ตอนที่ 25 ทวงคืนมารดา

คุณหนูสี่ สตรีเปื้อนเลือด

เมื่อส่งเสี่ยวโร่วไปยังโรงหมอแล้ว ฉินอวี้โม่ก็รีบออกมาและมุ่งหน้าเดินตรงไปยังจวนตระกูลฉินทันที!

ในเมื่อตอนนี้เสี่ยวโร่วอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้วนางจึงไม่ต้องกังวลว่าสาวใช้ของนางจะถูกคนต่ำช้าเหล่านั้นเล่นงานได้อีก

ณ จวนตระกูลฉิน

อดีตคุณหนูสี่ผู้มาเยือนตระกูลเดิมอีกครั้งเดินหน้าเข้าไปด้านในอย่างหยิ่งทะนงในทันทีโดยไม่สนใจพิธีรีตองใดๆ ทั้งสิ้น เวลานี้นางไม่จำเป็นต้องคอยหลบๆ ซ่อนๆ ลักลอบเข้าไปเหมือนเช่นที่เคยลอบออกจากจวนเมื่อครั้งยังอยู่ที่นี่อีก  นางออกจากตระกูลนี้แล้ว มีเงินทอง มีพลังยุทธ์ และไม่ต้องเกรงกลัวอิทธิพลของผู้ใดทั้งสิ้น และถ้าหากได้ตัวมารดากลับมาแล้วนางก็สามารถออกไปจากเมืองหลิงซีแห่งนี้ได้ทุกเมื่อตามที่ต้องการ

รอยยิ้มเหี้ยมเกรียมปรากฏบนใบหน้านวล ขณะที่ดวงตาคู่งามวาวโรจน์ด้วยความเดือดดาล เหยียบเข้ามายังที่แห่งนี้ในวันนี้ นางถือว่ามาเพื่อทวงคืนมารดาและ*….คิดบัญชีกับพวกสุนัขน่ารังเกียจ!*

“เหวยๆ นั่นไม่ใช่คุณหนูสี่สตรีไร้ค่าที่ถูกขับไล่ออกจากตระกูลฉินหรอกหรือ?  อะไรกัน?  อยู่ข้างนอกไม่ไหวแล้วงั้นรึ ถึงได้แบกหน้ากลับมาแบบนี้ อยากจะมา ‘ขออาศัย’ อีกครั้งหรือขอรับ?”

ชายผู้ทำหน้าที่เฝ้าประตูจวนมองเห็นฉินอวี้โม่เดินเข้ามาจึงคิดจะหยุดนางไว้ด้วยการกล่าวถ้อยคำเหยียดหยาม

“ไสหัวไป! แล้วหยุดเห่า เจ้าสุนัขรับใช้!”

ฉินอวี้โม่ต้องการหาตัวเยี่ยเสี่ยวตี๋ให้ได้โดยเร็วที่สุด นางไม่อยากเสียเวลากับสุนัขไร้ค่าเช่นนี้ ทันทีที่เสียงของอดีตคุณหนูของจวนสิ้นสุด ฝ่ามือของนางก็พุ่งออกไปและตวัดเข้าใส่หัวของยามเฝ้าประตูผู้นั้นอย่างรวดเร็วจนหน้าคว่ำลงไปกระแทกกับพื้น

— ป้าบ! —

สุนัขรับใช้ปากเสียถูกตบจนหน้าจูบพื้นและสลบคาที่ในทันที นักฆ่าสาวในร่างอดีตคุณหนูลงมือโดยไม่กะพริบตา ก่อนจะก้าวข้ามร่างของเขาและไม่ชายตาแลคนผู้นั้นอีก

“เยี่ยเสี่ยวตี๋ ส่งตัวท่านแม่ของข้าคืนมา!”

