ตอนที่ 68 โดนไปอีกดอก

ปฏิญญาค่าแค้น

หลี่หมิงอวินตกตะลึงอยู่เล็กน้อย ทันใดนั้นรอยยิ้มของเขาก็เลือนหายไป “เหตุใดเจ้าจึงคิดเช่นนี้” 

 

 

หลินหลันมองเขาอย่างจริงจัง และเอ่ยออกไปอย่างจริงจังด้วยเช่นกันกัน “เจ้าแค่บอกมาว่าใช่หรือไม่ใช่แค่นั้นก็พอ” 

 

 

คำถามนี้เป็นเรื่องสำคัญอย่างมาก ถ้าหากใช่ เช่นนั้นนางก็ไม่สามารถปฏิบัติต่อป๋ายฮุ่ยเฉกเช่นหญิงสาวคนอื่นๆ สิ่งที่ต้องรู้ไว้คือเมื่อผู้หญิงตกหลุมรักผู้ชาย มันเป็นเรื่องง่ายที่จะสูญเสียจิตสำนึกแยกแยะถูกผิด หากจัดการอย่างไม่ระมัดระวัง เป็นไปได้ว่าอาจส่งผลให้แผนการทั้งหมดพังทะลายอย่างราบคราบ นางไม่เกรงกลัวเล่ห์เหลี่ยมใดๆ ที่แม่มดชราคิดจะใช้เล่นงานนาง แต่นางเกรงกลัวปัญหาที่อาจเกิดขึ้นภายในบ้านตนเองเสียมากกว่า ปัญหานี้ทำให้นางหงุดหงิดใจอย่างอธิบายไม่ถูก 

 

 

หลี่หมิงอวินพูดด้วยน้ำเสียงที่แสนบางเบา “ไม่ใช่” 

 

 

หลินหลันเหล่สายตามองเขาราวกับต้องการจะมองเข้าไปถึงก้นบึ้งหัวใจของเขา 

 

 

“ในสัญญาของเรามีหนึ่งข้อที่ว่า ตราบใดที่ข้ายังไม่แยกจากไป เจ้าไม่อาจมีนางบำเรอได้” หลินหลันกล่าวย้ำเตือน 

 

 

“ข้ารู้” 

 

 

“สาวใช้ห้องเชื่อมติดกันก็ไม่ได้” 

 

 

“ตกลง…” 

 

 

“แล้วจะเอายังไงกับป๋ายฮุ่ยดีล่ะ” 

 

 

“แล้วแต่เจ้าจะจัดการ เอาไว้ได้ก็เอาไว้ เอาไว้ไม่ได้ก็ให้นางไปซะ” 

 

 

นางเอ่ยถามอย่างเรียบง่ายชัดเจน และเขาก็ตอบอย่างเรียบง่ายและเด็ดขาด 

 

 

เมื่อเห็นการแสดงออกอันแสนสงบนิ่งของเขา หลินหลันก็รู้สึกเบาใจขึ้น ทว่ายังคงแสร้งทำเป็นไม่พึงพอใจต่อไป “เป็นเจ้าที่พูดออกมาเองนะ อย่าได้เกิดเสียดายขึ้นมาภายหลังเสียล่ะ” 

 

 

หลี่หมิงอวินเอ่ยด้วยเสียงบางเบา “ในสัญญายังมีอีกหนึ่งข้อที่ว่า จำเป็นต้องเชื่อมั่นซึ่งกันและกัน ข้าเชื่อใจเจ้า เจ้าก็จำเป็นต้องเชื่อใจข้าด้วยเช่นกัน” 

 

 

