เวลาเพียงพริบตาเดียว สถานที่ตรงหน้าของอวิ๋นเจี่ยวก็เปลี่ยนไป เห็นเพียงแต่บริเวณพื้นรอบด้านถูกปูด้วยหินอัญมณี โปร่งใสส่องแสงประกายแวววาวราวกับวังคริสตัล สิ่งของบริเวณโดยรอบเป็นสิ่งที่นางไม่เคยเห็นมาก่อน ทุกมุมแสดงออกถึงความประณีต หรูหราราวกับเป็นฉากที่จัดเตรียมไว้เฉพาะในภาพยนตร์
สำหรับนางแล้ว สถานที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความไม่คุ้นเคย เพียงแค่สามารถเดาได้ว่าเป็นตำหนักอะไรสักแห่ง
“เจ้าเป็นมนุษย์ที่เคยช่วยลูกของข้า?” เสียงมีอำนาจเสียงหนึ่งลอยมาจากทางด้านหลัง
อวิ๋นเจี่ยวหันไปมอง พบว่าบริเวณที่นั่งหลักนั่นมีคนนั่งอยู่ ชายหนุ่มอายุราวสี่สิบปี สวมชุดยาวและประณีต สีหน้าเคร่งขรึม บนหัวสวมเครื่องประดับที่ทำจากกะโหลกที่ถูกประดิษฐ์ออกมาอย่างพิถีพิถัน บริเวณรอบตัวมีพลังสีเขียวแผ่ขยายออกมา
นี่คือ… พลังมาร?
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกใจเต้นผิดจังหวะไปหนึ่งที
ชายผู้นั้นจ้องมองอวิ๋นเจี่ยว กวาดตามองนางขึ้นลงหลายครั้ง สายตาเต็มไปด้วยความพินิจและสงสัย แต่ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างเขานั้น กลับมีสีหน้าดีใจ สายตาที่มองมายังนางมีลุกวาว ด้านหลังของเขามีหางสีเทาโผล่ออกมาเหมือนจิ้งจอกน้อย กำลังกวักแกว่งไปมาอย่างรวดเร็ว
“เรียนท่านอ๋อง ท่านนี้คือหมออวิ๋นแห่งสำนักชิงหยาง!” จิ้งจอกน้อยคุกเข่าลงบนพื้นด้วยความเคารพ พร้อมกับตอบคำถาม “ข้าน้อยเชิญเขามาได้ตามคำสั่งแล้ว”
“…” พวกเจ้าเรียกการลักพาตัวว่าเชิญหรือ
“อืม” คนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พยักหน้า แต่สีหน้ากลับไม่แสดงออกถึงความดีใจเท่าไรนัก สายตายิ่งแสดงออกถึงความขุ่นเคืองอย่างไร้สาเหตุ
“เจ้าแน่ใจว่านางสามารถรักษาองค์หญิงได้?”
“ได้แน่นอน!” จิ้งจอกน้อยพยักหน้าอย่างแรงด้วยความมั่นใจ
อวิ๋นเจี่ยว “…” แม้แต่ผู้ป่วยยังไม่เจอ อย่ามาตอบรับมั่วซั่วแทนกันสิ!
“หมออวิ๋นนางเก่งมาก!” จิ้งจอกน้อยไม่วายจะพูดเสริมขึ้นมา “หมออวิ๋นนางไม่มีอะไรที่ทำไม่เป็น นางรักษาได้ทุกโรค”
อย่ามาตั้งความคาดหวังง่ายๆ แบบนี้สิ!
อวิ๋นเจี่ยวจึงทำได้เพียงเดินขึ้นหน้าหนึ่งก้าว พูดด้วยเสียงทุ้มว่า
“ถึงแม้ข้าจะเป็นหมอ แต่ตอนนี้ยังไม่เห็นผู้ป่วย จะรักษาได้หรือไม่ต้องดูอาการของนางก่อน”
“ฮึ! รักษาได้จะดีที่สุด” คนที่นั่งอยู่นั้นไม่ได้หลงเชื่อคำคุยโวของจิ้งจอกน้อย แต่กลับยิ่งมองอวิ๋นเจี่ยวด้วยความระแวงมากขึ้น
“ในฐานะที่เจ้าเคยช่วยลูกข้า ข้าจะไม่เอาเรื่องที่เจ้าบุกรุกเข้ามาในเมืองมาร แต่หากรักษาไม่หาย…” เขาส่งเสียงเย็นในลำคอ ทันใดนั้นมีพลังบางอย่างพุ่งมาทางนางอย่างรวดเร็ว
“…” อวิ๋นเจี่ยวสีหน้าเปลี่ยนไป นี่จะ…ป่วนการรักษาอัพเลเวล? รักษาไม่หายจะไม่ให้นางรอดออกไป?
