เล่ม 2 ตอนที่ 75 เลือก / ตอนที่ 76 หน้ากระดาษที่ขาดหาย

ยอดหญิงลิขิตสวรรค์

ตอนที่ 75 เลือก

อันที่จริงฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้โกรธที่ต้องยกห้องนอนให้หรงซิวจริงจังสักหน่อย

หรงซิวช่วยนางหลายต่อหลายครั้ง และนางก็ติดหนี้บุญคุณเขาอยู่ ดังนั้นให้เขาค้างที่นี่สักคืนก็ไม่เห็นเป็นอะไร

หลังจากที่นางเดินออกจากห้องนอน นางคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วเดินไปที่ห้องอ่านหนังสือ

ที่จริงในห้องหนังสือมีเตียงสำหรับนอนเอนกาย แต่ฉู่หลิวเยว่ยังไม่อยากนอนตอนนี้

…วันนี้นางต้องการทะลวงร่างกายที่ยังไม่เคยฝึกยุทธ์แล้วกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์จริงๆ สักที

ฉู่หลิวเยว่ปิดประตูและหน้าต่าง จากนั้นจึงนั่งขัดสมาธิบนเตียงและค่อยๆ หลับตาลง

ร่างกายนี้มีชีพจรตี้จิง ซึ่งทำให้ความเร็วในการฝึกฝนนั้นเร็วกว่าผู้ฝึกยุทธ์ทั่วไปหลายเท่า

ดังนั้น ถึงแม้ว่าจะใช้เวลาไม่นานในการฟื้นฟูชีพจรเดิม แต่พลังแห่งฟ้าดินที่ดูดซับเข้าไปในร่างกายของฉู่หลิวเยว่นั้นมีมากพออยู่แล้ว

ตอนนี้สอบเข้าสำนักเทียนลู่ได้แล้ว นางไม่จำเป็นต้องปิดบังความจริงที่ว่าชีพจรเดิมนั้นได้รับฟื้นฟูแล้ว

บรรยากาศภายในห้องหนังสือช่างเงียบสงัด

ในไม่ช้าพลังแห่งฟ้าดินก็เริ่มหลั่งไหลเข้ามาท่วมร่างของฉู่หลิวเยว่!

ราตรีนี้ ข้าจะต้องบรรลุผู้ฝึกยุทธ์ให้จงได้!

คืนฝนพรำนี้มักจะลิขิตให้ไร้ความสงบสุข

ณ ตระกูลลู่

“เยี่ยนเอ๋อร์ ฉู่หลิวเยว่เอาชนะหมินหมิ่นในการสอบกลางภาคได้อย่างนั้นหรือ”

หลังจากการสอบกลางภาคสิ้นสุดลง ทางสำนักก็อนุญาตให้พักได้สามวัน ทันทีที่ลู่เฟยเยี่ยนกลับมาที่ตระกูลลู่ นางถูกลากไปสอบถามเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ในห้องหนังสือทันที

ลู่เฟยเยี่ยนเบะปาก

“จริงเจ้าค่ะ”

คนในตระกูลลู่หลายคนสบตากัน

“นี่…ฉู่หลิวเยว่ผู้ไร้ความสามารถกลายเป็นอัจฉริยะชั่วข้ามคืนจริงหรือ”

ตอนแรกที่ได้ยินเรื่องดังกล่าว ไม่ว่ายังไงพวกเขาก็ไม่เชื่อ

แม้กระทั่งหมอเทวดายังไมมีทางรักษาผู้ที่มีชีพจรพิการได้ แล้วฉู่หลิงเยว่ทำได้เยี่ยงไร

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่าถ้าไม่เชื่อก็ต้องเชื่อแล้วล่ะ!

“หึ ข้าว่าแล้วฉู่หลิวเยว่คนนี้แปลกเหลือเกิน นางสามารถเอาชนะหมินหมิ่นได้ ไม่เอาด้วยเล่ห์ก็ต้องเอาด้วยกล จิตใจโหดเหี้ยมยิ่งนัก ไม่เพียงแต่ชนะหมินหมิ่นได้เท่านั้น นางยังทำให้หมินหมิ่นเสียโฉมอีกด้วย ตอนนี้หมินหมิ่นคงโกรธแค้นนางยิ่งกว่าอะไรดี”

ผู้ใหญ่หลายคนถึงกับตกตะลึง จกานั้นทุกคนก็ส่ายหน้าเมื่อได้ฟังรายละเอียดในเรื่องนี้