ขณะนี้เองหลินหลันถึงได้เผยรอยยิ้มอย่างพึงพอใจออกมา พอมาคิดให้ถี่ถ้วนดูแล้ว อาจเป็นนางเองที่คิดมากเกินไป ในชีวิตก่อนหน้าดูพวกละครโบราณอยู่บ่อยครั้ง ซึ่งสาวใช้จำนวนมากอยากเสนอตัวให้แก่ผู้เป็นนายไว้กกกอด รูปลักษณ์ของป๋ายฮุ่ยก็นับว่าไม่เลวเลย ผิวพรรณขาวสะอาดสะอ้าน งามพริ้ม อีกทั้งยังคอยปรนนิบัติหมิงอวินมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย หมิงอวินเป็นผู้ที่เพียบพร้อมเสียขนาดนี้ ขนาดบรรดาบุตรสาวตระกูลศักดิ์ด้านนอกนั่นเมื่อพบเห็นเขา ก็เป็นอันต้องการแย่งชิงหัวใจเขาไปครอบครอง แล้วนับประสาอะไรกับสาวใช้ที่เคียงข้างเขา ต่อให้รู้สึกเกิดความรู้สึกรักใคร่ต่อหมิงอวินขึ้นมาก็คงไม่ใช่เรื่องแปลกแต่อย่างใด 

 

 

ถ้าหากป๋ายฮุ่นหวั่นไหวขึ้นมาจริงๆ นางควรจะทำอย่างไรดีล่ะ ช่วยให้นางสมปรารถนา? รักษาไว้ซึ่งความรักใคร่ปรองดองของที่แห่งนี่? 

 

 

หลี่หมิงอวินเป็นชายหนุ่มเฉกเช่นคนธรรมดาทั่วไป จะว่าไปแล้วเขาก็คงมีความต้องการทางด้านนั้นอยู่บ้างแหละนะ! ทว่าพวกเขายังเป็นสามีภรรยาจอมปลอมกันอยู่ จึงทำเรื่องเช่นนั้นมิได้ แต่จะให้หลี่หมิงอวินเสียเวลาไปเปล่าๆ สามปี ก็ดูเหมือนจะไร้มนุษยธรรมไปหน่อย … 

 

 

อันที่จริงแล้ว! ไอ้เรื่องที่นางไม่ยินยอมให้หมิงอวินเปิดรับนางบำเรออะไรนั่น เป็นเพราะไม่อยากต้องมาวุ่นวายใจกับปัญหาเรื่องหึงๆ หวงๆ อะไรพวกนั้นในระหว่างที่นางต้องทุ่มเทแรงกายแรงใจเพื่อต่อสู้กับท่านพ่อไร้ยางอายกับแม่มดชรานี่ต่างหาก แน่นอนว่านางไม่ได้จะหึงหวงอะไรอยู่แล้ว และก็ไม่มีสถานะอะไรที่ต้องรู้สึกเช่นนั้นด้วย เพียงแค่หากเกิดกรณีปัญหาที่ว่าขึ้นมา จะพาลนางต้องทนทุกข์ระกำไปด้วย 

 

 

หลังจากครุ่นคิดอย่างหนักหน่วง หลินหลันได้ตัดสินใจว่าจะคอยสังเกตการณ์อีกสักระยะแล้วไว้ค่อยว่ากันอีกครั้ง 

 

 

ในเรือนเหว่ยอวี่เซวียน ติงหลั้วเหยียนกระวนกระวายใจอยู่ตลอดทั้งวัน ปักร้อยก็ทิ่มแทงนิ้วมือตนเอง ดื่มน้ำชาก็เกือบจะทำให้ปากพองไปหมด 

 

 

หลู่ฉีที่คอยมองอยู่ไม่ห่างอดไม่ได้ที่จะรู้สึกเป็นกังวล ความจริงแล้ว นับแต่คุณชายรองกลับมา คุณหนูก็เริ่มผิดแปลกไป นางคอยปรนนิบัติรับใช้ติงหลั้วเหยียนมาตั้งแต่ยังเยาว์วัย ดังนั้นความรู้สึกของคุณหนูนางจึงรับรู้ได้ค่อนข้างชัดเจน ได้แต่หวังว่าคุณหนูของนางจะก้าวผ่านอุปสรรคในใจนี้ไปได้โดยเร็ว และปล่อยวางอดีตเหล่านั้นไปเสียที มิฉะนั้น ไม่ช้าก็เร็วคงจะก่อให้เกิดปัญหาใหญ่ตามมา 

