ตอนที่ 74 ได้โอกาสเอายาดี

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 74 ได้โอกาสเอายาดี

กงจี้มองเจียงป่าวชิงที่นั่งอยู่ข้างตัวเอง ขณะที่เจียงป่าวชิงบอกใบ้ให้เขายื่นมือออกมา

ทว่ากงจี้นั้นไม่มีการตอบสนองใด ๆ เจียงป่าวชิงจึงฉวยแขนเขาด้วยมือซ้ายของตัวเองเสียเลย จากนั้นนางก็วางนิ้วมือขวาสองนิ้วลงบนแขนของกงจี้ และเริ่มทำการวัดชีพจรให้เขาทันที

กงจี้ปัดมือซ้ายของเจียงป่าวชิงออกไป แต่เขากลับไม่ได้มีปฏิกิริยาที่รุนแรงอะไรอีก และปล่อยให้เจียงป่าวชิงวัดชีพจรให้เขาทั้งอย่างนั้น

ฝูฉูที่รออยู่ด้านข้างเงียบ ๆ ตกใจจนนางเกือบประคองสีหน้าที่สงบเสงี่ยมของตัวเองไว้ไม่ไหวอยู่แล้ว

ท่านชายของนางไม่ชอบให้ใครสัมผัสร่างกายเขา ยกเว้นก็แต่ไป๋จี ส่วนนาง แม้ว่านางจะเป็นสาวใช้ที่มาพร้อมกับชื่อ แต่ในวันปกติ นางกลับทำได้เพียงช่วยเติมชา รินน้ำ และทำงานที่ไม่สัมผัสตัวท่านชายของนางเท่านั้น…

เจียงป่าวชิงไม่สังเกตเห็นถึงอาการตกตะลึงของฝูฉู นางเก็บมือกลับมา จากนั้นก็พยักหน้าให้กงจี้เล็กน้อย “ผลลัพธ์ของวันนี้ดีกว่าที่ข้าคิดไว้ ตอนนี้เจ้ารู้สึกผ่อนคลายบ้างหรือไม่คุณชายกง ?”

ผ่านไปสักครู่ กงจี้ถึงจะพูดขึ้น “รู้สึก”

เจียงป่าวชิงดีใจมาก นางรีบพูดกำชับเขา “ประเดี๋ยวข้าจะจ่ายยาให้เจ้ากินก่อนนอน แล้ววันพรุ่งในตอนบ่ายข้าจะมาวัดชีพจร จ่ายยา และแช่เท้าเพื่อขับพิษให้เจ้าอีก เจ้าเองก็ไม่ต้องกลัวเจ็บล่ะ”

กงจี้ส่งเสียงไม่พอใจออกมาทางจมูกเล็กน้อย

ฝูฉูพูดขึ้น “แม่นางเจียง ไม่ทราบว่าท่านชายของพวกข้าจะต้องได้รับโทษนี้ไปอีกนานแค่ไหนรึ ?”

เจียงป่าวชิงมองฝูฉูก่อนจะพูดด้วยสีหน้าจริงจัง “พี่ฝูฉู ข้ากำลังรักษาขาของท่านชายของพี่อยู่นะ เหตุใดถึงบอกว่าได้รับโทษล่ะ ? ส่วนนานแค่ไหนนั้นข้าไม่รู้ เพราะถึงอย่างไรพิษที่เก็บมานานหลายปีก็ต้องดูโชคส่วนตัวของท่านชายของพี่ด้วยเช่นกัน”

รอยยิ้มของฝูฉูมีความฝืนเกร็งเล็กน้อย “แม่นางเจียงพูดถูก ข้าเข้าใจแล้วล่ะ”

เจียงป่าวชิงไถลลงมาจากบนจุดที่กงจี้อยู่ เมื่อยืนนิ่งแล้ว นางก็เดินไปที่หน้าตู้ยา จากนั้นก็เปิดลิ้นชักเล็ก ๆ แต่ละอันและหยิบเครื่องปรุงยาออกมาจำนวนหนึ่ง  มีลิ้นชักใส่ยาสองสามอันวางสูงเกินไป นางจึงเรียกไป๋จีและสั่งให้เขาที่เป็นคนแขนขายาวกว่านางมาหยิบยาแทนนางอย่างไม่คิดเกรงใจ

