บทที่ 18.1 สุดยอดขาขวา (1)

Heavenly Jewel Change : มณีสวรรค์ผันชะตา

“อ๊ากกกกกกกก…” จู่ๆ เสียงร้องครวญครางด้วยความเจ็บปวดก็ดังปลุกเซียวหรูเซ่อให้ตื่นขึ้นจากภวังค์ เห็นได้ชัดว่านั่นเป็นเสียงของโจวเหว่ยชิง เธอจึงรีบวิ่งตรงไปยังทิศทางของเสียงนั้น เมื่อเธอเห็นโจวเหว่ยชิงอีกครั้ง เธอก็ต้องประหลาดใจเป็นอย่างมาก “เหว่ยน้อย เกิดอะไรขึ้น?”

ในขณะนี้โจวเหว่ยชิงกำลังเกลือกกลิ้งทุรนทุรายอยู่บนพื้น  ชุดเครื่องแบบทหารของเขาขาดวิ่นเพราะไปเกี่ยวเข้ากับพงหนามข้างทาง เผยให้เห็นกล้ามแขน และเกราะอ่อนโลหะผสมไทเทเนียมที่สะท้อนแสงอาทิตย์เป็นประกายระยิบระยับ

เขาหอบหนักและลมหายใจเริ่มขาดห้วง สิ่งที่ทำให้หัวใจของเซียวหรูเซ่อเต้นผิดจังหวะก็คือความจริงที่ว่าดวงตาทั้งสองข้างของเด็กหนุ่มได้เปลี่ยนไปเป็นสีแดงดั่งเลือด กล้ามเนื้อทุกส่วนของเขาขยายขนาดออกมาอย่างรวดเร็วทำให้ร่างกายของโจวเหว่ยชิงสูงใหญ่ขึ้นภายในพริบตา

“ท่านพี่ ข้าอึดอัด…” เสียงของโจวเหว่ยชิงกลายเป็นเสียงแหบแห้งราวกับเสียงชายชราในขณะที่ร่างของเขากระตุกไม่หยุด สิ่งที่ผิดปกติมากที่สุดคือแม้ว่าในขณะนี้เด็กหนุ่มจะนอนราบกับพื้น แต่ขาขวาของเขากลับลอยขึ้นสูงและบิดงอเป็นรูปร่างน่ากลัว แม้แต่เธอยังสามารถได้ยินเสียงกระดูกขยับเสียดสีกันจนแตกละเอียดอยู่ภายใน ราวกับกระดูกขาขวากำลังถูกค้อนหนักๆ ทุบจนแตกจากนั้นก็หลอมมันขึ้นมาใหม่และทุบอีกครั้ง

“เหว่ยน้อย เกิดอะไรขึ้น?” เซียวหรูเซ่อโผเข้าไปช่วยเหลือเขา แต่พลังอันแข็งแกร่งที่ปลดปล่อยออกมาจากร่างของโจวเหว่ยชิงกลับแสดงท่าทีต่อต้าน พลังนั่นผลักเธอให้ถอยหลังไปหลายก้าวจนล้มลงกระแทกพื้น

จู่ๆ ก็มีเสียงฉีกขาดดังขึ้น โจวเหว่ยชิงกำลังฉีกทึ้งเสื้อผ้าบนร่างกายส่วนบนของเขาเนื่องจากความเจ็บปวดทรมาน มีเพียงเกราะอ่อนที่ยังคงยึดอยู่บนร่างอย่างเหนียวแน่น บนร่างกายแข็งแกร่งดุจหินผาของเขามีลายเส้นสีดำค่อยๆ แผ่ขยายออกมาอีกครั้งคล้ายกับลายบนร่างของเสือ อีกทั้งบนหน้าผากของเด็กหนุ่มก็ยังปรากฏอักษรสีดำเขียนไว้ว่า ‘ราชา’

ป่าดาราที่เคยเต็มไปด้วยชีวิตชีวา จู่ๆ ทั้งแมลง และเหล่านกกระจิบก็พร้อมใจกันหยุดส่งเสียงอย่างกระทันหัน ทำให้ทั่วทั้งป่าเงียบสงัดขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย ในป่านั้นเงียบมาก เงียบสนิทจนเซียวหรูเซ่อแทบจะนึกว่าตนหูบอดไปแล้ว  นั่นจึงทำให้ทุกอย่างดูน่าขนลุกไปหมด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเสียงลมหายใจหอบหนักของโจวเหว่ยชิงที่สะท้อนขึ้นมาทำลายความเงียบสงัดของป่า