 

 

“หลู่ฉี ของขวัญที่ข้าให้เจ้าช่วยเตรียมให้ล่ะ?” ติงหลั้วเหยียนเอ่ยถามอย่างเบื่อหน่าย 

 

 

หลู่ฉีเรียกสติกลับคืนมาแล้วกล่าวด้วยรอยยิ้ม “เตรียมไว้เรียบร้อยแล้วเจ้าค่ะ จะให้นำไปส่งเดี๋ยวนี้เลยไหมเจ้าคะ” 

 

 

“นำไปส่งเถอะ! อย่าให้เขาคิดว่าพวกเราไร้มรรยาท ถึงอย่างไรหลังจากนี้ก็ล้วนเป็นคนในครอบครัวเดียวกันแล้ว” ติงหลั้วเหยียนกล่าวด้วยรอยยิ้มอันขื่นขม 

 

 

“เจ้าค่ะ!” หลู่ฉีขานรับ 

 

 

“ไม่ต้องนำไปให้” หลี่หมิงเจ๋อที่เพิ่งกลับเข้ามาจากด้านนอก และได้ยินว่าหลั้วเหยียนต้องการให้นำของขวัญไปมอบแด่คู่สามีภรรยาหมิงอวิน จึงขัดข้านอย่างเด็ดขาด 

 

 

หลู่ฉีมองไปยังนายหญิงอย่างลำบากใจ 

 

 

หลี่หมิงเจ๋อรู้สึกรำคาญใจอย่างมากในวันนี้ เดิมทีเขาคิดว่าท่านพ่อของเขาจะไม่ลงโทษหมิงจู แต่คาดไม่ถึงเลยว่า ท่านพ่อของเขาจะลงโทษหมิงจูโดยให้คุกเข่าเป็นเวลาสองชั่วยาม เขาต้องการร้องขอ แต่กลับถูกท่านแม่สกัดเอาไว้ นี่มันเกิดเรื่องบ้าบออะไรขึ้นงั้นหรือ เป็นไปได้ไหมว่าเมื่อหลี่หมิงอวินกลับมา ครอบครัวนี้ก็จะไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป 

 

 

เมื่อนึกถึงคำตักเตือนก่อนหน้าของท่านแม่ แล้วนึกถึงท่านพ่อที่รู้ทันหมิงอวินในวันนี้ หลี่หมิงเจ๋อก็รู้สึกโกรธเกรี้ยวยิ่งนัก และยิ่งรู้สึกได้ถึงหายนะที่แท้จริงอย่างแรงกล้า หากหมิงอวินได้รับอำนาจ ได้รับการเอาอกเอาใจ สถานะที่ฝ่าฟันต่อสู้จนได้มาครอบครองอย่างยากลำบากของเขาก็จะลดน้อยลงไป 

 

 

ติงหลั้วเหยียนส่งสายตาเป็นสัญญาณให้หลู่ฉีออกไปก่อน นางหันไปลงมือเทน้ำชาด้วยตนเองให้แก่หลี่หมิงเจ๋อ แล้วส่งมันถึงมือเขาพลางกล่าวขึ้นด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล “ข้ารู้ว่าเจ้าไม่ชอบพวกเขา ทว่าทุกคนต่างล้วนอยู่ภายใต้ชายคาเดียวกัน ถึงอย่างไรก็หนีหน้ากันไม่พ้น การแข็งข้อเกินไปมันคงไม่ดีนัก หากไม่พูดถึงการสานสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน แต่อย่างไรต่อหน้าก็ต้องทำให้พอเป็นพิธีไป เจ้าเป็นถึงพี่ใหญ่ มีที่ไหนกันน้องชายแท้ๆ แต่งงานแล้วไม่ส่งของขวัญไปให้ หากแพร่งพรายออกไปภายนอก ในฐานะเจ้าเป็นพี่ใหญ่จักต้องได้รับคำครหาเป็นแน่” 

