ตอนที่ 75 มาเอาหมา

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 75 มาเอาหมา

เช้าวันรุ่งขึ้น เจียงป่าวชิงออกกำลังกายเลียนแบบท่าสัตว์ตามแบบฉบับชาวจีนอย่างอารมณ์ดี  ออกกำลังกายเสร็จ นางก็ไปก่อไฟเพื่อทำอาหาร และหลังจากที่แก้ไขปัญหาปากท้องของตัวเองเสร็จแล้ว นางก็เริ่มจับจอบและปรับดินที่ในลานบ้าน

เจียงป่าวชิงตั้งใจจะทำแปลงปลูกผักในลานบ้าน เพื่อที่จะได้มีผักกินอย่างเพียงพอในอนาคต

นางวางแผนไว้เรียบร้อยแล้วว่าจะปลูกมะเขือยาวตรงแปลงนี้ ถึงตอนนั้นก็จะเอาเนื้อสับมาทำเป็นเมนูน้ำแดง เพียงแค่คิดก็รู้สึกอร่อยแล้ว ส่วนตรงนี้ นางจะปลูกผักกาดขาว ผักกาดขาวหัวใหญ่ ๆ ที่อุ้มน้ำ ไม่ว่าจะทำน้ำสำหรับจิ้มเพิ่มรสชาติหรือทำเป็นน้ำต้มซดอุ่น ๆ ก็อร่อยเหมือนกัน ส่วนตรงนี้นางจะปลูกกุยช่าย ถึงตอนนั้นจะได้สะดวกในการห่อเกี๊ยว และนางจะปลูกมะเขือเทศกับแตงกวาไว้ตรงใกล้ ๆ นี้  เมื่อฤดูเก็บเกี่ยวมาถึง นางก็แค่เด็ดแล้วนำไปล้างน้ำนิดหน่อยก็สามารถกินได้แล้ว

เจียงป่าวชิงกำลังนึกถึงวันที่สวยงามของบ้านการเกษตรในอนาคต จู่ ๆ ก็มีคนเรียกนางจากด้านนอกลานบ้านเสียก่อน “น้องชิง!”

เจียงป่าวชิงหันกลับไปก็เห็นซุนต้าหูกำลังยืนฉีกยิ้มอย่างไร้เดียงสา และโบกมือให้นางอยู่ตรงนั้น

เจียงป่าวชิงเองก็ยิ้มให้เขาเช่นกัน ก่อนจะเดินไปเปิดประตูให้ซุนต้าหูอย่างร่าเริง “พี่ต้าหู มาเที่ยวเล่นหรือเจ้าคะ ?”

ซุนต้าหูเห็นเจียงป่าวชิงถือจอบไว้ในมือ และดินตรงลานบ้านก็เกลี่ยไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว เขาก็ไม่พูดอะไร แต่เลือกที่จะแย่งจอบมาถือเองและตำหนิเจียงป่าวชิงเล็กน้อย “น้องชิงนี่จริง ๆ เลย ก่อนหน้านี้ข้าบอกไปแล้วว่าถ้าในบ้านมีงานที่ต้องใช้กำลัง ให้เจ้าไปเรียกข้า เหตุใดเจ้าถึงเห็นข้าเป็นคนนอกเช่นนี้เล่า ?”

เจียงป่าวชิงรู้สึกเกรงใจอยู่เล็กน้อย “งานนี้ก็ไม่ได้เหนื่อยอะไรนี่เจ้าคะ ถือว่าข้าได้ออกกำลังกายไปในตัว…”

ซุนต้าหูถ่มน้ำลายลงบนมือตัวเองนิดหน่อย จากนั้นเขาก็ถือจอบเพื่อเริ่มทำการปรับดินและพูดกับเจียงป่าวชิงไปด้วย “เจ้ายังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ อยู่เลย และเจ้าก็สูงกว่าจอบนี้ไม่เท่าไหร่ด้วย งานนี้เหนื่อยมาก เหตุใดถึงอวดฝีมือเช่นนี้เล่า ? อีกอย่าง ไหล่เจ้ายังมีแผลอยู่ไม่ใช่รึ ?”