นางเดินตัดผ่านลานใหญ่ของจวนไปอย่างรวดเร็ว และรีบมุ่งเข้าสู่ลานกว้างหน้าเรือนของเยี่ยเสี่ยวตี๋ เมื่อมาถึงนางก็เห็นว่าฉินเทียนเองก็อยู่ที่นั่นด้วย และที่ข้างๆ สองสามีภรรยาน่าชังมีบุรุษอีกผู้หนึ่งยืนอยู่

คนผู้นั้นเป็นพี่ชายต่างมารดาของฉินอวี้โม่ เขาเป็นบุตรชายคนที่สองของผู้นำตระกูล–คุณชายรองแห่งตระกูลฉิน ‘ฉินซือขวง’

แม้ว่าเขาจะเป็นลูกชายคนรอง แต่เขาก็เป็นที่รักและโปรดปรานของฉินเทียนมากจนถูกวางตัวเอาไว้ให้เป็นผู้สืบทอดและจะขึ้นเป็นผู้นำตระกูลคนถัดไปต่อจากฉินเทียน

ชายคนนี้มีนิสัยเจ้าเล่ห์เพทุบาย แม้ว่าเขาจะไม่ได้เป็นผู้ลงมือรังแกฉินอวี้โม่บ่อยครั้งนัก แต่เขาคือผู้ที่คิดแผนกลั่นแกล้งมากมายให้กับฉินฉืออวี้ผู้เป็นน้องสาว คนผู้นี้เป็นพวกหน้าเนื้อใจเสือชอบใส่หน้ากากปั้นหน้าเสแสร้งอย่างแท้จริง

“แม่ของเจ้า? หึ เจ้าไม่ได้เป็นคนพานางออกไปเมื่อวานนี้หรอกหรือ?”

แม้ว่าเยี่ยเสี่ยวตี๋จะตอบกลับไปเช่นนั้น แต่ผ้าเช็ดหน้าในมือของนางก็เกือบจะถูกฉีกขาด เห็นได้ชัดว่านางกำลังกังวลใจเป็นอย่างมาก

“น้องสี่ ไม่ใช่เจ้าหรือที่ก่อเรื่องขึ้นจนถูกไล่ออกจากตระกูล และก็เป็นเจ้าเองที่พาฮูหยินอวี๋ออกไปเมื่อวานนี้  แล้วเหตุใดในยามนี้เจ้าถึงมาทวงถามกับแม่ของข้าในเรื่องนี้เล่า?”

ฉินซือขวงนั้นมองดูผิวเผินคล้ายเป็นสุภาพบุรุษ  ทว่าวาจาที่เข้าใช้กับน้องสาวต่างมารดากลับเต็มไปด้วยเจตนาถากถาง*….ซึ่งนั่นก็ช่วยเน้นย้ำให้ฉินอวี้โม่เข้าใจถึงบางสิ่ง*

“หุบปาก หยุดการเล่นละครของเจ้าซะ!”

ฉินอวี้โม่จ้องมองฉินซือขวงอย่างเย็นชา นางไม่อยากจะเสวนามากความกับคนผู้นี้

“เยี่ยเสี่ยวตี๋ ข้าขอถามเจ้าอีกครั้ง แม่ของข้าอยู่ที่ไหน?!”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่สามารถปกปิดความว่อกแว่กและร้อนรนในแววตาของตัวเองได้เลย  เรื่องนี้ก็ทำให้ฉินอวี้โม่ยิ่งมั่นใจมากขึ้นว่านางก็คือผู้ที่ลักพาตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นไป

“ฉินอวี้โม่ แม่ของเจ้าถูกเจ้าพาออกไปตั้งแต่เมื่อวาน แล้วข้าจะไปรู้เห็นได้อย่างไรว่านางอยู่ที่ใด อย่ามาแหกปากตะโกนโหวกเหวกโวยวายที่นี่  ตระกูลฉินของเราไม่ใช่ที่ที่เจ้าจะมาแสดงความป่าเถื่อนได้!”

จู่ๆ เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็ขว้างผ้าเช็ดหน้าในมือทิ้งและจ้องมองฉินอวี้โม่ด้วยสายตาดุดัน

‘ที่แห่งนี้คือจวนตระกูลฉิน  ส่วนฉินอวี้โม่ก็เป็นเพียงแค่ขยะไร้ค่าที่ถูกขับไล่ออกไปแล้ว แถมเวลานี้นังเด็กนี่ยังตัวคนเดียว แล้วมันจะทำอะไรนางได้’

“เหอะ เยี่ยเสี่ยวตี๋ อย่ามาตีหน้าซื่อ!”

