บทที่ 63 ท่านต้องรับผิดชอบ[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 63 ท่านต้องรับผิดชอบ[รีไรท์]

“ข้า…ข้าตกลง!” ฉู่ชวิ๋นตอบ สายตาฉู่ชวิ๋นอ่อนโยนเหมือนสายน้ำ ก่อนจะกล่าวอย่างทึ่มทื่อต่อหน้าเทพธิดาจิงหง

เทพธิดาจิงหงยิ้มเบา ๆ แค่นั้นก็ทำให้ทุกสรรพสิ่งรอบข้างหม่นหมองได้แล้ว เธอค่อย ๆ เดินลงมาจากก้อนเมฆ แขนขาว ๆ และนุ่มนวลราวรากบัวยื่นไปโอบคอของฉู่ชวิ๋นเอาไว้ แขนของนางอ่อนนุ่มราวกับไร้กระดูก

คิ้วและดวงตาอันอ่อนหวาน ริมฝีปากอันเนียนนุ่ม รูปลักษณ์ที่น่าดึงดูดใจเหล่าบุรุษ

ฉู่ชวิ๋นหัวใจสั่นไหว จนเข้าไปโอบกอดพร้อมครอบครองริมฝีปากด้วยความหยาบกระด้าง มือหนาใหญ่ดันศีรษะไม่ให้เธอต่อต้านและเต็มไปด้วยความปรารถนา

ที่เขากอดอยู่ในขณะนี้ คือ เทพธิดาจิงหง หญิงสาวผู้เป็นที่หมายปองของเหล่าเซียน เขาช่างรู้สึกภูมิใจที่สวรรค์ประทานสาวงามแบบนี้ให้แก่เขา

“แค่ก ๆ ……”

เสียงไอดึงสติให้เขากลับมายังโลกแห่งความเป็นจริง หญิงสาวในอ้อมกอด ของเขาหาใช่เทพธิดาจิงหงไม่ แต่กลับเป็น ฮวาชิงหวู่ และยิ่งไปกว่านั้น คือเขากำลังกอดเธออยู่

ใบหน้าของฮวาชิงหวู่แดงเข้ม แต่ดวงตาของเธอก็อ่อนโยนราวกับสายน้ำก่อนยิ้มให้ฉู่ชวิ๋น ร่างที่อยู่ในอ้อมกอดพยายามต่อต้านเล็กน้อยฉู่ชวิ๋นรับรู้ได้ถึงความนุ่มนวลทำให้เขารู้สึกดีมาก…

แต่ฉู่ชวิ๋นก็ตื่นตัว การที่เขาหลุดเข้าไปในห้วงแห่งความทรงจำของตัวเองแบบนี้ หากให้พูดจริง ๆ เรื่องนี้มันอันตรายมาก ถ้าเป็นแบบนี้ตอนต่อสู้เขาตายแน่?

“ฉันขอโทษ!” ไม่รู้ว่าเขาควรจะพูดยังไงดี? เขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องความรัก มาตั้งแต่ก่อนเป็นเซียนจนถึงตอนนี้

ฮวาชิงหวู่มองฉู่ชวิ๋นอย่างระมัดระวังก่อนจะกล่าว “ที่ขอโทษ หมายถึงอะไร ได้ประโยชน์จากฉันแล้วก็จะจากไปอย่างนั้นเหรอ?”

“ฉัน..ฉันไม่ได้หมายความอย่างนั้น ฉันหมายความว่าตอนนี้ฉันติดอยู่ในห้วงแห่งความทรงจำ ฉันไม่ได้ตั้งใจ เธอเข้าใจไหม?”

“ฉันไม่เข้าใจ!” ฮวาชิงหวู่โอบรอบคอของฉู่ชวิ๋นอย่างแนบแน่น ฉู่ชวิ๋นเมื่อถูกสาวงามกอดแนบเนื้อ ก็ทำอะไรไม่ถูก ฮวาชิงหวู่ใช้เรียวขายาวเกี่ยวกายราวกับจะปีนป่ายขึ้นไปสู่เป้าหมาย ท่าทางของเธอดูยั่วยวนและปลุกเร้าอารมณ์อย่างมาก กลิ่นอายคล้ายกับดอกกล้วยไม้โชยออกมา

ฮวาชิงหวู่พูดเบา ๆ “ฉันรู้แค่ว่า คุณตอบตกลงแล้วก็เข้ามากอดฉัน จูบฉัน ดังนั้นคุณต้องรับผิดชอบ”

“ฉัน…” ฉู่ชวิ๋นถูกขัดจังหวะโดยฮวาชิงหวู่ ทันทีที่เขาอ้าปาก ริมฝีปากสีแดงของหญิงสาว ก็ประกบอยู่บนริมฝีปากของฉู่ชวิ๋นอีกครั้ง ทำให้ฉู่ชวิ๋นต้องเอนตัวหลบ ฮวาชิงหวู่หัวเราะเบา ๆ

“ทำอะไรของเธอ….”