“ฉู่หลิวเยว่ทำลายตระกูลฉู่ย่อยยับหมดแล้ว ตอนนี้นางแตกต่างจากเมื่อก่อนโดยสิ้นเชิง ประกอบกับฉู่หนิงได้เลื่อนเป็นแม่ทัพราชองครักษ์อีก ช่างกำเริบกันใหญ่แล้ว แต่เกรงว่าพวกเขาคงไม่ตั้งหลักในเมืองหลวงได้ง่ายๆ ขนาดนั้นหรอกนะ…”

“จดหมายจากตระกูลฉู่มาถึงแล้ว ผู้อาวุโสรอง ท่านดูสิ…”

“แม้เรากับตระกูลฉู่จะไม่มีอะไรกระทบกระทั่งมากนัก แต่ถึงอย่างไรหมินหมิ่นก็มีสายเลือดของตระกูลเราอยู่ครึ่งหนึ่ง ยิ่งไปกว่านั้น อูฐที่ผอมตายยังตัวใหญ่กว่าม้า[1] ไม่จำเป็นต้องทำให้ตระกูลฉู่ต้องขุ่นเคืองในเวลานี้”

“ขอรับ!”

ณ ตระกูลกู้

แม้ว่าจะเป็นวันหยุด แต่กู้หมิงเฟิงก็ไม่กลับมาที่ตระกูลเหมือนเมื่อก่อน

ไม่มีใครในตระกูลกู้สนใจเรื่องนี้ และพวกเขายังคงปรึกษาหารือว่าจะเอายังไงกับตระกูลฉู่ต่อไป

“สถานะของฉู่หนิงตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว หากไม่ไว้หน้าเขา ก็มิเท่ากับว่ามิไว้หน้าฝ่าบาทหรอกหรือ ตอนนี้อำนาจตระกูลฉู่เริ่มถดถอยไปเรื่อยๆ มิจำเป็นต้องเป็นกังวล…”

“ถึงจะพูดอย่างนั้น แต่ตระกูลฉู่ก็ยังมีคนที่โหดเหี้ยมอยู่บ้าง! ไม่ว่าฉู่หนิงจะแข็งแกร่งขนาดไหน เขาก็อยู่หัวเดียวกระเทียมลีบ ข้าคิดว่าเขาไม่สามารถเอาชนะคนในตระกูลฉู่ได้แน่นอน!”

“กล่าวเช่นนี้ แสดงว่าพวกเรา…”

“ยืนฝ่ายตระกูลฉู่!”

ณ ตระกูลซือ

ไม่นานหลังจากที่ซือถิงและซือหยางกลับมา พวกเขาถูกซือเยี่ยจือซึ่งเป็นประมุขตระกูลเรียกตัวไปพบเพื่อไต่ถาม

ภายในห้องนั้นนอกพวกเขาสามคนก็ไม่มีผู้ใดอีก

“พวกเจ้าคิดว่าฉู่หลิวเยว่เป็นยังไงบ้าง”

ซือเยี่ยจือเปิดประเด็นถามตามตรง

ซือหยางกระตือรือร้นตอบก่อน

“ท่านประมุข ฉู่หลิวเยว่คนนั้นเก่งจริงๆ พรสวรรค์ของนางเฉียดพี่ใหญ่ไปนิดเดียว คนในตระกูลฉู่ตาบอดมาตั้งหลายปีจริงๆ”

ซือเยี่ยจือไพล่มืองทั้งสองข้างไว้ด้านหลัง

“วันนี้ฉู่หลิวเยว่ตัดขาดกับตระกูลฉู่ไปแล้ว”

“อะไรนะ!”

ซือหยางพูดด้วยความตกใจ แต่ทันทีที่นึกถึงวิธีที่ตระกูลฉู่ปฏิบัติต่อนาง ก็รู้สึกว่านางไม่ได้ทำอะไรผิด

“…ตระกูลฉู่ทำกับนางไม่ดีขนาดนั้น ที่นางขอตัดขาดความสัมพันธ์ก็สามารถเข้าใจได้…ใจกล้าบ้าบิ่นจริง!”

ซือถิงที่นิ่งเงียบ ในที่สุดก็มองไปที่ซือเยี่ยจือ

“ท่านประมุข ท่านเลือกใคร”

ซือเยี่ยจือเหลือบมองเขาอย่างชื่นชม

จิตใจที่เด็ดเดี่ยวและฉลาดหลักแหลมเช่นนี้ เป็นคนที่สามารถรับผิดชอบได้อย่างแท้จริง!