 

 

หลี่หมิงเจ๋อนิ่งเงียบ ปฏิเสธไม่ได้ว่าที่ติงหลั้วเหยียนกล่าวมานั้นก็มีเหตุผล จึงเอ่ยถามออกไปอย่างไม่ชอบใจ “แล้วเจ้าเตรียมของขวัญอะไรเอาไว้งั้นหรือ” 

 

 

“ก็แค่พวกเครื่องประดับไข่มุกน่ะ ล้วนเป็นของที่ข้าไม่ชอบทั้งนั้น” ติงหลั้วเหยียนกล่าวอย่างขอไปที หากให้หลี่หมิงเจ๋อรับรู้เข้าว่านางเตรียมส่งของขวัญมากมายหนึ่งชุดไปให้ เกรงว่าเขาจะไม่ยินยอมขึ้นมาอีก 

 

 

หลี่หมิงเจ๋อกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “สาวชาวบ้านผู้นั้นไม่คู่ควรสิ่งของดีๆ อะไรทั้งสิ้น” 

 

 

ติงหลั้วเหยียนได้แต่ส่ายหน้าอย่างเอือมระอา ในสายตาของผู้อื่น หลินหลันเป็นเพียงหญิงสาวชาวบ้านที่ไม่คู่ควรเลยแม้แต่น้อย ทว่าในสายตาของหมิงอวิน หลินหลันกลับเป็นสิ่งล้ำค่าสำหรับเขา การได้เห็นหลี่หมิงอวินชักสีหน้าอย่างไม่ลังเลใจต่อหน้าท่านพ่อท่านแม่เพื่อหลินหลัน หากมิใช่เป็นเพราะรักสุดหัวใจ แล้วใยจะแสดงออกเสียขนาดนั้น ติงหลั้วเหยียนรู้สึกเจ็บปวดไปทั้งหัวใจ หมิงเจ๋อปากบอกว่าสนใจนาง ชอบนาง ทว่าเขาไม่มีทางก้าวไปข้างหน้าอย่างกล้าหาญเพื่อความยุติธรรมเฉกเช่นที่หมิงอวินทำได้ 

 

 

แม่เถียนกลับไปยังเรือนหลั้วเซี๋ยจายพร้อมหอบเอาความภาคภูมิใจและทะเยอทะยานไปเต็มเปี่ยม และกลับเห็นว่าทุกคนกำลังยืนอยู่ที่ลานบ้าน โดยมีแม่โจวกำลังให้การอบรม 

 

 

“ในเมื่อเอ้อร์เส้าเหยียและเอ้อร์เส้าหน่ายนายมอบหน้าที่ดูแลเรื่องราวต่างๆ ภายในบ้านนี้ให้แก่ข้า ข้าหญิงชราผู้หนึ่งก็จะทุ่มเทแรงกายแรงใจทำสุดความสามารถของข้า พวกเจ้าทุกคนก็ช่วยเป็นแรงกายแรงใจให้แก่ข้าด้วยแล้วกันนะ ตั้งใจนำหน้าที่ให้ดีที่สุด เมื่อทุกคนทำได้ดี แน่นอนว่าเอ้อร์เส้าเหยียและเอ้อร์เส้าหน่ายนายจักต้องมีรางวัลตอบแทนให้อย่างงาม หากทำได้ไม่ดี ผิดกฎระเบียบในจวนที่ได้กำหนดไว้ ไม่ว่าเจ้าจะเป็นกำลังสำคัญของเอ้อร์เส้าหน่ายนาย หรือเป็นผู้มีอำนาจข้างกายของเอ้อร์เส้าเหยีย หรือเป็นคนของใครก็ตาม ล้วนยึดตามกฎระเบียบของจวนในการลงโทษ ไม่มีการละเว้นใดๆ ทั้งสิ้น ทุกคนได้ยินชัดเจนแล้วใช่ไหม……” แม่โจวกวาดสายตามองไปยังกลุ่มคนเบื้องหน้าอย่างสง่างาม 