ในกระบวนการจ่ายยา เจียงป่าวชิงพบเครื่องปรุงยาที่หายากและมีคุณค่าหลายชนิดวางอยู่ในลิ้นชักของตู้ยาอย่างสะเปะสะปะ นางจึงอดที่จะร้องออกมาเสียงดังอย่างเสียไม่ได้ “โอ้โห! ยาตัวนี้ที่บ้านของเจ้าก็มีรึ ?!”

“โอ้! และตัวนี้ก็มี”

เจียงป่าวชิงอยากนำตู้ยาในบ้านของคุณชายกงผู้นี้มาครอบครองไว้เองจริง ๆ เพราะมันครบครันเกินไปจนน่าอิจฉา

จ่ายยาเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ทุบเอวตัวเองเล็กน้อย “เท่านี้ล่ะ ตอนกลางคืนนำน้ำสามถ้วยมาต้มให้กลายเป็นถ้วยเดียว จากนั้นก็ดื่มก่อนนอนนะ”

ไป๋จีที่ออกแรงช่วยอยู่ด้านข้างตกตะลึงจนอ้าปากค้าง “หืม… ไม่ต้องออกใบสั่งยาหรอกหรือ ?”

เจียงป่าวชิงพูดด้วยเหตุผลที่เพียงพอ “ออกใบสั่งยาอะไรกันเล่า ? เด็กชนบทที่ปัญญาอ่อนมาตั้งเจ็ดแปดปีอย่างข้า จะเขียนหนังสือเป็นได้อย่างไรกัน ?”

ไป๋จีอึ้งไป ทว่าเจียงป่าวชิงพูดต่อไป “หากว่าเจ้าไม่วางใจ เช่นนั้นก็ให้คนที่ตรวจสอบยามาตรวจดูอีกครั้งก็ได้”

การที่นางออกใบสั่งยาที่ต้องใช้ในการแช่เท้าเพื่อขับพิษตั้งแต่เมื่อคืน อันที่จริงก็เพื่อให้ทางฝั่งของกงจี้ได้มีเวลาเพียงพอในการตรวจสอบ

เจียงป่าวชิงรู้ดีว่าบนตัวนางนั้นมีอีกหลายจุดที่ยังอธิบายไม่ชัดเจน และหากว่าพวกเขาจะสงสัยในสถานการณ์ที่อันตรายถึงชีวิตเช่นนี้ก็ไม่อาจจะปฏิเสธว่าไม่ดีทั้งหมดได้ เพราะยังมีส่วนดีอยู่บ้าง

ไป๋จีไม่ได้พูดอะไร

เจียงป่าวชิงทุบเอวตัวเองต่อ จากนั้นก็พูดขึ้น “ถ้าไม่มีอะไรแล้ว ข้าขอตัวกลับก่อนแล้วกัน”

“รอเดี๋ยว แม่นางเจียง” ไป๋จีเรียกเจียงป่าวชิงไว้ก่อน

เจียงป่าวชิงหันกลับไปมองเขา “มีอะไรอีกอย่างนั้นหรือ ?”

ไป๋จีพูดด้วยใบหน้าเคร่งขรึม “แม่นางเจียง เนื่องจากสถานะของเจ้านายของข้าพิเศษมาก เขาจึงใช้สถานะปลอมในการรักษาตัวอยู่ที่นี่ ข้าหวังว่าแม่นางเจียงจะไม่พูดกับคนอื่นเกี่ยวกับเรื่องเจ้านายของข้า”

อ้อ เป็นเรื่องนี้นี่เอง

เจียงป่าวชิงโบกมือไปมา “ไม่ต้องห่วง ข้าไม่เที่ยวไปพูดมั่ว ๆ หรอก”