“ตระกูลฉู่”

“อันที่จริง ไม่ได้มีแค่ข้าเท่านั้น แต่คนทั้งเมืองหลวงก็น่าจะเลือกเช่นเดียวกัน เกรงว่า…ตระกูลฉู่ไม่ทำให้นางได้มีเวลาและโอกาสลืมตาอ้าปากอย่างแน่นอน”

ซือถิงกลับส่ายหน้าไม่เห็นด้วย

“ข้าอยากให้ท่านเลือกฉู่หลิวเยว่มากกว่า”

ซือเยี่ยจือประหลาดใจอย่างยิ่ง

“เพราะเหตุใด”

ซือถิงนิ่งเงียบครู่หนึ่ง

“พรสวรรค์ของนางเหนือกว่าข้ามาก อีกอย่าง…น่าจะเป็นนางมากกว่าที่ไม่ให้โอกาสใดๆ กับตระกูลฉู่อีก!”

ตอนที่ 76 หน้ากระดาษที่ขาดหาย

ฝนยังคงตกหนักไม่ขาดสาย

ภายในห้องหนังสือ ฉู่หลิวเยว่รวบรวมสมาธิแล้วดูดซับพลังแห่งฟ้าดินรอบกายอย่างรวดเร็ว

เวลาค่อยๆ ผ่านไปช้าๆ

ฉู่หลิวเยว่ค่อยๆ รู้สึกตัวว่ามีบางอย่างผิดปกติ

พลังเหล่านั้นหลั่งไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง และไหลอย่างรวดเร็วไปยังจุดตันเถียนตามเส้นชีพจร พวกมันไม่ได้สร้างเป็นหยวนตันเพื่อกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ แต่ถูกดูดกลืนเข้าไปในทะเลสาบเล็กๆ ข้างในนั้นแทน

หากต้องการเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริงก็จำเป็นต้องหลอมรวมหยวนตันให้ได้เสียก่อน

สำหรับฉู่หลิวเยว่ นางมีพลังในร่างกายเหลือล้น หากก่อร่างหยวนตันได้ต่อไปก็เป็นเรื่องง่ายมากขึ้น

แต่หลังจากนั้นไม่นาน พลังแห่งฟ้าดินก็ถูกดูดซึมเข้าสู่ร่างกายอีกครั้ง แต่ก็ไม่สามารถควบแน่นเป็นหยวนตันได้!

หลังจากถ่ายเทลงไปในทะเลสาบ พลังเหล่านั้นดูเหมือนจะถูกกลืนหายไปอย่างไร้ร่องรอย แม้แต่ร่องรอยของคลื่นสักลูกก็ไม่เกิดขึ้น!

ฉู่หลิวเยว่จึงค่อยๆ ตระหนักได้ว่ามีบางอย่างที่ร้ายแรงเกิดขึ้น

…หากเป็นเช่นนี้ต่อไป นางคงไม่สามารถควบแน่นหยวนตันและไม่สามารถกลายเป็นผู้ฝึกยุทธ์ได้แล้วใช่หรือไม่!

แต่หยวนตันมีความสำคัญมากสำหรับผู้ฝึกยุทธ์!

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหลังจากทะลวงผ่านไปถึงผู้ฝึกยุทธ์ขั้นที่สี่ หยวนตันก็จะยิ่งมีความสำคัญมากกว่าสำหรับผู้ฝึกยุทธ์!

ถ้านางไม่มีหยวนตัน นางก็จะไม่นับว่าเป็นผู้ฝึกยุทธ์ที่แท้จริง และพลังของนางก็จะถูกจำกัดอย่างมาก!

ฉู่หลิวเยว่พยายามรักษาพลังดั้งเดิมเหล่านั้นและรวบรวมพวกมันเข้าด้วยกัน แต่ทำอย่างไรนางก็ทำไม่ได้เลยสักครั้ง

“พลังของทะเลสาบนี้ครอบคลุมพลังของข้าโดยตรง…”

ฉู่หลิวเยว่ลืมตาขึ้นและพึมพำเสียงแผ่วเบา

หากอาศัยพลังความสามารถในปัจจุบันของนางเพียงอย่างเดียว นางไม่สามารถเอาชนะทะเลสาบในร่างกายของนางได้

ช่างยากเย็นยิ่งนัก!