 

 

ทุกคนพร้อมใจตอบรับเป็นเสียงเดียวกัน “ได้ยินชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ……” 

 

 

แม่เถียนรู้สึกหนังหนาชาไปชั่วขณะ ลักษณะแม่โจวผู้นี้เหนือชั้นยิ่งกว่าแม่เจียงเสียอีก 

 

 

周妈冷眼瞥见田妈妈回来了,还大摇大摆的站到了队伍最前面,好显示她的身份高人一等,心里冷笑,可算把你给等到了。 

 

 

แม่โจวมองด้วยนัยน์ตาเย็นยาไปยังแม่เถียนที่เพิ่งกลับเข้ามา ก่อนจะทำทีเดินกรีดกรายไปเบื้องหน้าแถวแรกสุด เพื่อแสดงให้เห็นสถานะตัวตนของนางที่เหนือกว่า นางรู้สึกถึงความซะใจ กำลังรอเจ้าอยู่พอดีเชียว 

 

 

“จิ่นซิ่ว เจ้าช่วยอ่านกฎระเบียบของจวนแห่งนี้ให้ทุกคนได้รับฟังกันสักรอบ ให้ผู้มาเยือนใหม่ได้เรียนรู้ไปพร้อมกันด้วย” แม่โจวส่งสายตาเป็นสัญญาณให้จิ่นซิ่ว ขณะที่จิ่นซิ่วก็ตระหนักได้ในทันที หยิบเอากฎระเบียบของจวนหลี่ขึ้นมาอ่านด้วยเสียงดังฟังชัด 

 

 

“ไม่ขัดคำสั่งและรอบกัดต่อคำสั่งการของผู้เป็นนาย ต้องเชื่อฟังและไม่กระทำการใดๆ ลับหลัง……” 

 

 

“ห้ามมิให้ปฏิบัติต่อผู้เป็นนายอย่างไร้ซึ่งความเคารพ ห้ามมิให้ล้วงความลับส่วนตัวของผู้เป็นนายและคาดเดาความคิดของผู้เป็นนายไปต่างๆ นานาตามอำเภอใจ” 

 

 

“ห้ามมิให้แพร่งพรายข่าวลือใดๆ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสื่อมเสีย……” 

 

 

“ห้ามมิให้ละทิ้งหน้าที่ไปโดยมิได้รับอนุญาต หากมีเรื่องอันควรต้องขอตัวออกไป จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นนายหรือผู้ดูแลเสียก่อน……” 

 

 

กฎระเบียบเหล่านี้ แม่โจวคุ้นหูเป็นอย่างดีอยู่แล้ว ทาสรับใช้ที่อยู่ภายใต้การอบรมของนางเมื่อครั้งก่อนๆ ก็ต้องอ่านกฎเบื้องต้นเหล่านี้ด้วยเช่นกัน เพียงแต่ไม่เคยอ่านอย่างจริงจังตั้งแต่ต้นจรดท้ายเช่นนี้มาก่อน เหล่าทาสรับใช้ล้วนเรียนรู้กฎระเบียบมาก่อนที่จะเข้ามาทำหน้าที่ในจวน ดังนั้นแม่เถียนจึงคิดว่าการที่แม่โจวระดมกลุ่มคนขึ้นมาเช่นนี้ เป็นการเพื่อประดับบารมีของนางนั่นเอง 

 

 

จิ่นซิ่วอ่านกฏระเบียบตั้งแต่ต้นจรดท้ายอย่างไหลลื่น 

 

 

