม่ง่ายเลยนะ
ดูก็รู้ว่าพี่ใหญ่เป็นคนกตัญญู ทำตามความต้องการของพ่อแม่โดยปราศจากเงื่อนไขมาตลอด ตอนนั้นจริงๆพ่ออวี๋ก็คงแค่พูดส่งเดช แต่พี่ใหญ่กลับจำเอาไว้
พอรู้สึกได้ถึงสายตาของพ่ออวี๋ที่มองมาเสี่ยวเชี่ยนจึงยิ้มอายๆแล้วเปลี่ยนเรื่องคุย “พุทราของต้นนี้หวานไหมคะ?”
“ฉันไม่ชอบกินพุทราไม่รู้หรอก”
“……” งั้นก็หมดเรื่องจะคุย คุยกับคนแก่นี่เหนื่อยใจจริง
“แต่อาหญิงชอบ โดยเฉพาะขนมปังพุทราที่พี่สะใภ้ทำ พวกผู้หญิงชอบกินอะไรแบบนี้อยู่แล้ว หวานจะตายอร่อยตรงไหน แต่อย่าดูถูกต้นพุทรานี่นะ สมัยก่อนแถวนี้มีต้นพุทราหลายต้น เวลาออกผลทีเจ้าเล็กจะเป็นหัวโจกพาพรรคพวกมาอย่างรวดเร็ว จัดการสู้เด็กคนอื่นๆที่มาเก็บพุทรา ผลจากชัยชนะเขาได้พุทราเยอะที่สุดเลยล่ะ”
“ชอบใช้กำลังตั้งแต่เด็ก…” เสี่ยวเชี่ยนจินตาการได้ทันทีถึงท่าทางได้ใจของอวี๋หมิงหลางสมัยเด็ก
บ้านไหนเลี้ยงเด็กแสบแบบนี้ไว้ปวดหัวแย่
“ฉันก็ดุเขาไปนะว่าอย่าเห็นแก่ตัวเด็ดมาเยอะ เหลือให้คนอื่นเขาบ้าง แต่เขาก็ไม่ฟัง เก็บมาเสียจนทุกมื้อจะต้องมีขนมปังพุทราขึ้นโต๊ะ ถึงเจ้าเล็กจะเกเรแต่ก็ใส่ใจครอบครัว เขาจำได้ว่าอาหญิงชอบกิน—แต่ไอ้ลูกตัวแสบคนนี้เล่นเอาฉันถูกบังคับกินไปด้วย ใครจะอยากกินของแบบนั้นกัน อีกทั้งพอถึงฤดูนี้ก็จะมีคนมาฟ้องถึงบ้านว่าเจ้าเล็กไม่ใช่แค่เก็บพุทรา ยังพาพรรคพวกหนีเรียนไปเก็บแตงหวานด้วย มีชาวบ้านมาฟ้องถึงบ้าน ตอนนั้นอาหญิงยังไม่ได้แต่งออกไป อยู่บ้านพอดีเลยต้องชดใช้ชาวบ้านไปสองหยวน จากนั้นก็มาร้องไห้ฟูมฟายกับฉันเหมือนเด็กๆ”
“แล้วหลังจากนั้นล่ะคะ?” ผู้ชายของเธอตอนเด็กๆนี่เป็นหัวโจกจริงๆ สมัยนั้นสองหยวนเยอะมากเลยนะ นี่เขาไปขโมยแตงหวานเยอะขนาดไหนกันเนี่ย?