หากเป็นคนอื่น บางทีพวกเขาอาจจะหวาดกลัวการเปลี่ยนแปลงทางกายภาพของโจวเหว่ยชิงในตอนนี้ไปแล้ว แต่ย่อมไม่ใช่กับเซียวหรูเซ่อ เธอกัดฟันแน่นและพยายามเหวี่ยงตัวเองเข้าไปใกล้โจวเหว่ยชิงอีกครั้ง เธอคว้าศีรษะอีกฝ่ายไว้ได้จึงตะโกนเรียกสติ “เหว่ยน้อย! สงบสติอารมณ์หน่อย เจ้าต้องใจเย็นๆ เพ่งไปที่พลังปราณสวรรค์ของเจ้า และใช้มันปรับลมหายใจ”

ขณะนี้โจวเหว่ยชิงรู้สึกว่าจิตใต้สำนึกของของเขาเต็มไปด้วยกลิ่นอายโหดเหี้ยมชั่วร้าย และนั่นทำให้เขาอยากที่จะฉีกทึ้งทุกสิ่งรอบๆตัวให้เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย มือทั้งสองของเด็กหนุ่มกำบิดเบี้ยวคล้ายกรงเล็บเนื่องจากกระดูกของเขากำลังเคลื่อนที่ขยับเบียดกันไปมา ในช่วงเวลาสั้นๆ ทันใดนั้นมือทั้งสองข้างก็ขยายขนาดใหญ่ขึ้นเป็น 2 เท่า ยิ่งไปกว่านั้น ที่นิ้วก็ยังค่อยๆ มีกรงเล็บแหลมงอกออกมาอย่างช้าๆ ลายเสือสีดำบนร่างกายของเขาชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ และเด็กหนุ่มก็รู้สึกราวกับว่ามีพลังขุมหนึ่งกำลังหลั่งไหลออกมาจากร่างกายของตนไม่หยุดยั้ง …

เซียวหรูเซ่อซุกกอดศีรษะของโจวเหว่ยชิงเอาไว้แน่น ทันใดนั้นเขาก็ยกกรงเล็บเสือของเขาขึ้นมาโดยไม่รู้ตัวและตะปบเข้าไปที่ไหล่ของเซียวหรูเซ่ออย่างรุนแรง จู่ๆ โจวเหว่ยชิงก็แยกเขี้ยวออกกว้างและกำลังจะกัดเข้าที่ลำคอของฝ่ายตรงข้าม

เซียวหรูเซ่อถูกกรงเล็บของเขาตรึงเอาไว้กับที่ ทั้งยังรู้สึกว่าร่างกายของเธอชาหนึบจนไม่สามารถเคลื่อนไหวได้เลย เมื่อเป็นเช่นนั้นจิตใจของหญิงสาวจึงค่อยๆร่วงหล่นสู่ความว่างเปล่า

ขณะที่โจวเหว่ยชิงกำลังอ้าปากเตรียมจะกัดเข้าที่ลำคอของเพรียวบางเธอ จู่ๆ เด็กหนุ่มก็หยุดชะงัก เซียวหรูเซ่อรู้สึกตัวขึ้นมาด้วยเช่นกัน อันที่จริงตอนนี้เธอรู้สึกได้ถึงลมหายใจอุ่นร้อนที่ซอกคอ นั่นทำให้ผิวบริเวณนั้นสั่นสะท้านและร้อนวูบวาบ

“ไม่!! ไม่!! ข้าทำไม่ได้!! นั่นคือพี่หญิงหรูเซ่อ” โจวเหว่ยชิงพูดพึมพำด้วยน้ำเสียงแหบพร่าขณะที่เขาหอบหายใจอย่างหนัก เด็กหนุ่มรีบคลายกรงเล็บที่จับตรึงเซียวหรูเซ่ออยู่ จากนั้นก็ผลักเธอไปข้างหลัง อย่างไรก็ตาม ไม่นานศีรษะของเขาก็ถูกเธอจับไว้อีกครั้ง

