บทที่ 70 รับศึกทั้งนอกใน

เปิดระบบสุดโกงอัปสกิลหมอ

ถูกต้อง ครั้งที่แล้วที่หลิวซือฉีเห็นเฉินชางเย็บแผล เฉินชางเพิ่งจะมีทักษะอยู่ในระดับสูงเท่านั้น แต่คราวนี้ทักษะการเย็บแผลของเฉินชางไปถึงระดับปรมาจารย์แล้ว

เขามีเทคนิคพิเศษเพิ่มขึ้นมาอย่างหนึ่ง เรียกได้ว่าส่งผลต่อการเย็บแผลอย่างไม่ธรรมดา!

ระดับความเข้าใจกายวิภาคอยู่ในระดับสูง!

เฉินชางพยายามทำให้อัตราการเกิดพังผืดลดลงจนอยู่ในระดับต่ำสุด

ส่วนสำคัญในการเย็บแผลก็อยู่ตรงนี้ จะระมัดระวังเท่าไหร่ก็ไม่มากเกินไป!

ไม่นานการเย็บก็เสร็จสมบูรณ์!

เป็นผลงานที่สมบูรณ์แบบ!

ปราณีตอย่างมหัศจรรย์!

หลิวซือฉีตบขาอย่างอดไม่อยู่ งดงามขนาดนี้เชียว!

ทว่า…เมื่อคิดว่าจะรั้งคนที่มีพรสวรรค์แบบนี้ไว้ไม่ได้ เขาก็รู้สึกเสียดาย

แต่อนาคตยังอีกยาวไกล ยังมีเวลาอีกนาน อย่างไรเสียโรงพยาบาลประชาชนแห่งมณฑลก็ดีกว่าโรงพยาบาลอันดับสอง ไม่ใช่ว่าจะไม่มีโอกาสเสียทีเดียว

ให้คะแนน!

อืม…

หลิวซือฉีให้คะแนนเต็มกับเฉินชางเพราะเขาพอใจมาก ทำไมจะไม่เต็มล่ะ?

งกหรือ?

เก็บไว้กับอากาศหรือไง?

ฮ่าๆ คนที่มีความสามารถโดดเด่นก็ต้องแสดงออกมาเต็มที่!

ไม่ใช่แค่หลิวซือฉี คนอื่นๆ มองใบคะแนนของกันและกัน อดยิ้มออกมาไม่ได้

เพราะทุกคนต่างก็ให้คะแนนเต็ม!

ในเมื่อมีความโดดเด่นมากพอ ทำไมจะต้องตระหนี่คะแนนด้วยล่ะ?

ความจริงเมื่อดูจากผลงานของอีกสองคนแล้ว ผู้เชี่ยวชาญทุกคนก็ไม่ได้ให้คะแนนต่ำเลย ถึงอย่างไรก็สร้างผลงานได้ดี เบอร์หนึ่งโดดเด่นมาก มีความมั่นคงและปราณีต นับว่าเป็นคนหนุ่มรุ่นใหม่ที่มีความสามารถสูง ให้เก้าสิบคะแนนเป็นรางวัลได้เลย

ส่วนคนที่อยู่ในห้องผ่าตัดเบอร์สอง อยู่ในระดับปานกลาง ไม่อาจเรียกได้ว่าโดดเด่น แต่ก็พูดไม่ได้ว่าแย่ ถึงอย่างไร…หลี่ซื่อเจี้ยนก็อยู่ในแผนกศัลยกรรมทรวงอกมาแล้วสองปี เขียนประวัติผู้ป่วยมาสองปี ทำงานทางด้านการแพทย์มาสองปี อยู่กับความสับสนวุ่นวายมาสองปี จับตะขอถืออุปกรณ์ในการผ่าตัดมาอย่างโชกโชน มีโอกาสให้เขาผ่าตัดที่ไหนกัน ถึงอย่างไรหัวหน้าสือของพวกเขาก็เป็นพวกไม่เอาอ่าว นอกจากเอาแต่เลียผู้เชี่ยวชาญแล้ว อย่างอื่นก็ไม่เชี่ยวชาญอะไรเลย!

