บทที่ 52 ข้าคือองค์ชายหกจริงๆ

บุตรแห่งโชคที่ว่า ไม่ใช่ข้าแน่นอน

บทที่ 52 ข้าคือองค์ชายหกจริงๆ!
“ข้าคือเสิ่นเอ้าองค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน ครั้งนี้มาเลือกของขวัญให้อาจารย์ เห็นร้านเจ้าคนเข้าออกเยอะคงมีกิจการดีใช้ได้ จึงเข้ามาดูเสียหน่อย”

เสิ่นเอ้าเพิ่งเอ่ยจบ ก็เห็นเถ้าแก่ซ่งมองตนด้วยสีหน้าแปลกประหลาด

“มะ…มีอะไร บนหน้าข้ามีอะไรรึ”

เถ้าแก่ซ่งได้สติกลับมา ก็เผยรอยยิ้มเจิดจรัสอย่างยิ่ง

“ถ้าผู้เฒ่าฟังไม่ผิด เมื่อครู่ท่านบอกว่าท่านคือองค์ชายหกแห่งอาณาจักรต้าเหยียน…องค์ชายเสิ่นเอ้าอย่างนั้นรึ”

เสิ่นเอ้าอึ้งไปเล็กน้อย “มีอะไร ข้าดูไม่เหมือนองค์ชายรึ”

เถ้าแก่ซ่งยิ้มๆ “ไม่ใช่อยู่แล้ว เพียงแต่พูดปากเปล่าไม่มีหลักฐาน…”

เสิ่นเอ้าหน้าบึ้งเล็กน้อย แค่นเสียงขึ้นจมูก “ข้าคนจริงเดินไม่เปลี่ยนชื่อนั่งไม่เปลี่ยนแซ่ อีกทั้งฝากตัวเป็นศิษย์ของผู้จริงแท้จื่อหยางแห่งแดนเทวาดาวประกายพรึก ใครจะกล้าแอบอ้างนามของข้า!”

เสิ่นเอ้าไม่พอใจยิ่งนัก

เขาเป็นถึงอัจฉริยะที่ยากจะพานพบในรอบร้อยปีแห่งราชวงศ์ต้าเหยียน อีกทั้งตอนนี้ยังทะลวงระดับสร้างฐานสำเร็จ การฝากตัวเข้าแดนเทวาดาวประกายพรึกอยู่ตรงหน้านี่แล้ว

ขอแค่เขาคารวะอาจารย์สำเร็จ ก็จะได้เข้าไปร่ำเรียนในแดนเทวาดาวประกายพรึกที่เป็นสุดยอดในสามสิบหกแดนเทวา

ถ้าให้เวลาที่เหมาะสม มหามรรคแก่นพลังทองก็เป็นเพียงเรื่องง่ายๆ สำหรับเสิ่นเอ้า

ต่อให้กะเทาะแก่นพลังเกิดเป็นดวงจิตดรุณ กลายเป็นผู้สูงศักดิ์ระดับดวงจิตดรุณก็ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้!

คนอย่างเขาคือโอรสสวรรค์ที่ถูกลิขิตเอาไว้ให้เป็นปลากระโดดข้ามประตูมังกร เถ้าแก่ร้านแร่วิญญาณเล็กจ้อยกลับกล้ามาสงสัยว่าเขาเป็นตัวปลอม

เหอะๆ ทั้งอาณาจักรต้าเหยียนยังมีใครไม่ดูตาม้าตาเรือกล้าปลอมตัวเป็นข้าอีก?