“เหว่ยน้อย ถ้ามันทำให้เจ้ารู้สึกดีขึ้น เจ้าก็กัดข้าเถิด พี่สาวคนนี้ไม่กลัวหรอก” เซียวหรูเซ่อยื่นมือของเธอออกมาอย่างแน่วแน่ และคาไว้ตรงริมฝีปากของโจวเหว่ยชิง

ทันใดนั้น ดวงตาแดงก่ำของโจวเหว่ยชิงที่เต็มไปด้วยรังสีอำมหิตก็ดูเหมือนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้น อย่างไรก็ตาม เขาพยายามอย่างสุดความสามารถเพื่อควบคุมตัวเองไม่ให้ยื่นหน้าเข้าไปกัดมือของเธอ ภายในหัวใจของโจวเหว่ยชิง ตอนนี้มีความรู้สึกเครียดขึงบางอย่างฝังแน่นอยู่อย่างแรงกล้า ความรู้สึกนั้นคือหากเขาเผลอกัดสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเข้าไปจริงๆ เขาจะสูญเสียท่านพี่หรูเซ่อไปตลอดกาล…

ความรู้สึกอันรุนแรงนี้ทำให้เขาสามารถระงับอารมณ์ชั่วร้ายที่เกิดขึ้นภายในตัวได้ แม้ว่ากลิ่นอายโหดเหี้ยมอำมหิตในดวงตาของเขาจะไม่ได้ลดน้อยลง แต่อย่างน้อยพวกมันก็ไม่ได้เพิ่มขึ้นไปมากกว่าเดิม เซียวหรูเซ่อกอดศีรษะของเขาเอาไว้ตลอดเวลาในขณะที่เด็กหนุ่มกำลังสูดอากาศเข้าลึกและพยายามจะผ่อนลมหายใจ

“เจ้า…เจ้าสองคนกำลังอะไร?” ทันใดนั้น น้ำเสียงประหลาดใจก็ดังขึ้นมาจากที่ไหนสักแห่ง ในชั่วพริบตา ร่างของคนผู้หนึ่งก็ปรากฏตัวขึ้นใกล้ๆ กับพวกเขา เป็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์ที่เพิ่งมาถึงนั่นเอง

ก่อนหน้านี้ เมื่อเธอได้ยินว่าโจวเหว่ยชิงถูกเซียวเซ่อพาตัวไป เธอก็ยังไม่ได้กังวลอะไรมาก เพราะว่ายังไงซะท้ายที่สุดโจวเหว่ยชิงก็เป็นจ้าวมณีสวรรค์ ดังนั้นเซียวเซ่อจะเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้อย่างไร? อย่างไรก็ตาม การแข่งขันทหารใหม่ได้สิ้นสุดลงแล้ว แต่ทั้งคู่ก็ยังไม่กลับมาเสียที ดังนั้นซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงรู้สึกค่อนข้างกระสับกระส่ายและไม่กังวลใจมาก แม้ในใจเธอจะอ้างกับตนเองว่ายังคงเกลียดชังอ้วนน้อยโจวที่พรากคืนแรกของเธอไป  แต่เธอเองก็ยังไม่รู้ว่าส่วนที่ลึกที่สุดภายในใจของเธอนั้น อ้วนน้อยโจวได้จารึกเงาของเขาไว้ที่นั่นแล้ว เหตุการณ์เช่นนี้ย่อมเกิดขึ้นได้เมื่อหญิงสาวมอบครั้งแรกให้กับใครบางคน โดยปกติแล้วเธอมักจะก่อเกิดความผูกพันกับเขาอย่างลึกซึ้ง ยิ่งกว่านั้น เธอยังได้ใช้เวลาร่วมกับโจวเหว่ยชิงแทบจะทุกวันในช่วงสองสามเดือนที่ผ่านมา

ด้วยเหตุนั้น เธอจึงตัดสินใจไปเดินดูลาดเลารอบๆ ค่ายเพื่อตามหาพวกเขาเพื่อให้ตนสามารถระงับความรู้สึกกังวลใจนี้ได้เสียที อาศัยรองเท้าวายุประสานที่เป็นศาสตรามณียุทธ์ชิ้นใหม่ของเธอ  ซ่างกวนปิงเอ๋อร์จึงสามารถเคลื่อนตัวเข้าสู่ป่าดาราได้ในชั่วพริบตาด้วยความเร็วสูง และเมื่อไม่นานมานี้ เสียงร้องคำรามด้วยความเจ็บปวดของโจวเหว่ยชิงก็ได้ทำทางให้เธอมาถึงที่นี่