ตกลงทะเลสาบนั้นคือสิ่งใดกันแน่

ฉู่หลิวเยว่มั่นใจว่าทะเลสาบไม่ได้ทำอันตรายถึงชีวิตแก่ตัวนางเอง และแม้เมื่อนางตกอยู่ในอันตราย ทะเลสาบก็ยังสามารถระเบิดพลังออกมาเพื่อช่วยนางได้อีกด้วย

แต่ถ้านางไม่รู้ว่านี่คืออะไร แล้วมันจะติดอยู่ตรงนี้ตลอดไปหรือไม่

ฉู่หลิวเยว่มองไปที่มือของตนเอง

นางจำได้ชัดเจนว่าเมื่อครั้งนางฟื้นขึ้นมาจากการเกิดใหม่ก็เห็นว่ามีลวดลายแปลกประหลาดปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของนาง

ต่อมา เมื่อลวดลายนั้นหายไปกลับมีหน้ากระดาษหนังสือที่ฉีกขาดปรากฏขึ้นมาในจุดตันเถียนของนาง

จากนั้นหน้ากระดาษหนังสือที่ฉีกขาดก็กลายเป็นทะเลสาบแล้วเลือนหายไปในความเงียบสงบ

ครั้งสุดท้ายที่มีการเคลื่อนไหวในทะเลสาบแห่งนี้ก็คือเมื่อครั้งที่นางฟื้นฟูชีพจรเดิม

ตอนแรกฉู่หลิวเยว่ก็ไม่ได้ให้ความสนใจมากนัก แต่นางไม่ได้คาดคิดว่าสิ่งนี้จะขัดขวางนางในการรวบรวมหยวนตันครั้งนี้!

ต่อจากนั้น ฉู่หลิวเยว่ก็พยายามอีกหลายครั้งอย่างไม่สบอารมณ์ แล้วทุกอย่างก็จบลงด้วยความล้มเหลว

ด้านนอกหน้าต่างที่เห็นว่าฝนยังไม่หยุดกระหน่ำเทลงมานั้นยิ่งทำให้นางรู้สึกหงุดหงิด

“นี่มันคืออะไรกันแน่”

ทันทีที่สิ้นเสียงของนาง ฉู่หลิวเยว่ก็รู้สึกตกใจเมื่อเกิดการเคลื่อนไหวในจุดตันเถียน!

พลังอันน่าสะพรึงกลัวพุ่งออกมาจากทะเลสาบ!

ร่างกายของฉู่หลิวเยว่เกิดความสั่นไหวในทันที แล้วโลหิตก็เกิดการไหลเวียนที่บริเวณระหว่างหน้าอกและหน้าท้องของนาง!

นางรีบควบคุมทำให้ร่างมั่นคงทันทีและมองไปที่จุดตันเถียนของนาง!

เมื่อนางมองเห็นก็ตกตะลึงค้างทันที

นางเห็นทะเลสาบที่เดิมลอยอยู่ในอากาศ แต่ตอนนี้มันกลับเปลี่ยนรูปร่างอย่างรวดเร็ว และในที่สุดก็กลายเป็นหน้ากระดาษหนังสือที่โปร่งใสอีกครั้ง!

มันเป็นหน้ากระดาษที่ฉู่หลิวเยว่เคยเห็นมาก่อน!

เพียงแต่ว่าคราวนี้กลับมีลำแสงสีแดงมาบรรจบกันอย่างรวดเร็วบนหน้าหนังสือ!

หัวใจของฉู่หลิวเยว่แทบตกไปที่ตาตุ่ม…การเปลี่ยนแปลงกะทันหันนี้หมายความว่าอย่างไร

ลำแสงสีแดงบนหน้าหนังสือโปร่งใสค่อยๆ รวมตัวกันเป็นคำหนึ่งคำ…หรือ!”

ฉู่หลิวเยว่จดจ่อและมองให้ชัดมากขึ้น

และคำที่สองก็ปรากฏขึ้นตามมาเช่นกัน!

คราวนี้ในที่สุดฉู่หลิวเยว่ก็เห็นตัวอักษรที่เป็นคำชัดเจน

“โง่เขลา”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

ข้อความปรากฏบนหน้ากระดาษโปร่งใสลึกลับ นางคิดไม่ถึงว่าครั้งแรกที่เห็นจะเป็นคำๆ นี้…

“เจ้ากำลังด่าข้าหรือ”

ฉู่หลิวเยว่ถามด้วยความเหลือเชื่อ

หน้ากระดาษหนังสือสั่นไหวเล็กน้อย และตัวอักษรบนนั้นก็หายไปอย่างรวดเร็ว

แต่ความตกใจของฉู่หลิวเยว่ยังไม่ได้หายไปไหน

หลังจากประสบพบเจอกับสิ่งที่เกิดขึ้นล่าสุด นางแอบคาดเดาว่าหน้าหนังสือโปร่งใสนี้น่าจะเป็นสิ่งล้ำค่าที่ขาดหายไป

นางเองก็ไม่รู้แม้กระทั่งว่าสรุปแล้วมันคือสิ่งใดกันแน่

แต่ตอนนี้ดูเหมือนว่ามันจะมีจิตสำนึกในตัวของมันเองแล้วจริงๆ!