การป้องกันความเป็นส่วนตัวของแพทย์และผู้ป่วยถือเป็นจรรยาบรรณวิชาชีพขั้นพื้นฐานของผู้ประกอบอาชีพทางด้านการแพทย์อย่างนาง

ตอนที่เดินมาถึงหน้าประตู เจียงป่าวชิงก็นึกเรื่องบางอย่างขึ้นได้จึงหมุนตัวกลับ จากนั้นก็เรียกกงจี้ด้วยใบหน้าที่เปี่ยมล้นไปด้วยรอยยิ้มแห่งไม่ตรีจิต “คุณชายกง ข้าจะปรึกษาเรื่องบางอย่างกับเจ้าสักหร่อย”

กงจี้เอนตัวพิงอยู่บนพื้นที่ยุบตัว เขามองสาวน้อยร่างผอมที่ส่งยิ้มเจิดจรัสอยู่ที่ประตูเล็กน้อยแต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา

เจียงป่าวชิงคิดเองว่าคุณชายกงผู้นี้อาจจะได้ยินแล้ว นางจึงยิ้มตาหยี “คุณชายกง เจ้าดูสิว่าในบ้านมียาตั้งมากมาย เจ้าคนเดียวใช้ไม่หมดหรอก ข้าขอเอาไปใช้หน่อยได้หรือไม่ ?”

กงจี้หลับตาพูดสั้น ๆ “แล้วแต่เจ้า”

เจียงป่าวชิงอยากตะโกนออกมาเสียงดังว่าตัวนางเองจะอายุยืนแล้ว นางหันกลับมาอย่างคล่องแคล่ว จากนั้นก็ดึงไป๋จีเพื่อให้เขาเปิดลิ้นชักและหยิบยาให้นาง “เร็วสิไป๋จี ก่อนที่เจ้านายของเจ้าจะเปลี่ยนใจ ข้าเอาอันนี้ อันนั้น แล้วก็อันนั้นด้วย”

ไป๋จีพูดไม่ออก แต่มือยังคงหยิบยาทุกอย่างตามที่เจียงป่าวชิงบอก

“เฮ้อ… ไป๋จี เจ้านี่ขี้งกจังนะ หยิบเยอะ ๆ ซี่ มา เอามาให้ข้าช่วยถือ”

“แต่ว่าแม่นางเจียง… นี่ก็ใกล้จะหมดตู้แล้ว…”

“ยังไม่หมดไม่ใช่หรือ ? นั่น หยิบอันนั้นให้ข้าอีกหน่อยเถอะ”

“…” ไป๋จียังคงอึ้งอยู่อย่างนั้น

เจียงป่าวชิงหยิบเครื่องปรุงยามากกว่าสิบชนิดติดต่อกัน มีทั้งชนิดที่เห็นได้ทั่วไป และชนิดหายากที่ไป๋จีเห็นแล้วก็รู้สึกปวดใจจนไม่กล้ามองมันอีกเป็นคราที่สอง

นี่ถือเป็นการเก็บเกี่ยวที่ยิ่งใหญ่เลยทีเดียวสำหรับเจียงป่าวชิง นอกจากนี้แล้ว นางยังสั่งให้ไป๋จีช่วยกระทุ้งยาเหล่านี้ให้กลายเป็นผงอีกด้วย

เจียงป่าวชิงถือห่อยากลับไปอย่างร่าเริง ในขณะที่ไป๋จีถอนหายใจและส่ายศีรษะพร้อมกับเดินกลับเข้าไปในบ้าน

“แม่นางเจียงเป็นหญิงที่ซับซ้อนจริง ๆ” ไป๋จีประเมินเจียงป่าวชิง

กงจี้ได้พักผ่อนในช่วงเวลานี้ ทำให้ความเจ็บบนขาของเขาผ่อนคลายลงบ้างแล้ว เขาส่งเสียงออกมาอย่างไม่พอใจ จากนั้นก็พูดเหน็บแนมเจียงป่าวชิง “นางไม่ต่างอะไรกับหัวขโมย”