แม่โจวพยักหน้าพึงพอใจก่อนจะแสดงสัญญาณให้นางถอยกลับไปยังตำแหน่งเดิม หลังจากนั้นแม่โจวจึงเปล่งเสียงดังเอ่ยถาม “เมื่อครู่นี้ทุกคนได้ยินชัดเจนแล้วใช่หรือไม่” 

 

 

ทุกคนต่างขานรับด้วยเสียงดังฟังชัด “ได้ยินชัดเจนแล้วเจ้าค่ะ/ขอรับ…” 

 

 

ขณะที่แม่เถียนได้แต่บ่นพึมพำอย่างขอไปที 

 

 

แม่โจวเผยสีหน้าอันแสดงให้เห็นถึงความพึงพอใจแล้วเอ่ยขึ้น “กฎระเบียบเหล่านี้ พวกเจ้าซึ่งอยู่ในจวนหลี่ต่างก็เคยเรียนรู้กันมาแล้วทั้งนั้น ทว่านี่เป็นครั้งแรกที่ข้าได้ฟัง จึงเป็นอันว่าได้รับทราบแล้วเช่นกัน โดยนับแน่นี้ไป ภายในบ้านหลังนี้ มิว่าหัวหน้าหรือลูกน้องล้วนต้องยึดปฏิบัติตามกฎระเบียบเหล่านี้อย่างเคร่งครัด กระทั่งข้าเองหากกระทำผิด ข้าก็ต้องได้รับโทษเป็นไปอย่างทัดเทียมกัน ไม่มีการผ่อนหนักเป็นเบาโดยเด็ดขาด โดยเฉพาะ หยินหลิ่ว อวี้หลง รวมถึงเหวินซาน พวกเจ้าสามคนเป็นผู้มาใหม่ กลับไปทบทวนกฎระเบียบให้ดีอีกครั้งด้วย” 

 

 

อวี้หลงขานรับทันควัน “เจ้าค่ะ…” 

 

 

ขณะเดียวกันนั้นบนใบหน้าของแม่เถียนเผยให้เห็นสีหน้ารำคาญใจออกมาอย่างเด่นชัด แดดร้อนเปรี้ยงเสียขนาดนี้ นังหญิงชราผู้นี้ยังจะพร่ำพรรณนาไปอีกนานเท่าใดกัน 

 

 

“แม่เถียน…” 

 

 

แม่เถียนผู้ซึ่งถูกแม่โจวขานเรียกขึ้นมากะทันหัน จึงเกิดตกอกตกใจ เมื่อรู้สึกตัวจึงเดินก้าวมาเบื้องหน้าหนึ่งฝีก้าว 

 

 

แม่โจวฉีกยิ้มอบอุ่น ก่อนจะเอ่ยด้วยคำพูดอย่างเป็นกันเอง “แม่เถียนเป็นคนเก่าคนแก่ของในจวน หลังจากนี้หากข้ารับใช้มิเข้าใจอะไรตรงไหน คงจำเป็นต้องให้ท่านช่วยชี้แนะด้วย” 

 

 

แม่เถียนเห็นว่าแม่โจวคล้ายจะยกระดับความสำคัญนางขึ้นมา จึงแสดงตนเป็นผู้อาวุโสมากประสบการณ์ “เรื่องแบบนี้มันแน่นอนอยู่แล้ว และจะว่าไป ข้ารับใช้ในจวนแห่งนี้มีหลายคนเชียวล่ะที่ได้รับการฝึกอบรมโดยข้า” 

 

 

แม่โจวยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเอ่ยถาม “เมื่อครู่แม่เถียนออกไปข้างนอกมาหรือ” 

 

 

แม่เถียนเกิดความรู้สึกไม่พึงพอใจเล็กน้อย ด้วยความที่ไม่อยากให้นางสืบสาวให้มากความ จึงกล่าวอธิบายด้วยการแต่งเรื่องโกหกขึ้นมา “พอดีนึกขึ้นมาได้ว่าทางห้องคลังทรัพย์สินด้านนั้นยังไม่ได้มอบหมายงานให้ชัดเจน จึงเกรงว่าผู้มารับงานต่อจะทำผิดพลาดเอาได้ ก็เลยออกไปบอกกล่าวเสียหน่อยน่ะ” 