เสิ่นเอ้าหยิบป้ายคำสั่งสีทองแผ่นหนึ่งมาจากในอกเสื้อ ก่อนแสดงให้เถ้าแก่ซ่งดู

ป้ายคำสั่งนี้หลอมขึ้นจากทองคำทุกส่วน ด้านหน้ามีลวดลายทองคำวิญญาณเป็นมังกรแดงห้ากรงเล็บตัวหนึ่ง

มังกรแดงอ้าปากกางกรงเล็บ ทองคำวิญญาณยังแผ่พลังวิญญาณเปลวเพลิงที่แก่กล้าออกมา

เถ้าแก่ซ่งขมวดคิ้วเล็กน้อย “ท่านให้ข้าดูอย่างละเอียดได้หรือไม่”

เสิ่นเอ้ารู้สึกไม่สบายตัวขึ้นไปอีก “ป้ายคำสั่งราชสำนักมีของปลอมด้วยรึ”

เขาแค่นเสียงขึ้นจมูก แล้วจึงปาป้ายคำสั่งใส่ตู้แสดงสินค้า “หึ เจ้าดูเอาเถอะ!”

เถ้าแก่ซ่งพยักหน้า หยิบป้ายคำสั่งนั้นขึ้นมาเพ่งพินิจ

“เฮือก งานฝีมือและทักษะการแกะสลักชิ้นนี้เลียนแบบได้เหมือนจริงๆ!”

เสิ่นเอ้ามุมปากกระตุกเล็กน้อย “เจ้าพูดอะไรนะ”

เถ้าแก่ซ่งกระแอมไอ “แค่กๆ ข้าจะบอกว่าป้ายคำสั่งนี้เป็นของจริง”

เสิ่นเอ้ารับป้ายคำสั่งคืนมา “หึ รู้ก็ดี เสียอารมณ์จริงๆ!”

เสิ่นเอ้าเอ่ยจบก็หมุนตัวเดินออกจากประตูร้าน จะผ่าแร่วิญญาณไปร้านแร่วิญญาณที่ไหนก็ได้ไม่ใช่หรือ เถ้าแก่ร้านนี้พูดมาก แถมยังสงสัยในฐานะของเขาอีก

เสิ่นเอ้าแสดงให้เห็นว่าในชีวิตนี้เขาไม่เคยต้องคับอกคับใจเช่นนี้มาก่อน

จากนี้ไป เขาจะขึ้นบัญชีดำร้านแร่วิญญาณร้านนี้ไปตลอดชีวิต!

…………..

เถ้าแก่ซ่งเห็นเสิ่นเอ้าหมุนตัวจะจากไป ก็ร้อนใจขึ้นมาทันที

เขารีบเดินมาขวางหน้าเสิ่นเอ้าไว้ พูดด้วยรอยยิ้มว่า “องค์ชายอย่าทรงกริ้วไปเลย!”

เสิ่นเอ้าแค่นยิ้ม “เหอะๆ ข้าไม่ได้โมโห แค่จำเจ้าไว้แล้ว”

เถ้าแก่ซ่งรีบขอโทษขอโพย “ขออภัย ผู้เฒ่าระวังตัวมากเกินไป ความจริง องค์ชายเสิ่นเอ้าคือความภูมิใจของอาณาจักรต้าเหยียน และเป็นขวัญใจของผู้เฒ่าเลย

ผู้เฒ่าเลื่อมใสองค์ชายหกมากมาตลอด พอเห็นท่านบอกว่าตัวเองคือองค์ชายหกก็เลยรู้สึกเหลือเชื่อไปบ้างพ่ะย่ะค่ะ”

พอได้ฟังดังนั้น รอยยิ้มเยาะบนหน้าเสิ่นเอ้าคลายลงทีละน้อย

เขายิ้มหยีตาว่า “อ้อ ถ้าเช่นนั้นเจ้าลองพูดมาหน่อยสิว่าเหตุใดเจ้าถึงเลื่อมใสองค์ชายหก”

เถ้าแก่ซ่งตอบ “เป็นที่รู้กันอยู่แล้วว่าองค์ชายองค์ชายหกเสิ่นเอ้าคืออัจฉริยะสูงส่ง พรสวรรค์การบำเพ็ญพานพบได้ในรอบร้อยปีแห่งราชวงศ์อาณาจักรต้าเหยียน!

