โจวเหว่ยชิงไม่หลบสายตาของเธอ ใบหน้าของเขาแสดงสีหน้าอับจนหนทาง “ท่านพี่หรูเซ่อ ท่านจะตำหนิข้าไม่ได้ที่ร่างกายโตเร็วเกินไป!” ในขณะที่เขากล่าว เด็กหนุ่มก็จ้องไปยังหน้าอกที่ค่อนข้างแบนราบของหรูเซ่ออย่างละเอียด
“เจ้ามองอะไร! ถ้ายังไม่หยุดมอง ยายแก่อย่างข้าจะควักลูกตาเจ้าออกมาเอง! หากเจ้าหาหลักฐานมาแสดงไม่ได้ ข้าจะจับเจ้านำกลับไปที่ค่ายเพื่อจัดการตามกฎทหาร!” ในเวลานี้เซียวหรูเซ่อมัวแต่เอะอะจนเกือบลืมไปว่าตอนนี้โจวเหว่ยชิงเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว ถึงแม้ว่าอารมณ์ของเธอจะสงบนิ่งอยู่เสมอ แต่หลังจากที่ได้สัมผัสกับเรื่องน่าตกตะลึงต่างๆ เหล่านี้ เมื่อรวมกับการที่เหว่ยชิงจูบใบหน้าเธอไป เช่นนั้นเธอจะรักษาความสงบได้อย่างไร?
โจวเหว่ยชิงก้มศีรษะลงและมือทั้งสองก็เริ่มถอดเข็มขัด
“เจ้ากำลังทำอะไรน่ะ!!!?” ดาบยาวของเซียวหรูเซ่อยื่นไปดักด้านหน้าของเขา
โจวเหว่ยชิงแสดงสีหน้าราวกับว่าเขาเป็นเหยื่อของความอยุติธรรม “ท่านไม่ได้ขอให้ข้าแสดงหลักฐานหรอกเหรอ? ตอนที่เรายังเด็กๆ ท่านพาข้าไปเล่นน้ำที่ริมแม่น้ำและท่านก็ได้เห็นปานแดงบนก้นของข้า ดังนั้นข้าเลยจะแสดงหลักฐานให้ท่านดู” ในขณะที่พูด โจวเหว่ยชิงไม่ได้รอให้เซียวหรูเซ่อปฏิเสธ ปีศาจตัวน้อยหันหลังและดึงกางเกงของตนลงทันที จากนั้นก็เผยให้เห็นบั้นท้ายด้านซ้ายที่มีปานสีแดงสดวาดอยู่บนนั้น
เซียวหรูเซ่อตกตะลึงอย่างเห็นได้ชัด เธอรีบหันหลังหนีอย่างรวดเร็วด้วยใบหน้าแดงก่ำ จากนั้นก็พูดว่า “ใส่กางเกงของเจ้าซะ น่าเกลียดจริงๆ!”
โจวเหว่ยชิงรีบใส่กางเกงของเขาอย่างรวดเร็วพร้อมกับยิ้ม “ท่านพี่หรูเซ่อ ตอนนี้เชื่อข้าหรือยัง?”