 

 

แม่โจวกล่าวขึ้นทันทีทันใด “อ๋อ…มิน่าละ เมื่อครู่เอ้อร์เส้าเหยียสั่งให้เก็บกวาดสิ่งของที่ไม่จำเป็นในห้องตำราออกมา เหล่าสาวใช้ไปตามหาท่านจึงไม่พบ” 

 

 

แม่เถียนกล่าวด้วยน้ำเสียงห้วนๆ “ข้าจะนำคนไปทำความสะอาดเดี๋ยวนี้” เมื่อนึกถึงตนเองต้องไปทำเรื่องระดับที่ไม่น่าสนใจเอาเสียเลย ในใจของนางก็รู้สึกถึงความหงุดหงิด ทำได้เพียงท่องคำที่ฮูหยินบอกเอาไว้ จึงต้องอดทน กล้ำกลืนฝืนทนต่อไปสักระยะ 

 

 

แม่โจวกล่าวด้วยท่าทีผ่อนคลาย “ไม่ต้องแล้วล่ะ พอดีเอ้อร์เส้าเหยียต้องใช้ห้องตำราอย่างเร่งด่วน ข้าเลยส่งคนอื่นไปทำความสะอาดเรียบร้อยแล้ว” 

 

 

ต่อให้แม่เถียนจะโสตประสาทช้าเพียงใดแต่นางก็เข้าใจได้ว่าแม่โจวกำลังตำหนินาง ทำเป็นแสดงอำนาจของนางต่อหน้าข้ารับใช้มากมายขนาดนี้ เพื่อทำให้นางอับอายขายหน้า 

 

 

“จิ่นซิ่ว เมื่อครู่เจ้าอ่านกฎระเบียบข้อที่ยี่สิบแปดไว้ว่าอย่างไรนะ” แม่โจวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเรียบเฉย 

 

 

จินซิ่วเปิดหนังสือแล้วพลิกอ่าน “ห้ามมิให้ละทิ้งหน้าที่ไปโดยมิได้รับอนุญาต หากมีเรื่องอันควรต้องขอตัวออกไป จำเป็นต้องได้รับการอนุญาตจากผู้เป็นนายหรือผู้ดูแลเสียก่อน……” 

 

 

ขณะนี้เองแม่เถียนจึงตระหนักได้ถึงปัญหากำลังมาเยือนเสียแล้ว เห็นทีว่าแม่โจวคงต้องการเชือดไก่ให้ลิงดูสินะ นางจึงเอ่ยปากอธิบายขึ้นมาทันที “ข้าเห็นว่าในบ้านนี้ไม่มีเรื่องอะไรให้ต้องจัดการ และด้วยนึกถึงเรื่องทางด้านห้องคลังทรัพย์สินนั่นขึ้นมาได้ ดังนั้นจึงแยกตัวออกไปเพียงชั่วประเดี๋ยวเดียว…..” 

 

 

แม่โจวแสยะยิ้มเย็นชา “แม่เถียน ในบ้านหลังนี้มีหรือไม่มีเรื่องอันใดให้จัดการ มิใช่พวกเราเป็นผู้ตัดสิน มิเช่นนั้นในจวนก็คงไม่ตั้งกฎระเบียบขึ้นมาเยี่ยงนี้หรอกนะ ระหว่างนี้ท่านเป็นผู้ดูแลเก็บกวาดทำความสะอาด งานนี้แม้จะสบายๆ แต่ก็ต้องคอยอยู่เพื่อให้การปรนนิบัติอยู่เสมอ มิใช่ว่าต้องให้ผู้เป็นนายเรียกใช้ท่านได้เฉพาะเมื่อท่านอยู่เท่านั้น นี่มันไม่ออกจะสลับกันไปหน่อยหรือ ท่านคิดเห็นว่าอย่างไรล่ะ” 