“ต่อมาพี่สะใภ้เลยให้เงินเขาไปห้าหยวน เขาถึงได้หัวเราะร่า นิสัยเขาเป็นอย่างนั้นแหละ ชอบเอาเปรียบ เอาเปรียบได้ ห้ามเสียเปรียบ แต่จะบอกว่าเขาเป็นคนเลวก็ไม่ถึงขนาดนั้น ทำไมพอแก่แล้ว…”
ตอนพ่ออวี๋นึกถึงเรื่องราวเก่าๆก็อดคิดถึงไม่ได้ แต่พอนึกถึงน้องสาวตัวเองในตอนนี้ก็เหลือเพียงแค่การถอนหายใจ
เสี่ยวเชี่ยนนิ่งเงียบไม่พูดอะไร
เธอรู้ว่าพ่ออวี๋ไม่มีใครให้ระบายด้วย เลยเอาเธอเป็นโพรงไม้ เธอในฐานะที่เป็นเด็กไม่ต้องแสดงความคิดเห็นอะไรทั้งนั้น
พ่ออวี๋จะตำหนิอาหญิงยังไงก็ได้ แต่ถ้าเธอพูดท่าทีอาจเปลี่ยนไป
พ่ออวี๋เงียบไปสักพัก วันนี้ตอนที่เขาผ่านแถวนี้ไม่รู้ทำไมนึกถึงเรื่องราวสมัยหนุ่มๆขึ้นมา ถึงตอนนั้นจะไม่ร่ำรวยแต่ครอบครัวใหญ่ก็อยู่ด้วยกัน ถึงจะมีทะเลาะกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ก็ไม่เคยมีเรื่องใหญ่โต ภรรยาเขาเมื่อวานหลังจากเสี่ยวเชี่ยนไปแล้วได้รื้อฟื้นถึงพฤติกรรมที่น้องสาวของเขาทำในช่วงที่ผ่านมา
ไม่พูดยังไม่เท่าไร แต่พอพูดขึ้นมาพ่ออวี๋ก็ตกใจ เขาไม่รู้เลยจริงๆว่าน้องสาวตัวเองก่อเรื่องไว้มากขนาดนี้ อดสงสารภรรยาไม่ได้ที่ยอมให้น้องสาวของเขามาตั้งหลายปี ครอบครัวอยู่กันมาได้จนถึงทุกวันนี้จะบอกว่าไม่เกี่ยวกับที่แม่อวี๋ใจกว้างก็คงจะไม่ได้
ในใจเกิดความรู้สึกบางอย่างที่พูดไม่ออก ผ่านมาแถวนี้พอดีนึกได้ว่ามีต้นพุทราอยู่เลยอยากมาดูว่ายังอยู่หรือเปล่า นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอเสี่ยวเชี่ยนด้วย
ความรู้สึกนี้เสี่ยวเชี่ยนพอจะเข้าใจ พ่ออวี๋เห็นต้นพุทราที่เด็ดกินสมัยยังไม่ร่ำรวยยังอยู่ แต่ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัวกลับเบาบางลง ความสามัคคีที่เคยมีค่อยๆหายไป ช่างน่าเศร้านัก
อาหญิงทำอะไรเห็นแก่ตัวมาตลอด ไม่เคยคิดถึงความรู้สึกของคนอื่น แต่ในใจของพี่ชายก็ยังมีเขาอยู่เสมอ เพียงแต่ครั้งนี้พ่ออวี๋รู้สึกเสียใจสุดๆ
เดิมเสี่ยวเชี่ยนก็เกลียดอาหญิง แต่พอเห็นพ่ออวี๋ลูบต้นพุทราโหยหาความรู้สึกในอดีตแบบนี้ ในใจเธอกลับรู้สึกสงสารอาหญิงมากกว่า
หญิงสูงวัยนิสัยเอาแต่ใจคนนี้ได้ทำลายความรู้สึกดีๆที่พี่ชายมีให้ด้วยน้ำมือตัวเอง
“นี่ตัวแสบคิดอะไรอยู่น่ะ ทำหน้าจริงจังเชียว?”
“หนูกำลังคิดว่าเราต้องถนอมน้ำใจคนที่ดีกับเราให้มากๆ เพราะความรู้สึกที่เขารักและเอ็นดูเราไม่ใช่เรื่องเกิดขึ้นโดยธรรมชาติ เราจะใช้ความรักของคนที่เขามีให้เราอย่างสิ้นเปลืองไม่ได้ ไม่ควรทำให้คนที่รักเราผิดหวัง เด็กผู้หญิงบางครั้งดื้อบ้าง งอแงบ้าง ขอแค่ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตก็ดูน่ารักดี แต่ถ้ามากเกินไปก็ไม่ดี อย่างไรเสียคนที่แคร์เรา รักเรา คงไม่มีความอดทนไปตลอดชีวิตเพื่อรอเราเติบโต”