เธอเห็นทั้งเซียวเซ่อและโจวเหว่ยชิงจากระยะไกลๆ แต่เธอไม่เคยคาดคิดว่าจะได้เห็นฉากตรงหน้านี้มาก่อน เซียวเซ่อกอดศีรษะของโจวเหว่ยชิงไว้อย่างใกล้ชิดสนิทสนมที่สุด…ผู้ชายกำลังกอดกับผู้ชายอีกคน? นี่มัน…

เมื่อเธอเข้าใกล้มากขึ้น ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็รู้ได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติ เมื่อเธอเห็นท่าทางดุร้ายของโจวเหว่ยชิง ลำตัวที่เต็มไปด้วยลวดลายคล้ายกับลายเสือ กล้ามเนื้อแข็งแกร่งดุดันและดวงตาแดงก่ำที่น่าสะพรึงกลัว หัวใจของเธอก็ได้แต่สั่นสะท้านลุกลามลามไปทั่วร่างกายทันที สถานการณ์แบบนี้ช่างคล้ายกับคืนที่เขาได้พรากสิ่งที่มีค่าที่สุดของเธอไปเหลือเกิน

เซียวหรูเซ่อเห็นซ่างกวนปิงเอ๋อร์กำลังยืนมองอยู่อีกฝั่งอย่างตะลึงงัน เธอก็ตะโกนออกมาอย่างโกรธๆ “ยัยโง่! จะยืนอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม? มาช่วยข้าจับเขาไว้เร็ว! เจ้าเป็นจ้าวมณีสวรรค์ คงรู้ใช่ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น?”

“ข้า…ข้า…ไม่รู้…” ซ่างกวนปิงเอ๋อร์นั่งยองๆ ลงกับพื้นก่อนจะตอบด้วยความตื่นตระหนก แม้ว่าในใจเธอจะหวาดกลัวลักษณะเช่นนี้ของโจวเหว่ยชิงมาก แต่หญิงสาวก็ไม่อยากจะทิ้งเขาไป

ในขณะที่เธอกำลังค้อมตัวลงนั่ง ซ่างกวนปิงเอ๋อร์ก็พลันเห็นว่าโจวเหว่ยชิงนั้นกำลังเจ็บปวดทุรนทุรายมาก ร่างกายของเด็กหนุ่มชักกระตุกอย่างรุนแรง เธอจึงร้องออกมาอย่างรวดเร็วว่า “อ้วนน้อยโจว.. อ้วนน้อยโจวผ่อนคลายหน่อย…”

เนื่องจากในขณะนี้โจวเหว่ยชิงมีสติเหลืออยู่เพียงครึ่งเดียว เขาจึงไม่รู้ว่ามีอะไรเกิดอะไรขึ้นบ้าง ทว่าทันใดนั้นเขาก็ได้ยินน้ำเสียงและกลิ่นกายที่คุ้นเคยอย่างถึงที่สุด เมื่อรู้สึกได้ดังนั้นร่างกายของเด็กหนุ่มก็พลันแข็งทื่อ ผุดลุกขึ้นมาจากอ้อมกอดของเซียวหรูเซ่ออย่างรวดเร็ว เขาคำรามเสียงต่ำ จากนั้นกรงเล็บเสือทั้งสองข้างก็ตะปบเข้าที่ไหล่ของซ่างกวนปิงเอ๋อร์

อันที่จริงซ่างกวนปิงเอ๋อร์สามารถหลบมันได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อเธอมีรองเท้าวายุประสานที่ใช้หลบหลีกได้ว่องไวเช่นนี้ แต่สุดท้ายเธอก็เลือกที่จะไม่ทำเช่นนั้น อีกทั้งในใจของเธอดันเผลอคิดอย่างไม่รู้ตัวอีกว่า หากเธอต้องตายในมือของเขาจริงๆ…นั่นก็คงไม่เป็นไรหรอก

…………………………………………………………..