 

 

ไร้คำตอบใดๆ หลุดออกมาจากปากของแม่เถียน ด้วยแอบรู้สึกตกใจ จะเป็นไปได้ไหมว่าการกระทำของแม่โจวในวันนี้คือการเล่นงานนาง 

 

 

“แม้ว่าท่านจะเป็นคนเก่าแก่ของจวน และก็เพื่อเรื่องส่วนรวมของจวนจึงได้กระทำผิด ทว่าเอ้อร์เส้าเหยียได้สั่งเอาไว้ว่าต้องเคร่งครัดทุกกระเบียดนิ้ว นี่เป็นเพียงวันแรก หากไม่ลงโทษก็คงไม่ดีนัก แต่หากลงโทษเสียแล้วก็เกรงว่าทางด้านฮูหยินจะเข้าใจผิด เช่นนี้แล้วท่านคิดว่าข้าควรทำอย่างไรดีหรือ” แม่โจวแสดงทีท่าลำบากใจเป็นอย่างมาก 

 

 

แม่เถียนรู้ดีแก่ใจ ตนเองได้ถูกนังหญิงชราผู้นี้เล่นงานเข้าให้เต็มๆ ทว่านางเอาแต่พร่ำเอ่ยถึงกฎระเบียบออกมาทุกครั้งที่อ้าปาก อีกทั้งยังเป็นกฎระเบียบแห่งจวนนี้ เพื่อความยุติธรรม จะเป็นอื่นใดไปได้นอกเสียจากยอมรับโทษแต่โดยดี 

 

 

“ข้ายอมรับโทษก็ได้” แม่เถียนกล่าวอย่างหงุดหงิด 

 

 

แม่โจวถอดถอนหายใจออกมาหนึ่งทีแล้วเอ่ยขึ้น “เช่นนั้นก็ลดเงินเดือนครึ่งเดือนแล้วกัน! จิ่นซิ่ว เจ้าบันทึกเรื่องของวันนี้เอาไว้ทีว่าแม่เถียนกระทำผิดอันใด ผู้ใดเป็นพยาน และได้รับโทษอย่างไร ล้วนต้องจดบันทึกเอาไว้ให้ชัดเจน หลังจากนี้ผู้ใดกระทำผิดก็จักต้องลงบันทึกไว้เช่นกัน” 

 

 

แม่เถียนกัดฟันด้วยความโกรธเคืองอย่างขมขื่น การกระทำครั้งนี้ของแม่โจวช่างไร้ความปรานี ในภายภาคหน้ามิว่านางจะไปแห่งหนใดก็จักต้องแปดเปื้อนด้วยรอยด่างพร้อยนี้ โชคยังดีที่อย่างน้อยฮูหยินจะไม่ปล่อยพวกนางให้เชิดหน้าลอยตาได้นานนักหรอก คอยดูแล้วกัน 

 

 

“แม่เถียน หลังจากนี้ก็จำไว้ให้ดีว่าห้ามมิให้ออกจากบ้านไปตามอำเภอใจ หากท่านมีเรื่องจำเป็นอันใดต้องขอตัวออกไป ช่วยมารายงานข้าเสียก่อน ข้าเองก็มิใช่คนไร้เหตุไร้ผลแต่อย่างใด” แม่โจวเอ่ยอย่างนุ่มนวลยิ่งนัก พลางเผยทีท่าโอบอ้อมอารี 

 

 

แม่เถียนกัดฟันแน่นจนฟันแทบจะหักก็ว่าได้ ภายในวันเดียวถูกเล่นงานไปถึงสองดอก คนพวกนี้ล้วนมิใช่ไก่กาที่จะต่อกรได้อย่างงายดาย เห็นทีว่าภาระหน้าที่ของนางจะมิใช่ความลำบากขั้นธรรมดาอีกต่อไปเสียแล้ว