ดังนั้นหลี่ซื่อเจี้ยนมีฝีมือการผ่าตัดอยู่ในระดับธรรมดาแบบนี้ได้ก็นับว่าไม่เลวแล้ว ยังพอมีเวลา ยังกลายเป็นคนที่มีความสามารถได้อีก

ส่วนเบอร์สาม…

คะแนนไม่ใช่สิ่งสำคัญอีกต่อไป ตอนนี้หัวหน้าแผนกแต่ละคนรู้สึกพึงพอใจและสนอกสนใจชายหนุ่มคนนี้มาก คนหนุ่มที่โดดเด่นขนาดนี้อยู่สำนักไหนกัน? อาจารย์เป็นใครมาจากไหน? วิชาลับที่ปรับปรุงการผ่าตัดไส้ติ่งด้วยแผลเล็กจนยอดเยี่ยมขนาดนี้มาจากผู้ยอดเยี่ยมคนไหนกันแน่ ทุกคนต่างก็รู้สึกสงสัย

เมื่อการผ่าตัดสิ้นสุดลง ทั้งสามก็ถูกพาตัวไปยังห้องสำนักงานเพื่อให้ผู้เชี่ยวชาญตัดสิน

เบอร์หนึ่งคือโจวเสี่ยวตง หลังเดินเข้ามาก็โค้งตัวแสดงความเคารพ “อาจารย์ผู้เชี่ยวชาญทุกท่าน สวัสดีครับ ผมหมายเลขหนึ่งครับ”

ตอนที่โจวเสี่ยวตงเข้ามาก็เห็นเฉียนเลี่ยงซึ่งเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของตนตอนเรียนปริญญาโท

เฉียนเลี่ยงจึงพยักหน้าทักทายโจวเสี่ยวตงเล็กน้อย

การแนะนำเริ่มต้นขึ้นแล้ว เฉียนเลี่ยงพูดยิ้มๆ ว่า “โจวเสี่ยวตงเป็นนักศึกษาของผมเอง ความจริงจากที่ผมเห็นในวันนี้ ผมรู้สึกว่าเขาแตกต่างไปจากเดิมเล็กน้อย ผมรู้จักเขาดี ผมจะให้คำแนะนำสักหน่อยแล้วกัน”

“เสี่ยวตง พอเข้ามาทำงานที่แผนกแล้วคงเทียบกับการเรียนที่มหาวิทยาลัยไม่ได้ ผมดูการผ่าตัดของคุณในวันนี้แล้ว เป็นการผ่าตัดไส้ติ่งสองเคส การผ่าตัดกระเพาะอาหารหนึ่งเคส ดังนั้นมีการผ่าตัดสองเคสที่เป็นความเชี่ยวชาญเฉพาะทางของคุณ ผมค่อนข้างพอใจมากจริงๆ ผลงานของคุณในวันนี้ยอดเยี่ยมกว่าเมื่อสองปีก่อนมาก!”

“การเป็นหมอก็เป็นแบบนี้ จะต้องพัฒนาตัวเองไม่หยุด ทำทุกเรื่องให้ดีที่สุด ทำการผ่าตัดทุกเคสให้สมบูรณ์แบบ เย็บแผลทุกแผลให้ดี คุณทำได้ไม่เลวเลย สองปีมานี้พัฒนาขึ้นมาก”

“แต่ว่า…จุดอ่อนของคุณก็ยังมีอยู่ และยังเห็นชัดเจนด้วย นั่นก็คือตอนที่คุณผ่าตัด คุณจะเดินตามเส้นทางเก่าของพวกผม…การเลียนแบบไม่ได้ผิดอะไร แต่การเลียนแบบไม่อาจทำให้คุณโดดเด่นได้ เป้าหมายของการผ่าตัดก็คือช่วยชีวิตผู้ป่วย ต้องทำการผ่าตัดที่ทุกคนอยากเรียนรู้จากคุณออกมาให้ได้ จนกระทั่งตอนนี้คุณก็ยังไม่ได้เรียนรู้การผ่าตัดเพิ่มเติม ผมหวังว่าครั้งต่อไปที่เห็นคุณผ่าตัดจะทำให้ผมตกใจได้บ้าง สุดท้ายคะแนนของคุณคือเก้าสิบคะแนน สรุปก็คือไม่ได้ทำให้ผมผิดหวัง พยายามต่อไปนะครับ!”

เมื่อพูดจบก็มีผู้เชี่ยวชาญอีกคนหนึ่งเข้ามาให้คำแนะนำกับหลี่ซื่อเจี้ยน เขามองไปยังท่าทางไร้ชีวิตชีวาของหลี่ซื่อเจี้ยนก่อนจะพูดขึ้นว่า “การผ่าตัดของคุณค่อนข้างมั่นคง ทักษะพื้นฐานค่อนข้างดี แต่ว่า…คุณไม่คิดว่าการผ่าตัดของคุณไม่มีจิตวิญญาณหรือครับ? การเคลื่อนไหวของคุณแข็งเกินไป ขาดความกระตือรือร้น ความจริงตอนที่คุณผ่าตัดมีข้อด้อยอย่างหนึ่งที่เห็นได้ชัดเจน นั่นก็คือในตอนที่คุณเผชิญหน้ากับอาการอักเสบจนมีหนองไหลออกมากะทันหัน…สาเหตุเป็นเพราะคุณมีความสามารถไม่พอ อาจขาดกระบวนการคิดและความรู้อันเป็นเอกลักษณ์ในการผ่าตัดไปบ้าง ยังต้องพัฒนาให้ดี”