“ตกลงเจ้าคือผู้ใดกันแน่”

ฉู่หลิวเยว่ระงับความตกใจและเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา

มีสิ่งนั้นอยู่ในจุดตันเถียน มันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะให้รู้สึกสบายใจ

ในไม่ช้า ก็มีข้อความอีกบรรทัดหนึ่งปรากฏขึ้นบนหน้าหนังสือ

“หยวนตันหลอมรวมพลังแห่งฟ้าดิน เพียงหนึ่งกระบวยก็ล้นได้”

ฉู่หลิวเยว่ตกตะลึง

หมายความว่าพลังแห่งฟ้าดินที่หยวนตันสามารถควบแน่นมีน้อยเกินไปอย่างนั้นหรือ

แต่มันก็เป็นเรื่องปกติมิใช่หรือ

ผู้ฝึกยุทธ์จำนวนมากในโลกนี้ หากหยวนตันสามารถรวมพลังแห่งฟ้าดินได้นับไม่ถ้วน เช่นนั้นก็มิเป็นการก่อให้เกิดความโกลาหลหรอกหรือ

ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อระดับของผู้ฝึกยุทธ์เพิ่มขั้นมากยิ่งขึ้น หยวนตันก็จะค่อยๆ แข็งแกร่งขึ้นตามไปด้วย! และสามารถบรรจุพลังที่อยู่ภายในมากขึ้นเรื่อยๆ!

เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องที่ทำสำเร็จได้ภายในชั่วข้ามคืน

ดูเหมือนว่ามันสามารถคาดเดาความคิดที่อยู่ในใจของนาง เมื่อข้อความบรรทัดนั้นหายไป ก็มีข้อความบรรทัดใหม่ปรากฏขึ้น

“โง่ไม่มีที่เปรียบ”

ฉู่หลิวเยว่ “…”

เมื่อรวมนางในชาติที่แล้วและชาตินี้ ครั้งนี้เป็นครั้งแรกที่นางโดนด่าเช่นนี้

โดยไม่รอให้นางพูดอะไร ตัวอักษรเหล่านั้นก็หายไปอย่างสมบูรณ์ และแม้แต่หน้ากระดาษหนังสือก็กระจายหายไปอีกครั้งแล้วก่อตัวเป็นทะเลสาบ

ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่แยแสนางเลย…

ฉู่หลิวเยว่จ้องไปที่ทะเลสาบที่ลอยอยู่ข้างในจุดตันเถียน แล้วเข้าสู่ห้วงแห่งความคิด

ประโยคนั้นหมายความว่าอย่างไร

หยวนตันหนึ่งกระบวยก็ล้น…

เป็นไปได้ไหมที่จะบอกว่ามันสามารถบรรจุพลังแห่งฟ้าดินได้มากขึ้น

เมื่อคิดได้ถึงข้อนี้ ทันใดนั้นฉู่หลิวเยว่ก็ใจสั่น

นางเริ่มพยายามสัมผัสถึงพลังที่มีอยู่ในทะเลสาบ

กว้างใหญ่ไพศาลและไร้ตัวตน!

ฉู่หลิวเยว่กลั้นหายใจ พยายามชี้นำพลังที่อยู่ในนั้นอย่างระมัดระวัง

ระลอกคลื่นกระเพื่อมเบาๆ บนพื้นผิวทะเลสาบ

ตู้ม!

ทันใดนั้น พลังอันน่าสยดสยองก็พุ่งออกจากทะเลสาบและไหลไปตามร่างกายของฉู่หลิวเยว่!

ฉู่หลิวเยว่ก็ลืมตาขึ้นทันทีและชี้นิ้วไปข้างหน้า!

ประตูใหญ่ก็แตกกระจุยทันที!

[1] อูฐที่ผอมตายยังตัวใหญ่กว่าม้า คำพังเพย หมายถึงตระกูลร่ำรวยที่จนลง แต่ก็ยังรวยกว่าตระกูลที่จนมาตั้งแต่แรก