เซียวหรูเซ่อแอบเหลียวกลับมาอย่างรวดเร็วและเมื่อเห็นว่าเขาใส่กางเกงดีแล้ว เธอจึงเก็บดาบยาวเข้าปลอกพร้อมกับถามอย่างประหลาดใจ “เจ้าคือโจวเหว่ยชิงจริงๆ หรือ? ไม่มีทาง! เจ้าไม่ได้เส้นชีพจรอุดตันหรอกหรือ?” เมื่อเธอพูดถึงตรงนี้ ทันใดนั้นเธอก็ต้องหยุดพูดเมื่อโจวเหว่ยชิงพูดแทรกขึ้นมา
“เมื่อก่อนข้าอาจเคยเป็นเศษสวะ แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าจะเป็นเศษสวะตลอดไปนี่” โจวเหว่ยชิงพูดอย่างเฉยเมย “ท่านพี่หรูเซ่อ ตอนข้ายังเป็นเด็ก หลังจากทุกคนค้นพบว่าข้ามีเส้นชีพจรอุดตัน ไม่มีเด็กคนไหนยอมเล่นกับข้าเลย ท่านพี่ มีเพียงท่านเท่านั้นที่เต็มใจพาข้าไปเที่ยวเล่นด้วย หลังจากเราแยกจากกัน นี่ก็ผ่านไป 7 ปีแล้ว! ในตอนนั้น ข้ามักจะคิดถึงท่านอยู่เสมอ ได้แต่คิดว่าจะดีแค่ไหนถ้าท่านเป็นพี่สาวของข้าจริงๆ…”
ในขณะที่พูดแบบนั้น ดวงตาของโจวเหว่ยชิงก็เปลี่ยนไปเป็นสีแดงด้วยอารมณ์เศร้าสร้อย ในช่วงเวลา 14 ปีที่ผ่านมา มีคนเพียง 2 คนเท่านั้นที่เขาสนิทที่สุด คนหนึ่งคือท่านแม่ และอีกคนคือเซียวหรูเซ่อ อาจกล่าวได้ว่าความทรงจำในช่วงวัยเด็กของโจวเหว่ยชิงมีเซียวหรูเซ่อครอบครองอยู่หลายส่วน
“เจ้าทึ่มน้อย! เจ้าตัวโตเกินกว่าจะมาร้องไห้แบบนั้นแล้วนะ! เจ้าเปลี่ยนไปมากจริงๆ แม้แต่พี่สาวคนนี้ก็จำเจ้าไม่ได้ อ้วนน้อยโจวหนออ้วนน้อยโจว ข้าน่าจะรู้ว่านั่นเป็นชื่อเจ้า!” เซียวหรูเซ่อเหยียดแขนออก และกอดโจวเหว่ยชิงที่ตัวสูงขึ้นมาก เหมือนกับในอดีตตอนที่เธอมักจะกอดปกป้องเขาเช่นนี้
ในอ้อมแขนของเซียวหรูเซ่อ โจวเหว่ยชิงรู้สึกแค่ว่าด้านหน้าของเธอนั้นแข็งมาก และได้แต่สงสัยว่าเธอสวมแผ่นเหล็กทับไว้หรือไม่ อย่างไรก็ตาม แม้ร่างกายของเธอไม่มีกลิ่นอายความอ่อนแอของหญิงสาวเลย แต่ก็มีกลิ่นหอมสะอาดที่ทำให้รู้สึกเบาสบายเป็นพิเศษ
อย่างไรก็ตาม หลังจากกอดกันไปได้ไม่กี่วินาที เซียวหรูเซ่อก็ตื่นขึ้นมาสู่ความเป็นจริง และรีบผลักโจวเหว่ยชิงออกไปข้างๆ “ตัวเจ้าเล่ห์น้อย! เจ้ารู้ก่อนหน้านี้ใช่ไหมว่าเป็นข้า? ฮึ่ม! แล้วเจ้ายังจะกล้าทำลายธนูอุษาม่วงของข้าเพื่อเล่นสนุกอีกอย่างงั้นเรอะ? เจ้าคันไม้คันมืออยู่ไม่เป็นสุขนักหรือไง!?”
โจวเหว่ยชิงเริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมาทันที “ท่านพี่ ฟังข้าอธิบายก่อน ตอนนั้นข้ายังจำท่านไม่ได้สักหน่อย!”
“ข้าไม่เชื่อเจ้าหรอก! เอาล่ะ ตอนนี้ข้าชักจะโมโหเจ้าขึ้นมาแล้ว! ก่อนอื่นมาให้ข้าระบายอารมณ์โกรธก่อน แล้วพวกเราค่อยมาคุยกันทีหลัง”
“อ๊าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!”
หนึ่งชั่วโมงต่อมา…
โจวเหว่ยชิงและเซียวหรูเซ่อนั่งอยู่ด้วยกันใต้ต้นไม้ใหญ่ ขณะที่โจวเหว่ยชิงเล่าเรื่องเหตุการณ์ทั้งหมดให้เธอฟังว่าเขาได้กลืนไข่มุกสีดำลงไปได้อย่างไร สมัครทหารอย่างไร และเหตุการณ์หลังจากนั้นเป็นอย่างไรอย่างละเอียด เขาเห็นว่าเซียวหรูเซ่อเป็นหนึ่งในคนที่ใกล้ชิดกับเขาที่สุด หรือก็คือเพื่อนที่สนิทที่สุด ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ปกปิดอะไรเธอเลยแม้น้อย และบอกแม้กระทั่งเรื่องราวความสัมพันธ์ระหว่างตนเองกับซ่างกวนปิงเอ๋อร์
“มิน่า เธอเลยปฏิบัติกับเจ้าแตกต่างกับคนอื่นๆ มากขนาดนี้ ข้าไม่คิดเลยว่าจริงๆ แล้วเจ้าจะทำแบบนั้นกับเธอ…ฮ่าๆๆๆๆ…” จู่ๆ เซียวหรูเซ่อก็หัวเราะออกมาเสียงดัง
“ท่านพี่ ท่านหัวเราะอะไรรึ?”