ไม่ใช่แค่นั้น เขายังมีเนตรปัญญา ชำนาญการค้นวิญญาณประเมินแร่อย่างยิ่ง หินแร่วิญญาณใดที่ผ่านตาเขาจะถูกมองความจริงภายในขาดได้ในพริบตา เป็นยอดบุคคลมหัศจรรย์ในวงการค้นวิญญาณประเมินแร่จริงๆ พ่ะย่ะค่ะ!”

เมื่อได้ฟังคำพูดเถ้าแก่ซ่ง รอยยิ้มบนใบหน้าเสิ่นเอ้าอ่อนโยนขึ้นเรื่อยๆ

ไม่นึกเลยว่าชื่อเสียงของข้าจะโด่งดังในสวนหมื่นวิญญาณเช่นนี้

เป็นที่รู้กันว่า คนที่อยู่รอดในสวนหมื่นวิญญาณได้ล้วนเป็นยอดบุคคลที่มีทั้งเงิน กำลัง และอำนาจ ไม่อย่างนั้นไม่มีทางซื้อหินแร่ที่ใช้ศิลาวิญญาณเป็นสิ่งแลกเปลี่ยนได้

การที่เถ้าแก่แห่งร้านวิญญาณสวรรค์ในสวนหมื่นวิญญาณอันยิ่งใหญ่ประจบต่อหน้าตน ให้ความรู้สึกประสบความสำเร็จมากกว่าพวกขันทีน้อยในวังชมเชยเยอะนัก

ทว่าใครสร้างข่าวลือปลุกปั่นว่าข้าชำนาญการค้นวิญญาณประเมินแร่กัน ข้ามุ่งมั่นไปกับการฝึกบำเพ็ญตั้งแต่เยาว์วัย จะมีเวลาไปเรียนของพวกนี้ด้วยหรือ

แต่ในเมื่อเถ้าแก่นี่เข้าใจผิด ก็ให้เขาเข้าใจผิดต่อไปแล้วกัน!

หากเป็นเช่นนั้น เขาก็คงไม่กล้าหลอกเงินข้าแล้ว!

เสิ่นเอ้าคิดรอบคอบในใจ พลางส่ายหน้าอย่างถ่อมตน

“ใช่ที่ไหนกัน ข้าก็แค่เข้าใจการค้นวิญญาณประเมินแร่เพียงเล็กน้อย เพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

………..

เถ้าแก่ซ่งยิ้มเล็กน้อย ก่อนเอ่ยว่า “เมื่อครู่ผู้เฒ่าเสียมารยาทต่อองค์ชาย มิควรจริงๆ เอาอย่างนี้แล้วกัน! หินแร่วิญญาณที่อยู่ข้างนอกพวกนี้ไม่เอาขึ้นตู้แล้ว ขอเชิญองค์ชายตามผู้เฒ่าเข้าไปโถงด้านในดีกว่า ผู้เฒ่าจะขอเลี้ยงชาเป็นการไถ่โทษสักถ้วย

จากนั้นผู้เฒ่าจะเอาแร่ระดับสูงสุดที่ผู้เฒ่าเก็บรักษาเอาไว้เองหลายปีออกมา องค์ชายทรงเลือกได้ตามใจเลย ถือว่าเป็นการขอขมากับที่สิ่งที่ผู้เฒ่าทำลงไปเมื่อครู่

ไม่ทราบว่าองค์ชายจะว่าอย่างไรพ่ะย่ะค่ะ?”

เข้าโถงในดื่มชาขอขมา จากนั้นเลือกของกำนัลที่เก็บซ่อนเอาไว้อีกชิ้นตามใจหรือ

ก็ดี ถึงอย่างไรก็ต้องเลือกสมบัติล้ำค่าไปเป็นของขวัญคารวะอาจารย์จื่อหยางสักชิ้นอยู่แล้ว

ในเมื่อเถ้าแก่นี่ก็เป็นผู้คลั่งไคล้ข้า เอาสมบัติมาถวาย เช่นนั้นข้าก็ไม่จะถ่อมตน ไม่เกรงใจแล้วกัน!