“แค่ก ๆ ……”

ฉู่ชวิ๋นอ้าปากอีกครั้งแต่ก็ถูกขัดจังหวะด้วยอาการไอ คราวนี้ไม่รอคำตอบของฉู่ชวิ๋น ฮวาชิงหวู่รีบปล่อยตัวฉู่ชวิ๋นทันที ท่าทางราวกับกระต่ายตื่นตูม เธอรีบก้าวถอยหลังออกไปสองก้าว เพราะนอกจากเธอกับฉู่ชวิ๋นแล้ว ยังมีแม่ของเธออยู่ในห้องอีกด้วย

ถ้าแม่เห็นว่าเธอกำลังอ่อยผู้ชายอยู่ แม่จะกระโดดขึ้นมาตีขาเธอหักหรือเปล่า? ทั้งคู่ทำท่าทางราวกับหัวขโมย ก่อนที่พวกเขาจะถอนหายใจออกมาเพราะแม่ของฮวาชิงหวู่ยังคงหลับอยู่

ฉู่ชวิ๋นช่วยขับพิษเย็นในร่างกายให้แม่ของฮวาชิงหวู่แล้ว แต่เธอร่างกายอ่อนแอเกินไปและต้องการพักผ่อน ทำให้ยังไม่อาจตื่นขึ้นมาได้โดยง่าย

ฮวาชิงหวู่หันไปมองฉู่ชวิ๋นก่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์ “จะให้ฉันเรียก คุณว่าอะไรดี สามี? ที่รัก? ดาร์ลิ่ง?”

ฉู่ชวิ๋นมึนงง แต่สีหน้าและอารมณ์ของเขายังคงนิ่งเฉยอยู่ตลอดเวลา

“ที่รัก!” ฮวาชิงหวู่พูดออกมาเสียงดังก่อนจะพยายามหาทางเข้าใกล้ฉู่ชวิ๋น

ฉู่ชวิ๋นที่ปกติดูลึกลับเข้าถึงได้ยาก ตอนนี้ท่าทางร้อนรนทำตัวไม่ถูกเป็นครั้งแรก ทำให้ฮวาชิงหวู่รู้สึกว่าฉู่ชวิ๋นจริง ๆ แล้วก็เป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง

“นี่ มีอะไรก็พูดดี ๆ อย่า…” ฉู่ชวิ๋นพูดออกมา

“อย่าอะไร?” ฮวาชิงหวู่รู้ว่าชายหนุ่มต้องการที่จะพูดว่าอย่าเข้ามา แต่เธอแสร้งทำเป็นไม่เข้าใจ

ฉู่ชวิ๋นไม่รู้ว่าฮวาชิงหวู่จงใจพูด เขามักจะอ่อนในเรื่องการรับมือกับผู้หญิงมันไม่เคยเปลี่ยนแปลงมาเป็นพัน ๆ ปีแล้ว เทพธิดาจิงหง เองก็กลั่นแกล้งเขาตลอดเวลาที่มีโอกาส

เมื่อฮวาชิงหวู่ก้าวเข้ามา ฉู่ชวิ๋นก็ถอยออกไป “ที่รักคะ ฉันน่ากลัวมากเหรอ?” ฮวาชิงหวู่ทำสีหน้าเสียใจ

“เอ่อ ไม่…ไม่ !”