คำนวณคร่าว ๆ คือหัวขโมยตัวน้อยคนนั้น ได้ปล้นเครื่องปรุงยาที่มีค่าอย่างน้อยหลายร้อยตำลึงเลยก็ว่าได้

ถึงแม้ว่าเขาจะไม่สนใจเงินพวกนี้ แต่เมื่อนึกถึงรอยยิ้มเจิดจรัสที่อิ่มอกอิ่มใจของเจียงป่าวชิงคนนั้นแล้ว กงจี้ก็ส่งเสียงหัวเราะ

นางคือผีน้อยที่ชวนให้คนรังเกียจหรือเปล่านะ…

……

เจียงป่าวชิงถือห่อยากลับไปที่บ้านตัวเองด้วยอารมณ์ที่ดีมาก

เนื่องจากร่างกายของนางขาดสารอาหารมาเป็นเวลานาน นางจึงอ่อนแอมากจริง ๆ นางต้องอาศัยการออกกำลังกาย กินของบำรุงร่างกาย และต้องใช้เวลานานถึงจะสามารถค่อย ๆ ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปเหล่านี้ได้

ทว่าตอนนี้กลับแตกต่างกัน นางมีโอกาสคว้าเอายาเหล่านี้มาจากในมือของไอ้โรคจิตกงคนนั้น หนึ่งในนั้นยังมีเครื่องปรุงยาที่หายากและมีน้อย มันเป็นใบสั่งยาสำหรับบำรุงพลังและโลหิตในร่างกาย และมันยังสามารถให้นางใช้ชดเชยสิ่งที่ขาดหายไปในวัยเด็กได้  แต่ทว่าวิธีที่ดีที่สุดในการทำยาคือต้องใช้น้ำผึ้งเป็นจำนวนมาก และต้องทำยาด้วยวิธีการคั่วน้ำผึ้ง

ตอนที่นางไปตลาดนัดในอำเภอเมื่อครั้งที่แล้ว เจียงป่าวชิงถามราคาน้ำผึ้งจากพ่อค้าผู้หนึ่งแล้วและพบว่ามันราคาสูงมาก  อีกอย่าง ตอนนี้นางก็ไม่มีปัญญาซื้อมัน

เจียงป่าวชิงครุ่นคิดสักพัก จากนั้นก็ตัดสินใจที่จะทำยาจากแป้งหมี่

ด้วยลักษณะของแป้งหมี่ ยาที่ทำจึงไม่สามารถเก็บไว้ได้นาน และด้วยวิธีการจัดเก็บในปัจจุบัน ก็คงจะเก็บได้ประมาณสองถึงสามวัน

ในครั้งหนึ่งนั้น นางสามารถทำได้ในปริมาณของสามวัน กินเสร็จก็ค่อยทำใหม่

เจียงป่าวชิงออกไปก่อไฟด้านนอก จากนั้นก็คั่วยาในปริมาณที่เหมาะสมด้วยไฟอ่อนเพื่อให้สีเข้มขึ้น และเติมน้ำกับแป้งหมี่ในปริมาณที่เหมาะสม สุดท้ายก็ทำเป็นเม็ดยาแล้วนำไปนึ่งให้สุก ไม่นาน ยาบำรุงพลังและโลหิตของนางก็ขึ้นจากกระทะ

หลังจากปล่อยให้เย็น เจียงป่าวชิงก็เลือกมาเม็ดหนึ่งแล้วโยนเข้าไปในปาก นางเคี้ยวอยู่สักครู่ จากนั้นความขมก็แทบจะระเบิดในปากของนางทันที

ขม!

ให้ตายเถอะมันขมมาก!

หัวคิ้วของเจียงป่าวชิงขมวดเข้าหากัน สีหน้านางขมขื่นเหมือนรสยา

ดูเหมือนว่าร่างกายนี้ไม่เพียงแต่จะมีความไวต่อความเจ็บปวดเท่านั้น มันยังไม่อดทนต่อรสขมอีกด้วย

น่าอนาถดีแท้!