ฉินอวี้โม่มองเยี่ยเสี่ยวตี๋ด้วยแววตาเย็นยะเยือก ตอนนี้รังสีแห่งการฆ่าฟันอันเข้มข้นแพร่กระจายออกมาจากร่างบางอย่างรุนแรงจนไม่อาจปกปิด

“เจ้าลูกเดรัจฉาน กล้าดียังไงถึงมาเอะอะเสียงดังที่นี่ บุกรุกเข้ามาในตระกูลฉินของเรา ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง ไม่มีสัมมาคารวะ ไม่มีคำทักทาย บุกเข้ามาถึงก็ตะโกนใส่แม่รองของตัวเอง นี่คือสิ่งที่แม่ของเจ้าสั่งสอนมารึ?!”

ฉินเทียนเปิดปากด่าทอ พลางมองดูบุตรสาวที่เขาขับไล่ออกจากจวนไปแล้วด้วยสายตาเดือดดาล

“หยุดปากซะ ข้ายังไม่ได้บอกให้เจ้าพูด! และที่สำคัญ คนอย่างพวกเจ้าไม่คู่ควรให้ข้าต้องกล่าวคำทักทาย!”

ฉินอวี้โม่ตวาดเสียงดังสวนกลับคำพูดของฉินเทียนอย่างฉับพลัน

“เยี่ยเสี่ยวตี๋ ถ้าเจ้าไม่บอกความจริงมา ก็อย่าได้ตำหนิหาว่าข้าอำมหิตก็แล้วกัน!”

สิ้นเสียงประกาศเย็นชา ร่างบางของฉินอวี้โม่ก็ราวกับหายวับไป นางพุ่งเข้าไปหาฉินซือขวงที่ยืนปั้นหน้าเป็นผู้ดีจอมปลอมอยู่ในขณะนี้ด้วยความเร็วที่ยากจะมองได้ทัน

ทว่าฉินซือขวงก็มีฝีมืออยู่ไม่น้อย เขามองเห็นทันทีว่าฉินอวี้โม่เข้ามาจู่โจมตน และเมื่อเห็นเช่นนั้นสายตาของคุณชายรองก็เต็มไปด้วยความดูถูก บุรุษจอมเสแสร้งไม่สามารถปกปิดรอยยิ้มของตัวเองได้*‘หึ ขยะไร้ค่ากล้าคิดจะชิงโจมตีเขาก่อน นี่มันไม่เท่ากับก้าวเข้าสู่ประตูนรกด้วยตัวเองเลยหรือ’*ในเมื่อนางขวัญกล้ากระทำการอาจหาญเช่นนี้ เขาก็จะสั่งสอนนางให้รู้สำนึกเอง

นั่นคือสิ่งที่ฉินซือขวงคิดอยู่ในหัว ทว่าในขณะกำลังจะชักกระบี่ออกมาเขาก็รู้สึกปวดแปลบที่ข้อมือ และทันใดนั้นร่างกายของเขาก็แข็งค้างไปทันทีก่อนที่เขาจะพบว่าตัวเองไม่สามารถเคลื่อนไหวได้อย่างใจนึกอีกแล้วเพราะร่างกายไม่ยอมตอบสนอง!

“เยี่ยเสี่ยวตี๋ รีบบอกมาว่าแม่ข้าอยู่ไหน?”

ฉินอวี้โม่กล่าวอย่างเย็นชา สายตาของนางจ้องเขม็งไปยังอนุภรรยาของบิดาบังเกิดเกล้า ขณะที่มือบางข้างหนึ่งจับอยู่ที่คอของฉินซือขวง

นางเริ่มหมดความอดทนแล้ว หากเยี่ยเสี่ยวตี๋ไม่ยอมพูดอีก ก็อย่าหาว่านางทำเกิดกว่าเหตุก็แล้วกัน!

“ข้าบอกไปแล้วว่าข้าไม่รู้ แม่เจ้าไปอยู่ที่ไหนมันเกี่ยวอะไรกับข้าด้วย?”

เยี่ยเสี่ยวตี๋ยังคงไม่ยอมรับ…ไม่สิ…ต้องกล่าวนางไม่สามารถยอมรับออกมาได้ต่างหากเรื่องที่นางส่งคนออกไปจับตัวอวี๋เสี่ยวอวิ๋นผู้นำตระกูลอย่างฉินเทียนเองก็ยังไม่ทราบ ถ้าหากว่าสามีที่เชื่อใจนางมาตลอดรู้เรื่องนี้เข้า เยี่ยเสี่ยวตี๋ก็นึกไม่ออกเช่นกันว่าสามีผู้แสนดีของนางจะมีปฏิกิริยาอย่างไร