จนกระทั่งมาถึงเฉินชางเบอร์สาม

ตอนนี้ทุกคนไม่อยากพูดอะไร…

ที่ทุกคนไม่พูดก็เพราะเบอร์หนึ่งและเบอร์สองพวกเขาซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญมองเพียงนิดเดียวก็เห็นปัญหา

แต่กับเฉินชาง พวกเขาไม่รู้ว่าจะวิจารณ์อย่างไรดี…

พูดให้ชัดเจนก็คือการผ่าตัดไส้ติ่งของเฉินชางทำได้ดีกว่าพวกเขาแล้ว ในจุดนี้ไม่ได้กล่าวเกินจริงเลยสักนิด

ทันใดนั้นทุกคนจึงเริ่มเกี่ยงกันขึ้นมา

เมื่อเห็นทุกคนไม่อยากพูด หลิวซือฉีจึงพูดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด “ผมรู้จักเด็กคนนี้ ให้ผมพูดเองแล้วกัน”

“อืม เฉินชาง ผลงานของคุณในวันนี้ บอกตามตรงว่าทำให้ผมรู้สึกเหมือนรู้จักคุณใหม่อีกครั้ง ไม่เลว! ยอดเยี่ยมมาก! มีพรสวรรค์มากจริงๆ!”

“ในการผ่าตัดเคสแรก คุนมั่นใจว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบนอกช่องท้อง ทำให้พวกเราทุกคนแปลกใจจริงๆ…ส่วนการผ่าตัดเคสที่สอง คุณปรับปรุงการผ่าตัดไส้ติ่งด้วยแผลเล็กให้ดีขึ้น ทำให้พวกเราหลายคนตกใจ สุดท้ายเป็นการเย็บแผล…ผมไม่มีอะไรจะพูด คุณทำได้สมบูรณ์แบบจริงๆ!”

“การผ่าตัดเคสที่สามของคุณในวันนี้ผมวิจารณ์ไม่ได้จริงๆ นะครับ เพราะว่า…นอกจากชมคุณแล้ว ผมก็ไม่รู้ว่าจะตำหนิอะไร!”

เมื่อพูดออกมาเช่นนี้ ทุกคนจึงพากันหัวเราะด้วยความรู้สึกชอบใจ

เฉินชางยิ้มกว้าง แสดงถึงความขอบคุณ

ตอนนี้เองหลิวซือฉีสูดหายใจลึก พูดอย่างจริงจังว่า “ผมอยากพูดกับคุณประโยคหนึ่ง อย่าได้ทำผิดต่อพรสวรรค์ของคุณ อนาคตของคุณไม่หยุดอยู่เพียงแค่นี้แน่!”

หลังจากพูดประโยคนี้ออกมา ทุกคนพากันดวงตาเปล่งประกาย!

ใช่แล้ว โรงพยาบาลเล็กๆ อย่างโรงพยาบาลอันดับสองมีที่ให้พรสวรรค์ของคุณที่ไหนกัน ดังนั้น…แต่ละคนจึงมองไปยังเฉินชางด้วยสายตา “แอบแฝง”

ถึงประโยคนี้จะดูธรรมดา แต่เมื่อเข้าหู “หัวหน้างาน” อย่างห่าวซวี่เลี่ยงของพวกเราก็ทำให้เขาตกใจ!

คนพวกนี้นี่ แต่ละคนล้วนเป็นพวกมือถือสากปากถือศีล เห็นได้ชัดว่าคิดแย่งชิงเฉินชางของพวกเรา!

อะไรคืออนาคตไม่หยุดอยู่เพียงเท่านี้!

เห็นได้ชัดว่าต้องการล่อลวงเฉินชาง!

คิดอาศัยธุรกิจใหญ่โตของพวกคุณมาล่อลวงเฉินชางของพวกเราไป!