“เกรงใจไปแล้ว แบบนี้ข้าเองก็เกรงใจ!”

เสิ่นเอ้าเดินกลับมาจากประตูร้าน บอกปัดด้วยรอยยิ้มจนปัญญา

“ไอ้ลูกบ้า เจ้าดูร้านข้างนอกให้ดี พ่อต้องต้อนรับองค์ชายอย่างดีก่อน”

เถ้าแก่ซ่งมอบหมายงานร้านวิญญาณสวรรค์ให้บุตรชาย จากนั้นพาเสิ่นเอ้าเดินเข้าโถงใน

……..

ควันชาปกคลุมหนาทึบ ห้องโออ่าคลุ้งกลิ่นหอม

เถ้าแก่ซ่งรินน้ำชาให้เสิ่นเอ้าช้าๆ

เสิ่นเอ้าสูดดมทีหนึ่ง พูดด้วยรอยยิ้มว่า “ชาเขียวชั้นดีจากยอดเขานภากาศ”

เถ้าแก่ซ่งยกนิ้วโป้งให้ “องค์ชายเป็นยอดฝีมือด้านชาจริงๆ นับถือๆ!”

เสิ่นเอ้าดื่มชาในถ้วนหมดในรวดเดียว “เถ้าแก่ ของสะสมที่เจ้าว่าล่ะ!”

เถ้าแก่ซ่งยกมุมปากเล็กน้อย “องค์ชายอย่าทรงรีบร้อน รออีกประเดี๋ยวๆ”

เสิ่นเอ้าอึ้งไป “หรือว่าของสะสมนั่นต้องดูในเวลามงคล”

“องค์ชายอย่าเพิ่งรีบร้อน นับถอยหลังสิบไปพร้อมๆ กับผู้เฒ่า”

“สิบ เก้า แปด เจ็ด หก ห้า…”

รอยยิ้มบนใบหน้าของเถ้าแก่ซ่งค่อยๆ เย็นชาลง

เสิ่นเอ้าหน้าเปลี่ยนสี เขาพลันรู้สึกมึนหัวเล็กน้อย

ตอนนี้เอง เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นได้ ใบหน้าเปลี่ยนสีอย่างรุนแรง

“เจ้า! เจ้าพ่อค้าหน้าเลือด เจ้าวางยาในชา!”

เถ้าแก่ซ่งหยิบแส้หนังกับเชือกป่านออกมามัดหนึ่ง พร้อมหัวเราะเยาะหยัน

“เจ้าเด็กไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมอัปลักษณ์จากที่ใดกัน ถึงกับกล้าปลอมตัวเป็นท่านเซียน!

ป้ายคำสั่งนั่นทำเลียนแบบได้เหมือนมาก แม้แต่ข้ายังแทบจะแยกไม่ออก!

ถ้าไม่ใช่เพราะข้ามีโชควาสนาเคยได้แหงนหน้ามองใบหน้าอันหล่อเหลาเป็นเอกของท่านเซียนละก็ ครั้งนี้คงได้เกือบถูกเจ้าหลอก คิดว่าเจ้าเป็นตัวจริงแน่!

ใครก็ได้ แขวนไอ้เด็กอัปลักษณ์ไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมนี่ให้ข้าที!

ข้าจะลงโทษโบยมันอย่างหนัก สอบสวนมันว่าเหตุใดต้องปลอมตัวเป็นองค์ชายหก! ข้างกายยังมีสหายอยู่อีกหรือไม่!”

………….

เสิ่นเอ้ารู้สึกว่าหัวของตนหนักขึ้นเรื่อยๆ

ก่อนที่สติจะวูบดับลง ในความคิดเขาเหลือเพียงความคิดเดียว

ข้าคือองค์ชายหกเสิ่นเอ้าจริงๆ นะ!

…………………………………….……