“ไม่แล้วคุณจะหนีทำไม?” ฮวาชิงหวู่กระโดดเข้าหาฉู่ชวิ๋น

“ฉันจะไปหาผู้อาวุโสปรึกษาเรื่องบางอย่าง” เมื่อเขากล่าวจบก็หายตัวไป

ทันที ฮวาชิงหวู่ที่กระโดดเข้าใส่ก็ล้มลงไปที่พื้น เธอตะโกนออกไปนอกประตู ไล่หลังฉู่ชวิ๋นว่า “สามี คุณหนีฉันไม่พ้นหรอก” พูดเสร็จ ใบหน้าของเธอก็แดงก่ำ

จริง ๆ แล้วเป็นครั้งแรกที่เธอทำเช่นนี้กับชายหนุ่ม ตั้งแต่พบกันครั้งแรกหัวใจของเธอก็ตกเป็นของฉู่ชวิ๋น แต่ฉู่ชวิ๋นก็ทำตัวราวกับเทพเซียนที่สูงส่งจนทำให้เธอไม่กล้าพูดคุยด้วยและคิดว่าคงไม่อาจเอาชนะใจเขาได้

เธอเฉลียวฉลาดมาตั้งแต่เกิด ยิ่งตอนนี้เธอได้กลายเป็นผู้ฝึกตนเป็นเซียนเหมือนฉู่ชวิ๋น ทำให้มีความคิดเฉียบแหลมขึ้นมาก หลังจากได้คุยกันหลายครั้งทำให้ เธอก็รู้ว่าฉู่ชวิ๋นจริง ๆ ก็คือหนุ่มซื่อบื้อธรรมดานี่เอง

ดังนั้น เธอจึงเริ่มเป็นฝ่ายบุก และดูเหมือนว่าผลลัพธ์จะออกมาดีทีเดียว เมื่อฉู่ชวิ๋นเดินมาถึง เขาก็ได้ยินคำพูดของเธอเข้าจนสะดุดเท้าตัวเอง เกือบจะกลิ้งตกบันได เลยต้องด่าฮวาชิงหวู่ในใจออกมาว่ายัยปีศาจ

ผู้อาวุโสที่ยืนเฝ้าหน้าบันไดสีหน้าไม่สู้ดี เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า ผู้อาวุโสก็มองขึ้นไปและรีบร้อนทำความเคารพ

“เกิดอะไรขึ้นกับคุณหนูฮวาหรือไม่ นายท่าน?”

ฉู่ชวิ๋นปรับท่าทางและภาพลักษณ์ของตน ก่อนกล่าวอย่างเฉยเมย “ไม่ต้องกังวล ทุกอย่างเรียบร้อยดี”

ผู้อาวุโสสีหน้าดูมีความสุขก่อนจะถอนหายใจอย่างโล่งอกและผู้อาวุโสก็กล่าวออกมา “นายท่าน สายมากแล้ว ผมขอไปตัวไปจัดเตรียมที่พักให้ท่านก่อน” ฉู่ชวิ๋นได้ยินก็พยักหน้าเล็กน้อย

ผู้อาวุโสจัดระเบียบห้องพักให้ฉู่ชวิ๋น ก่อนขอตัวออกไป

ฉู่ชวิ๋นมีนิสัยถ้าว่างเมื่อไรก็จะฝึกตนทันที แต่เมื่อใดก็ตามที่เขาหลับตาลง ก็จะเห็นรอยยิ้มอันทรงเสน่ห์ของฮวาชิงหวู่ ก่อนจะเห็นสายตาที่ไม่พอใจของเทพธิดาจิงหงภายในจิตใจ

ฉู่ชวิ๋นถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้และเลิกคิดเรื่องการฝึกตนชั่วคราว

เขานำกระบี่ไม้และหินซวนหมิงออกมา เขาต้องการที่จะสร้างกระบี่ไม้ให้เป็นอาวุธเซียนที่แท้จริง

……

ในยามเช้าตรู่ ฮวาชิงหวู่เดินไปที่ห้องของฉู่ชวิ๋นและกำลังจะเคาะประตูแต่

“คุณหนูฮวา” ผู้อาวุโสพึ่งกลับเข้ามาจากด้านนอกพร้อมอาหารเช้าในมือ

เธอหันไปบอกผู้อาวุโส “ผู้อาวุโส มาพอดีเลยช่วยตามฉันมาหน่อยสิ” ผู้อาวุโสไม่รู้เรื่องอันใด แต่ก็ติดตามเธอไปยังสวนด้านหลังหมู่บ้าน

“มีเรื่องอะไรอยากให้ผมช่วยหรือ?”