“ข้าใกล้หายดีแล้วเจ้าค่ะ”

“ใกล้หายก็ไม่ใช่ว่ายังไม่หายรึ ? เจ้านี่จริง ๆ เลย!”

ซุนต้าหูพูดเจียงป่าวชิงแต่ไม่ได้หยุดงานในมือลง เขาออกแรงปรับดินครั้งแล้วครั้งเล่าขณะที่ปากก็บ่นว่าน้องสาวตัวน้อยคนนี้ไปด้วย

ซุนต้าหูแรงเยอะ การที่เขาลงแรงอย่างแข็งขันเช่นนี้ทำให้เขาปรับดินได้เร็วและดี ประสิทธิภาพดินที่ออกมาก็สูงกว่าเจียงป่าวชิงหลายเท่า

เจียงป่าวชิงหมุนตัวเดินเข้าไปหยิบกาน้ำในบ้าน ซึ่งข้างในเป็นน้ำร้อนที่นางตั้งทิ้งไว้จนเย็นแล้ว นางรินน้ำให้ซุนต้าหูและบอกเขาให้ดื่ม “พี่ต้าหู ดื่มน้ำก่อนเจ้าค่ะ”

ซุนต้าหูเองก็ไม่ได้เกรงใจอะไรเจียงป่าวชิง เขาส่งเสียงตอบรับเล็กน้อย จากนั้นก็รับน้ำไปดื่มจนหมด

มีซุนต้าหูมาช่วย แปลงผักในลานบ้านก็ถูกปรับดินเสร็จอย่างว่องไว นอกจากนี้ ซุนต้าหูยังไถแปลงผักให้อย่างระมัดระวังอีกด้วย ซึ่งดูเหมือนจะเป็นระเบียบไม่น้อยเลย

เจียงป่าวชิงพูดขอบคุณซุนต้าหูอย่างจริงใจ

ซุนต้าหูรีบโบกมือไปมาทันที “ฮั่นแน่ะ เจ้าอย่าได้นึกเกรงใจกับพี่ต้าหูของเจ้าเชียว” จากนั้นเขาก็พูดถึงจุดประสงค์ของการมาในครั้งนี้ “เอ้อ  น้องชิง… ครั้งที่แล้วเจ้าบอกว่าอยากเลี้ยงหมาตัวเล็ก ๆ สักตัวเพื่อเอาไว้เฝ้าบ้านไม่ใช่รึ ? สองสามวันนี้ข้าได้ไปถามมาให้แล้ว และบังเอิญว่ามีหมาตัวเล็ก ๆ ในครอบครัวหนึ่งที่หมู่บ้านลั่วโถว มันเพิ่งอายุครบเดือนและมีหลายตัวด้วยนะ วันนี้ข้าจึงคิดว่าจะมาถามเจ้าดูว่าเจ้าต้องการจะไปดูด้วยกันไหม เพื่อที่เจ้าจะได้เลือกตัวที่เจ้าถูกใจจริง ๆ มาเลี้ยง”

เจียงป่าวชิงได้ฟังดังนั้นก็ตาเป็นประกายทันที นางขานรับอย่างเต็มปากเต็มคำ “ได้สิ ได้เลย”

ปิดประตูบ้านเรียบร้อยแล้ว ทั้งสองก็พากันออกไป เจียงป่าวชิงมองซุนต้าหูและพบว่าเขามาที่นี่ด้วยรถล่อเหมือนเดิม

ล่อถูกผูกไว้กับต้นไม้ที่อยู่ไม่ไกลออกไป และมันกำลังกระดกเท้าอย่างเบื่อหน่ายอยู่ตรงนั้น  บนรถสามล้อที่ถูกดึงโดยล่อมีเบาะรองนั่งปูไว้อยู่หนึ่งอัน ดูก็รู้ว่าซุนต้าหูเตรียมไว้ให้เจียงป่าวชิง

เมื่อมีผู้ที่มาจัดการให้ตัวเองอย่างเอาใจใส่แบบนี้ เจียงป่าวชิงก็รู้สึกซาบซึ้งใจ “พี่ต้าหู ขอบคุณนะเจ้าคะ” นางรู้ว่าคำขอบคุณนี้ค่อนข้างจะธรรมดาไปสักหน่อย แต่นางไม่รู้จะพูดอะไรในเวลานี้จริง ๆ

ซุนต้าหูไม่สนใจ เขาเกาศีรษะตัวเองเบา ๆ “ข้าบอกแล้วอย่างไรล่ะว่าอย่าทำเหมือนข้าเป็นคนอื่นคนไกล เจ้าเด็กนี่นะ!”