เซียวหรูเซ่อลูบท้องที่ปวดเกร็งเพราะหัวเราะมากเกินไป ก่อนจะพูดว่า “นี่ก็เหมือนเป็นการแก้แค้นแทนข้า! ซ่าง กวนปิงเอ๋อร์คว้าตำแหน่งผู้บัญชาการกองพันของข้าไปทั้งๆ ที่เธอจะไม่รู้อะไรเลยเกี่ยวกับการบัญชาการกองทัพ ข้าไม่เคยคิดเลยว่าเธอจะโดนคนอย่างเจ้าเอาเปรียบได้! อืม…หากมีของดียังไงก็ต้องเก็บไว้กับตัวให้ได้ ยังไงซะ เธอก็เป็นถึงจ้าวมณีสวรรค์ แต่ใครจะรู้ว่าท้ายที่สุดแล้วเธอจะกลายเป็นเครื่องสังเวยเพื่อปลุกมณีสวรรค์ของเจ้าให้ตื่นขึ้นมา ข้าไม่คิดเลยว่าเจ้าจะโชคดีขนาดนี้”
โจวเหว่ยชิงพูดด้วยสีหน้าบอกบุญไม่รับ “ท่านพี่ ตอนนี้ข้าเป็นทหารแล้ว อย่าเรียกข้าว่าเจ้าเด็กน้ำมูกย้อยอีกจะได้ไหม?”
เซียวหรูเซ่อส่งเสียงฮึ่มในลำคอ “ไม่ว่าเจ้าจะตัวใหญ่แค่ไหน ในสายตาของข้าเจ้าก็ยังเป็นเจ้าเด็กน้ำมูกย้อยอยู่ดี! ต่อจากนี้เจ้ามีแผนจะทำอะไร? ทำไมเจ้าไม่บอกลุงโจวว่าเจ้ากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว? ข้าเห็นเขาฝันถึงวันนี้มาตั้งนานแสนนานแล้วนี่นา”
โจวเหว่ยชิงส่ายหัวและพูดว่า “ข้าไม่ต้องการกลับไปที่ตระกูลตอนนี้ ขนาดตอนที่ข้ายังเป็นแค่เศษสวะ ข้ายังถูกเขาทรมานซะขนาดนั้น ถ้าเขารู้ว่าตอนนี้ข้ากลายเป็นจ้าวมณีสวรรค์แล้ว ข้าจะยังมีชีวิตดีๆ ได้อีกหรือ”
เซียวหรูเซ่อพูดด้วยรอยยิ้มจางๆ “ไอ้เจ้าทึ่มนี่ ข้าคิดว่าจริงๆ แล้วเจ้าไม่อยากจะบินหนีไปจากอ้อมอกของซ่างกวนปิงเอ๋อร์มากกว่า!”