“ผู้อาวุโส ช่วยโจมตีฉันด้วยพลังทั้งหมดที่มีหน่อยค่ะ”

ใจเธอก็อยากให้ฉู่ชวิ๋นช่วย แต่ก็ล้มเลิกไป เธอรู้ว่าเมื่อเทียบกับฉู่ชวิ๋นแล้ว เธออ่อนด้อยเกินไป

“หือ?” ผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจ

“ไม่ต้องกังวล ฉู่ชวิ๋นสอนวิชาให้ฉันเมื่อวานนี้นิดหน่อย ฉันแค่อยากจะลองดูว่ามันใช้ได้จริงไหม” เธอกล่าวเรียบ ๆ

ผู้อาวุโสขมวดคิ้วก่อนพูดเสียงแข็ง “คุณหนู นายท่านเป็นถึงเทพเซียน เราควรให้ความเคารพต่อท่าน และไม่ควรเอ่ยนามของท่านตรง ๆ”

“เทพเซียนอะไร? เทพเซียนขี้ขลาดน่ะสิ” ฮวาชิงหวู่พึมพำกับตัวเอง แต่เธอก็เห็นด้วยกับคำพูดของผู้อาวุโส เพราะเธอรู้ว่าเขาดีกับพวกเธอเสมอ การล้ำเส้นอาจดูไม่ดีจริง ๆ

เธอพยักหน้า “ไม่ต้องห่วง! ฉันจะระวัง มาเริ่มกันเถอะ”

“ระวังตัวด้วยคุณหนู!” ผู้อาวุโสพูดขณะที่ร่างหายเลือนหายไป

ฮวาชิงหวู่กะพริบตา สำหรับความเร็วของผู้อาวุโสในสายตาของเธอนั้นไม่ได้รวดเร็วเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ตอนนี้ผู้อาวุโสดูเหมือนเด็กที่กำลังเดินช้า ๆ

ผู้อาวุโสปรากฏตัวข้างฮวาชิงหวู่ เกือบจะในทันทีเขาเอื้อมมือออกมาคว้าแขนของเธอเอาไว้ แต่ฮวชิงหวู่ขยับเพียงก้าวเดียวก็ทำให้ผู้อาวุโสพลาดเป้าแล้ว

“ผู้อาวุโส ทำไมท่านช้านักล่ะ ไม่ต้องกลัวว่าฉันจะบาดเจ็บ นายท่านเป็นคนสอนฉันเอง ท่านไม่ต้องกังวลมากไปนักหรอก”

ใบหน้าของผู้อาวุโสเปลี่ยนไปและความเร็วของเขาก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว เขาหันกลับมาอย่างรีบร้อน ยกมือขึ้นหมายจะจับเธอ แต่เขาก็ยังคงล้มเหลว

ครั้งนี้ผู้อาวุโสเร่งความเร็วถึงขีดสุด เคลื่อนไหวคล้ายเงา ใบหญ้าปลิวไสวไปทั่วทุกหนทุกแห่ง

แต่ฮวาชิงหวู่ราวกับเดินเล่นในสวน เมื่อใดก็ตามผู้อาวุโสจะจับตัวเธอ เธอก็สามารถหลบเลี่ยงได้อย่างง่ายดาย

10 นาทีต่อมาผู้อาวุโสก็หยุดมือ แล้วก้มหัวลงท่าทางเขาราวกับแก่ลงไป 10 ปี ก่อนจะยิ้มออกมา “นายท่านสมเป็นเทพเซียนอย่างแท้จริง ใช้เวลาไม่นานก็ฝึกให้คุณหนูเก่งกาจขนาดนี้ ข้าน้อยนับถือ ๆ…”

ผู้อาวุโสรู้สึกหดหู่ใจ เขาฝึกฝนอย่างหนักมาตลอดชีวิต แต่เขาก็สู้ไม่ได้กับคำแนะนำของฉู่ชวิ๋นเพียงไม่กี่ชั่วโมง ทั้งที่เขามีชีวิตอยู่มานานหลายทศวรรษ!

ฮวาชิงหวู่ไม่คิดว่ามันจะทำร้ายจิตใจของผู้อาวุโส เธอโทษตัวเองและโกรธที่ตัวเองโง่ขนาดนี้

หลายปีมานี้ผู้อาวุโสเฝ้าอยู่ข้างกายเพื่อปกป้องเธอมาตลอด เธอเคารพท่านยิ่งกว่าพ่อแท้ ๆ แต่เธอไม่รู้สึกเลยว่าเขาชราขนาดนี้แล้ว

“ผู้อาวุโส ฉันขอโทษ” น้ำเสียงของฮวาชิงหวู่เต็มไปด้วยความรู้สึกผิด

“ผมไม่เสียใจเลย ชีวิตของผมถูกช่วยเหลือเอาไว้จากหญิงสาวคนหนึ่ง ถ้าไม่มีเธอผมคงตายไปแล้ว” ผู้อาวุโสถอนหายใจ