หมอในยุคนี้อยู่ยากขนาดนี้เชียวหรือ
เดี๋ยวก่อน!
เมื่อกี้เขาบอกว่าที่นี่คือ…โลกมาร!
งั้นท่านอ๋องที่ว่าก็คือ…ราชามาร?
(⊙_⊙)
มาครั้งแรกก็เจอ ราชามารใหญ่เลย! ชักจะเร็วไปแล้ว
…
อวิ๋นเจี่ยวรู้สึกกระวนกระวายเล็กน้อย แต่สีหน้ากลับไม่มีการเปลี่ยนแปลง ท่าทางแสดงออกถึงความมั่นใจอย่างเต็มเปี่ยม
ราชามารถึงได้เก็บพลังของตัวเองกลับคืน อืม ดูท่าทางน่าเชื่อถือ ดีกว่ามนุษย์คนอื่นอย่างมาก
“ท่านพ่อ!” ชายหนุ่มที่ยืนอยู่ข้างราชามารเรียกเขาอย่างไม่พอใจ
“ช่างเถอะ!” ราชามารนวดขมับอย่างเหนื่อยหน่าย ก่อนจะถอนหายใจ
“แต่ละคนล้วนไม่ให้ข้าได้พักเลย พวกเจ้าพานางลงไปดูลี้เอ๋อเถอะ”
“รับทราบ ท่านพ่อ!” ชายหนุ่มคนนั้นถึงได้เดินลงมาอย่างรวดเร็ว มองไปทางอวิ๋นเจี่ยวด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะพูดว่า
“หมออวิ๋น เชิญ!”
พูดจบ ก็เดินนำอวิ๋นเจี่ยวออกจากตำหนัก เมื่อเทียบกับราชามารที่เย็นชาต่อมนุษย์ ชายหนุ่มตรงหน้านี้กลับกระตือรือร้นเป็นพิเศษ และท่าทางจะมากไปเสียด้วยซ้ำ
“หมออวิ๋น เชิญทางนี้ ระวังขั้นบันได!”
“หมออวิ๋น เดินทางมาเหนื่อย ต้องการพักผ่อนดื่มน้ำชาสักแก้วก่อนหรือไม่”
“หมออวิ๋น ตอนนี้จะถึงเวลาเที่ยงแล้ว ท่านทานข้าวหรือยัง”
“หมออวิ๋น ชนเผ่านกได้ส่งบรรณาการผลไม้มา อร่อยมาก ท่านจะลองหน่อยไหม”
“หมออวิ๋น…”
ชายหนุ่มพูดไม่หยุดตลอดทางราวกับนกกระจอก ดวงตาสีแดงสดจ้องมองอวิ๋นเจี่ยวตรงๆ มองจนนาง…รู้สึกขนลุก
“ท่าน…ชาย” อวิ๋นเจี่ยวตอบคำถามของเขาไม่ไหว จึงเอ่ยปากเป็นเชิงถาม
“แต่ก่อนข้า…เคยเจอท่าน?”
ทันทีที่พูดจบ หางที่แกว่งราวกับไม้กวาดตลอดทางหยุดลงไปทันที ท่าทางห่อเหี่ยวราวกับมะเขือที่ถูกแช่แข็ง สายตาลุกวาวมอดดับลง
“ท่านจำข้าไม่ได้?” สีหน้าเขาผิดหวังอย่างมาก
“เอ่อ…” เหมือนได้ยินเสียงอะไรบางอย่างแตก
จิ้งจอกน้อยที่อยู่ด้านข้างได้โอกาสพูดแทรกขึ้นมา
“หมออวิ๋น ท่านคือองค์ชายจี้เฉินไง!”
“…” ฮะ?