…
โจวเหว่ยชิงไม่ได้พยายามปกปิดความจริงและพยักหน้าตามที่เธอพูด “ใช่ ข้ายังไม่อยากจะยอมแพ้ แม้ว่าวันนั้นมันจะเป็นความเข้าใจผิด แต่ข้าก็เป็นคนที่ทำร้ายเธอจริงๆ ถ้านั่นเป็นเจ้าหญิงตี้ฝูหยา เธอก็คงจะฆ่าข้าไปแล้ว แต่ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ไม่เพียงแต่ไม่ฆ่าข้าเท่านั้น แต่ยังสอนวิธีฝึกปราณให้ข้าด้วย ท่านพี่ ข้าชอบเธอจริงๆ”
เซียวหรูเซ่อมองโจวเหว่ยชิง ทันใดนั้นเธอก็ไม่รู้ว่าทำไมถึงได้รู้สึกฝาดเฝื่อนในใจเช่นนี้ เมื่อความเงียบอันน่าอึดอัดเกิดขึ้น เธอก็พูดแผ่วเบาว่า “ถ้าเจ้าชอบเธอ ก็เอาเลย ไปตามจีบเธอสิ ด้วยทักษะธาตุทั้ง 4 ของเหว่ยน้อยของข้า เจ้ายังจะต้องกลัวว่าจะจีบเธอไม่ติดอีกเหรอ? แม้ว่าซ่างกวนปิงเอ๋อร์จะไม่ได้เก่งด้านบัญชาการทหารมากนัก แต่เธอเป็นคนดีจริงๆ เอาเถอะ ในอนาคต พี่สาวคนนี้จะไม่ต่อต้านเธอแน่นอน…”
“ท่านพี่ ท่านเป็นอะไรหรือเปล่า?” โจวเหว่ยชิงมองเธออย่างสงสัย
เซียวหรู่รู้สึกตกใจ ใช่! เกิดอะไรขึ้นกับข้า? ข้าแก่กว่าเหว่ยชิงตั้ง 7 ปี! “ทำไมข้าจะไม่สบายดีล่ะ? ไปกันเถอะ ตอนนี้ถึงเวลาที่เราจะต้องกลับกันแล้ว ไม่เช่นนั้นผู้บัญชาการกองพันที่งดงามของเจ้าจะเป็นห่วงเอาได้” เซียวหรูเซ่อใช้โอกาสนี้ลุกขึ้นและเตรียมตัวออกเดินทางเพื่อปกปิดสีหน้าแดงซ่านของเธอ
โจวเหว่ยชิงก็ลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วเช่นกัน เขาจับมือเซียวหรูเซ่อและพูดด้วยรอยยิ้ม “ท่านพี่ ถ้าข้ารู้ก่อนหน้านี้ว่าเซียวเซ่อคือเซียวหรูเซ่อแล้วล่ะก็ ข้าก็อยากจะให้ท่านเป็นคนที่อยู่กับข้าในวันที่มณีของข้าตื่นขึ้นมาเช่นกัน”
“เหอะ! ยังกล้าจะล้อข้าเล่นอีก! เจ้าคิดว่าข้าจะไม่กล้าทุบตีเจ้าให้ตายรึไง!” เซียวหรูเซ่อยกมือของเธอขึ้นแล้วเหวี่ยงไปยังศีรษะของโจวเหว่ยชิง แน่นอนว่าเขารีบก้มหลบด้วยรอยยิ้มกว้าง ขณะที่พวกเขาวิ่งไปที่ค่ายทหาร เด็กหนุ่มพูดก็พูดขึ้นว่า “ท่านพี่รู้หรือไม่? ตอนที่โตขึ้นแล้วท่านพ่อบอกว่าคู่หมั้นของข้าคือเจ้าหญิงตี้ฝูหยา ข้าบอกเขาว่าข้าไม่ต้องการเจ้าหญิงตี้ฝูหยา แต่ข้าต้องการให้เป็นท่านพี่หรูเซ่อของข้าแทนต่างหาก”
เมื่อพูดคำเหล่านั้นจบ โจวเหว่ยชิงก็รีบวิ่งออกไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้เซียวหรูเซ่อยืนอยู่คนเดียวสักพักก่อนที่จะวิ่งตามเขาไป คราวนี้หญิงสาวรู้สึกถึงคลื่นความไม่สงบในใจของตนเองได้อย่างชัดเจน
ในตอนแรก หลังจากที่เธอแยกทางกับโจวเหว่ยชิง เธอก็ตั้งใจฝึกปราณอย่างเต็มที่เพื่อทำให้บิดาของเธอสมหวัง อย่างไรก็ตาม เธอก็ต้องผิดหวัง เนื่องจากเมื่ออายุได้ 16 ปี เธอกลับไม่ประสบความสำเร็จในการปลุกพลังมณีของเธอได้ ตั้งแต่นั้นมา เธอก็แต่งตัวเป็นผู้ชายเพื่อเข้าเรียนในโรงเรียนทหาร เธอได้ฝึกฝนยิงธนูอย่างหนัก และเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ในที่สุดเธอก็ทำบางอย่างสำเร็จ นั่นก็คือการเข้าร่วมกองทัพด้วยฝีมือของตนเองและทำงานหนักจนถึงทุกวันนี้ และก็อาจพูดได้ว่าในชีวิตของเธอมีผู้ชายเพียง 2 คนที่สนิทกับเธอมากที่สุด คนหนึ่งคือบิดาของเธอ และอีกคนก็คือโจวเหว่ยชิงนั่นเอง
………………………………………………………….