10 กว่าปีก่อนเขาถูกไล่ล่าจนได้รับบาดเจ็บสาหัส เป็นแม่ของฮวาชิงหวู่ช่วยเขาเอาไว้ ให้เขามาอาศัยอยู่ด้วย หลังจากที่หายจากอาการบาดเจ็บเพื่อตอบแทนบุญคุณเขาจึงอยู่ที่นี่เพื่อปกป้องจากแม่ของฮวาชิงหวู่และฮวาชิงหวู่ด้วยชีวิต

“ตอนนี้คุณหนู ได้รับคำแนะนำจากนายท่าน อนาคตช่างสดใสหากอาการเจ็บป่วยของคุณหญิงดีขึ้นแล้ว คงถึงเวลาที่คนแก่อย่างกระผมต้องพักแล้ว คุณหนูมีนายท่านปกป้อง กระผมก็วางใจ ดูแลตัวเองด้วยนะครับคุณหนู!”

ผู้อาวุโสพูดจบก็มองไปยังฮวาชิงหวู่แล้วหันหลังเดินจากไป หลังโค้ง ๆ ของเขาทำให้ดูแก่ขึ้นนับสิบปี หญิงสาวตาแดงรื้น เธอลืมผู้อาวุโสและคิดว่าที่เขาปกป้องคุ้มครองเธอเป็นเรื่องที่ถูกต้อง เป็นเรื่องปกติ ไม่เคยมองในมุมมองของผู้อาวุโสเลย

“ผู้อาวุโส ท่านจะไปไหนไม่ได้” ฮวาชิงหวู่วิ่งมาหยุดผู้อาวุโส “ท่านไปไม่ได้ ฉันอยากให้ท่านคุ้มครองฉันต่อไป”

ผู้อาวุโสยิ้มอย่างขมขื่น “คุณหนู คุณหนูพูดล้อเล่นแล้ว ด้วยความสามารถของคุณหนูในตอนนี้ ไม่จำเป็นที่จะให้ผมคุ้มครองคุณหนูเลยแม้แต่น้อย”

ผู้อาวุโสดูแลเอาใจใส่หญิงสาว ประหนึ่งว่าเป็นหลานสาวของตนเอง และหน้าที่ของเขาคือการปกป้องเธอ ตอนนี้ฮวาชิงหวู่เก่งกล้าสามารถ ไม่จำเป็นที่เขาจะต้องคอยคุ้มครองเธออีกแล้ว เขาได้แต่ปล่อยวาง

“มันก็จริงแต่…” เธอพูดขึ้นอย่างรีบร้อน

“ท่านไปไม่ได้ ท่านคือครอบครัวของฉัน ท่านต้องปกป้องฉัน จะจากไปได้อย่างไรกัน?” ฮวาชิงหวู่รีบพูดออกมา

ครอบครัวเหรอ? ผู้อาวุโสชะงัก น้ำตาคลอเล็กน้อย เขาอยู่คนเดียวมาตลอดชีวิตของเขา ส่วนที่อ่อนไหวที่สุดในหัวใจของเขาคือ คำว่าครอบครัว

“ผู้อาวุโสคะ อย่าไปเลย ได้ไหม?” ฮวาชิงหวู่จับมือของผู้อาวุโสแน่น

“ในเมื่อท่านปกป้องฉันมาตลอด งั้นนี้ไปเปลี่ยนเป็นฉันจะปกป้องท่านแทน” ฮวาชิงหวู่จ้องมองผู้อาวุโสด้วยดวงตาสว่างไสวแกมขอร้อง เธอรู้มาตลอดว่าผู้อาวุโสสำคัญกับเธอมากแค่ไหน

ดวงตาของผู้อาวุโสเต็มไปด้วยน้ำตาก่อนพยักหน้าอย่างหนักแน่น “ตราบใดที่ คุณหนูยังต้องการการป้องกันของกระผม กระผมจะอยู่ปกป้องคุณหนูตลอดไป”

“ท่านไม่ไปไหนแล้วใช่ไหม ผู้อาวุโส?” ฮวาชิงหวู่สีหน้าเต็มไปด้วยความสุข แต่ก่อนที่ผู้อาวุโสกำลังจะเอ่ยตอบ ทันใดนั้นก็มีเสียงดังขึ้น!

ทั้งสองมองตามต้นเสียง พวกเขาก็เห็นจิตวิญญาณกระบี่ทะยานขึ้นสู่ท้องฟ้า