“วันนั้นองค์ชายถูกเผ่าปีศาจโจมตี พลังปีศาจเข้ากระแสเลือดทำให้กลับโลกมารไม่ได้ หมออวิ๋นเคยช่วยองค์ชายไว้ไง” พูดจบ เขายังชี้ไปที่ตำแหน่งหน้าท้อง
อวิ๋นเจี่ยวผงะไป ก่อนจะนึกขึ้นได้ “เจ้าคือหมาป่าสีเทาตัวนั้น?!” ตัวที่เจ้าจิ้งจอกพามา
ชายหนุ่มสีหน้าดีใจ พยักหน้าตอบ “ร่างเดิมของข้าเป็นหมาป่า หมออวิ๋นเรียกข้าว่าจี้เฉินก็พอ”
อวิ๋นเจี่ยวกวาดตามองเขาจากบนลงล่าง นางจำได้เพียงมันเป็นลูกหมาป่า ตอนนี้มาดูก็คงจะใช่ เพราะอายุพอกัน
“โชคดีที่หมออวิ๋นช่วยองค์ชายเอาไว้” จิ้งจอกน้อยพูดต่อ “ต่อมาองค์ชายฟื้นคืนมาก็พาข้ากลับโลกมาร ข้าถึงได้กลายร่างได้รวดเร็วเช่นนี้”
ที่แท้ก็เช่นนี้ มิน่าราชามารถึงได้บอกว่าตนเองเคยช่วยชีวิตลูกของเขา เมื่อนางนึกถึงจุดประสงค์ที่พานางมา นางจึงถามต่อ “องค์หญิงของพวกเจ้าเป็นอะไร”
ทั้งสองคนตะลึงไป สีหน้าดำทะมึนราวกับนึกอะไรขึ้นได้ เงียบไปสักพักจี้เฉินถึงได้พูดขึ้น
“ลี้เอ๋อเป็นน้องสาวของข้า ที่นางป่วยในครั้งนี้เป็นเพราะว่า…สูญเสียลูกแก้วพลังไป”
“…” ฮะ?
อวิ๋นเจี่ยวตะลึง ในตำราเขียนไว้ว่าลูกแก้วพลังเป็นลูกแก้วสำหรับเก็บพลังและการฝึกฝนของเผ่ามาร เท่ากับตันเถียนของมนุษย์ หากลูกแก้วหายไปเท่ากับว่าการฝึกฝนทั้งหมดเสียเปล่า หนักไปกว่านั้นแม้แต่สติปัญญาก็อาจจะหายไปด้วย
“หมออวิ๋น ตามข้าไปดูก็จะรู้เอง” จี้เฉินหยุดลงหน้าหอหลังหนึ่ง
หอนี้ทำด้วยไม้ทั้งหลัง มีขนาดเล็ก ด้านในปลูกเต็มไปด้วยดอกไม้ ราวกับแดนสวรรค์ สิ่งของตกแต่งล้วนประณีต แม้แต่โต๊ะและเก้าอี้ในสวนล้วนทำมาจากหินอัญมณี
อวิ๋นเจี่ยวอดไม่ได้ที่จะอุทาน โลกมารช่างมีเงินมากเสียจริง เมื่อคิดไปถึงสำนักชิงหยางที่ทั้งเก่าและทรุดโทรม โดนพายุก็ต้องมานั่งซ่อมหลังคา นางก็อดไม่ได้ที่จะอิจฉา คนไม่สู้มารจริงๆ
จี้เฉินเดินนำนางเข้ามาภายใน เดินมาถึงด้านในสุด นางถึงได้เห็นก้อนขนปุกปุยขนาดเล็กบนเตียง ขนสีดำสนิท ด้านหลังยังมีหางเรียวยาว บนหัวมีหูสามเหลี่ยมขนาดเล็ก นางราวกับสลบไป แต่ส่งเสียงร้องทรมานออกมาในบางครั้ง
“เมี๊ยว~~~”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
“นี่…เป็นน้องสาวเจ้า?”
“ใช่แล้ว” จี้เฉินพยักหน้าอย่างแรง
“น้องสาวแท้ๆ?”
“ใช่!”
“งั้น…” นางถามออกมาในทันที “ถามหน่อยได้ไหมว่าพ่อเจ้า…ราชามารนั้นร่างเดิมคือ?”
“พ่อข้าก็ต้องเป็นราชาหมาป่าสิ!”
“แล้วแม่เจ้าคือ?”
“ก็เป็นหมาป่าเหมือนกัน!”
“เจ้าแน่ใจ?”
“แน่ใจ”
อวิ๋นเจี่ยว “…”
อาจารย์ชีวะคงจะไม่ยอมเป็นแน่ หมาป่าสองตัวให้กำเนิดแมวออกมาได้อย่างไร
สักพัก…
“คำถามสุดท้าย” อวิ๋นเจี่ยวสูดลมหายใจเข้าลึกๆ
“หมออวิ๋นเชิญถาม”
“ข้างบ้านเจ้า…มีอาแมวแซ่หวังอาศัยอยู่หรือเปล่า”
จี้เฉิน “…”
จิ้งจอก “…”
ถึงแม้จะไม่เข้าใจความหมาย แต่ทำไมถึงรู้สึกตะขิดตะขวนใจขึ้นมา