ซุนต้าหูบังคับรถล่อและพาเจียงป่าวชิงไปที่หมู่บ้านลั่วโถว

หมู่บ้านลั่วโถวอยู่ไม่ไกลจากชีหลี่โวเท่าไหร่นัก ข้ามภูเขาลูกเดียวก็ถึงแล้ว ไม่นานทั้งสองคนก็มาถึงที่หมู่บ้านลั่วโถว

ซุนต้าหูจอดรถล่อตรงทางเข้าหมู่บ้าน เขาให้เจียงป่าวชิงลงรถไปก่อน จากนั้นเขาก็พูดกำชับเจียงป่าวชิงว่า “น้องชิง เจ้าอย่าไปไหนไกลนะ ข้าจะไปหาน้องชายข้าเพื่อให้เขาช่วยดูรถสักครู่หนึ่ง จากนั้นข้าค่อยไปเลือกหมากับเจ้า เพราะถนนฝั่งนั้นเดินทางได้ไม่ค่อยสะดวกสักเท่าไหร่ รถก็ผ่านไม่ค่อยได้เช่นกัน”

เจียงป่าวชิงพยักหน้าและขานรับด้วยท่าทางที่ซุนต้าหูมองแล้วรู้สึกว่าน่ารัก

ผู้คนที่หมู่บ้านลั่วโถวนี้ไม่ค่อยมากเท่าไหร่ แต่ก็เหมือนกับที่ชีหลี่โว ชาวบ้านในหมู่บ้านอาศัยอยู่กันแบบบางตาที่บนภูเขา

เจียงป่าวชิงยืนอยู่ตรงทางเข้าหมู่บ้าน สักพักก็มีคุณป้าที่กำลังคุยเล่นกันกับเพื่อนสังเกตเห็นนาง

“หนูน้อย มานี่สิ” คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะทักทายเจียงป่าวชิงอย่างเป็นกันเอง “เจ้ามาจากไหนรึ ? เหตุใดถึงไม่เคยเห็นเจ้าเลยล่ะ ? เป็นคนหมู่บ้านอื่นหรือ ?”

มีผู้ใหญ่มาทักทายเช่นนี้ หากไม่สนใจเลยก็ออกจะน่าเกลียดไปหน่อย เจียงป่าวชิงจึงเดินเข้าไปหาป้าคนนั้นพร้อมกับพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้ากับพี่ชายของข้าเป็นคนที่อื่นเจ้าค่ะ เรามาทำธุระที่นี่นิดหน่อย”

คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะดูเหมือนจะชอบเด็กผู้หญิงที่น่ารักอย่างเจียงป่าวชิง ถึงแม้ว่าเจียงป่าวชิงจะผอมไปสักหน่อย แต่พื้นฐานรูปลักษณ์ของนางก็เห็น ๆ กันอยู่ว่าดูดี แม้ว่านางจะยังโตไม่เต็มที่ แต่มันกลับทำให้คนที่มองดูอดที่จะเกิดความชื่นชอบอย่างเสียไม่ได้

“ไอ้โย! ช่างเป็นเด็กที่น่ารักจริง ๆ” คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะยื่นมือออกไปเพื่อจะโอบไหล่เจียงป่าวชิง

ทว่าเจียงป่าวชิงนั้นไม่ชอบให้ผู้อื่นมาสัมผัสตัวนาง ถึงแม้ว่าอาการเจ็บจะไม่รุนแรงเท่าตอนที่คุณชายกงคนนั้น แต่ถ้านางเลี่ยงได้ก็จะเลี่ยง และพยายามให้คนอื่นแตะตัวนางน้อยที่สุด