เมื่อคิดถึงตรงนี้ ห่าวซวี่เลี่ยงที่อยู่ในอาการตกใจก็รีบพูดขึ้นมาว่า “เอาละ ตอนนี้ผมจะประกาศผลให้ฟังนะครับ ที่หนึ่งคือเฉินชางหนึ่งร้อยคะแนน ที่สองโจวเสี่ยวตงเก้าสิบคะแนน ที่สามหลี่ซื่อเจี้ยนแปดสิบห้าคะแนน”

“ผลในวันนี้พวกเราจะ…ประกาศอย่างเร็วที่สุด! เฉินชาง คุณกลับไปเตรียมตัวให้ดีนะครับ”

ความจริงหากอิงตามอนุสัญญา อัตราการความเร็วในทำงานของบุคลากร ขั้นตอนและกฎหมายต่างๆ แล้ว…อย่างเร็วที่สุดคงประกาศได้อาทิตย์หน้า

แต่ว่า…ห่าวซวี่เลี่ยงกลัว! กลัวว่าถ้าช้าไปจะเกิดการเปลี่ยนแปลงขึ้น

จะอย่างไรก็มีศึกทั้งภายนอกและภายใน สถานการณ์ในโรงพยาบาลอันดับสองไม่สงบ ด้านนอกก็คิดจะใช้กำลังแย่งชิง ต้องรีบพูดเรื่องนี้กับผู้อำนวยการฉินให้ดี!

หลังจากการแข่งขันสิ้นสุดลง โจวเสี่ยวตงก็เดินเข้ามาพูดกับเฉินชางเบาๆ ว่า “หมอเฉิน!”

เฉินชางชะงัก หันไปมองโจวเสี่ยวตง “อะไรหรือครับ?”

โจวเสี่ยวตงยิ้ม “แลกวีแชทกันหน่อยนะครับ? อาจารย์ให้ผมเรียนรู้จากคุณให้มาก บอกว่าคุณเป็นคนมีความสามารถ  ผมคิดจะเดินตามอัจฉริยะอย่างคุณสักหน่อยน่ะครับ”

เฉินชางชะงักไป ล้วนเป็นคนในโรงพยาบาลเดียวกันย่อมไม่ปฏิเสธแน่นอนอยู่แล้ว หลังจากเพิ่มเพื่อน โจวเสี่ยวตงก็กระซิบขึ้นมาว่า “คือ…หมอเฉิน ผมไม่ได้ไม่พอใจอะไรคุณนะครับ แต่หัวหน้าแผนกของพวก…แค่กๆ เอาเป็นว่าพวกเราคบกันเป็นเพื่อน ไม่ผิดใจอะไรกันใช่ไหมครับ?”

เฉินชางเข้าใจขึ้นมาโดยพลัน ตอบด้วยรอยยิ้มว่า “ครับ ใช่ เป็นเพื่อนกัน!”

โจวเสี่ยวตงได้ยินก็ยิ้มอย่างเบิกบานใจพลางตบไหล่เฉินชาง “หัวหน้าแผนกของผมรออยู่ด้านนอก ผมไม่คุยกับคุณมากแล้ว ไม่งั้น…คงไม่ดี!”

พูดจบ โจวเสี่ยวตงก็หมุนตัวเดินออกไป

เฉินชางก็เตรียมตัวเดินไปเช่นกัน แต่จู่ๆ หลี่ซื่อเจี้ยนก็เดินมาหา ไม่มีความผิดหวังบนใบหน้า กระทั่งมีท่าทางเข้าอกเข้าใจและจนใจด้วยซ้ำ “หมอเฉิน พวกเรามาแลกวีแชทกันเถอะ สำหรับพวกเราพูดได้ว่าไม่ขัดแย้งก็ไม่รู้จักกัน”

เฉินชางมองไปยังหลี่ซื่อเจี้ยนที่ยิ้มอย่างปลงตก จากนั้นจึงยิ้มตอบ “ได้ครับ”

หลี่ซื่อเจี้ยนทอดถอนใจ จู่ๆ ก็พูดขึ้นว่า “ผมเตรียมลาออกแล้ว จะไปจากที่นี่แล้วครับ”

เฉินชางไม่เข้าใจ “ทำไมครับ?”

หลี่ซื่อเจี้ยนหัวเราะออกมา “ผมอยู่ในแผนกก็ไม่มีอนาคตอะไร ทำได้แต่งานใช้แรงทั่วไป ผมพูดได้แค่ว่าอยู่แผนกศัลยกรรมทรวงอก ถ้าไม่ประจบประแจงก็ต้องเปลี่ยนเจ้านาย ไม่งั้นก็ไม่มีความหมาย!”

“อีกอย่างผมก็เป็นพนักงานสัญญาจ้าง จะไปก็ไปได้ ไม่ว่าจะไปที่ไหนก็ดีกว่าที่นี่ทั้งนั้น ที่นี่ต้องทำงานเป็นเบ๊ให้รุ่นพี่เทพเซียนพวกนั้น วันๆ ได้ยินแต่เรื่องน่าหงุดหงิด”

พูดจบก็หัวเราะก่อนจะเดินออกไป

เฉินชางบ่นออกมา

เป็นเบ๊ให้รุ่นพี่เทพเซียนพวกนั้น?

มุกอะไรของคุณเนี่ย?