เจียงป่าวชิงก้าวไปด้านหน้าอย่างเป็นธรรมชาติ ดูเหมือนจะใกล้กับคุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะมากยิ่งขึ้น จากนั้นนางก็ทำการหลบหลีกการโอบกอดของคุณป้า

การกระทำของเจียงป่าวชิงเป็นธรรมชาติมาก ราวกับนางเพิ่งตระหนักขึ้นได้ว่านางกับคนอื่นอยู่ใกล้กันเกินไป นางจึงยิ้มอย่างเกรงใจและก้าวถอยหลังอีกครั้ง

คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะไม่ทันสังเกตเห็นถึงการกระทำที่จงใจหลบหลีกของเจียงป่าวชิงแม้แต่น้อย นางเก็บมืออย่างเป็นธรรมชาติและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “เด็กฉลาดเช่นนี้ เจ้าเป็นคนที่หมู่บ้านไหนรึ ?”

จู่ ๆ คุณป้าเสื้อสีแดงที่อยู่ด้านข้างก็หัวเราะขึ้นมา “ฮ่า ๆ เจ้าชอบนางรึ ? ลูกชายทั้งสองคนของเจ้าแต่งเมียหมดแล้ว หรือว่าเจ้าจะจองลูกสะใภ้ให้หลานชายวัยสองขวบคนนั้น ?”

บนใบหน้าของคุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะไม่มีความอึดอัดใจแม้แต่น้อย นางทำเพียงดุคุณป้าเสื้อสีแดง “ข้าก็แค่ถามไปอย่างนั้นแหละ ดูเจ้าสิ สร้างเรื่องอะไรขนาดนั้น หากว่าทำให้เด็กมันตกใจจะทำอย่างไรล่ะ ?”

คุณป้าเสื้อสีแดงหัวเราะคิกคัก

หลังจากถูกขัดจังหวะเช่นนี้ คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะก็ลืมไปว่านางถามเจียงป่าวชิงว่าเป็นคนหมู่บ้านไหน นางเริ่มพูดเรื่องอื่นแทน “เจ้ามาที่นี่มีธุระอะไรหรือ ?”

“พี่ข้าพามาดูหมา จะเอาไปเลี้ยงที่บ้านเจ้าค่ะ”

“อ้อ มาเอาหมาหรอกรึ ?” คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะตบขาดังฉาด “ตอนนี้ในหมู่บ้านครอบครัวที่มีหมาก็มีแค่ครอบครัวของจูเหล่าซาน ที่นั่นไม่ถือว่าไกลเท่าไหร่ ต้องการให้ข้าพาเจ้าไปที่นั่นไหมล่ะ ?”

รอยยิ้มของเจียงป่าวชิงทั้งบริสุทธ์ทั้งเหนียมอาย “ข้าขอบคุณท่านป้าที่หวังดีเจ้าค่ะ แต่ข้ารอพี่ชายอยู่ที่นี่ดีกว่า หากเขามาแล้วจะได้ไปด้วยกันเจ้าค่ะ”

คุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะก็ไม่ได้ใส่ใจจะคะยั้นคะยอไปส่ง นางหัวเราะและเริ่มพูดเกี่ยวกับเรื่องอื่น ๆ ส่วนเจียงป่าวชิงก็ได้แต่ฟังนางอย่างมีมารยาท

ทว่าทันใดนั้นเอง คุณป้าเสื้อสีแดงพูดกับคุณป้าที่โพกผ้าสีน้ำเงินแดงบนศีรษะ “ไอ้โย! เจ้ารู้หรือเปล่าว่าเมิ่งเถี่ยคนนั้นใกล้จะแต่งเมียอีกแล้ว และไม่รู้ว่าเป็นครอบครัวไหนที่เป็นผู้โชคร้ายในครั้งนี้นะ แล้วก็นะ… ข้าได้ยินมาว่าครั้งนี้ก็จ่ายเงินไปเยอะเหมือนเดิมเลยด้วย”

.