ตอนที่ 73 แซ่กง

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 73 แซ่กง

เจียงป่าวชิงไม่ได้บอกล่วงหน้า แต่จริง ๆ แล้วมันคือแผนร้ายของนางนั่นเอง ผู้ชายตรงหน้าเกือบทำให้ไหล่ขวาของนางใช้การไม่ได้ นางก็ควรที่จะแก้แค้นเขาสักนิดสักหน่อยสิ

ฝูฉูค่อนข้างหวาดหวั่นอยู่เล็กน้อย: “เหตุใดเจ้าถึงไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ?”

เจียงป่าวชิงมองฝูฉูด้วยความประหลาดใจ นี่เป็นครั้งแรกที่สาวใช้ผู้ดูเหมือนจะสงบเสงี่ยมเผยสีหน้าร้อนใจออกมาให้เห็น

“ต่อให้ข้าบอกก่อนล่วงหน้า เขาก็ต้องเผชิญกับความเจ็บปวดนี้อยู่ดี หากว่าเขารับไม่ไหวแล้วจะรักษาขาได้อย่างไร ?” น้ำเสียงของเจียงป่าวชิงราบเรียบมาก “ต่อไปมันจะเจ็บแบบนี้แทบทุกวัน ถ้าทนไม่ไหวก็บอกข้าตั้งแต่เนิ่น ๆ จะได้ไม่เสียเวลา”

“ทำต่อไป” คำพูดสามพยางค์นี้ แทบจะเค้นออกมาจากในซอกฟันของชายหนุ่มตรงหน้า มีเหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากบนหน้าผากของเขาอย่างต่อเนื่อง แต่เขากลับไม่ปริปากบ่นเลยสักคำ

ฝูฉูกัดริมฝีปากอย่างแรง ขณะนี้นางน้ำตาคลอเบ้าเป็นที่เรียบร้อยแล้ว

เจียงป่าวชิงมองชายหนุ่มเล็กน้อย จากนั้นนางก็ตบไหล่ไป๋จีและสั่งให้เขาหลีกไป

สีหน้าของไป๋จีในเวลานี้ไม่ค่อยสู้ดีนัก แต่เขายังคงหลีกทางให้อย่างทำตามคำสั่ง

เจียงป่าวชิงนั่งยอง ๆ ลงตรงหน้าชายหนุ่ม จากนั้นนางก็ยื่นมือลงไปในถังไม้และคลำขาท่อนล่างของชายหนุ่ม

ความเจ็บทำให้ชายหนุ่มไม่มีเวลาไปสนใจเรื่องพวกนี้สักเท่าไหร่ เขาหลับตาแน่น เม้มริมฝีปากไว้แน่น และกัดกรามเพื่อไม่ให้ส่งเสียงออกมา

นิ้วเรียวของเจียงป่าวชิงเริ่มนวดตรงบริเวณจุดฝังเข็มบนขาของเขา ซึ่งในขณะนั้นเอง ฝูฉูพูดขึ้นข้าง ๆ “แม่นางเจียง ไม่รบกวนเจ้าดีกว่า ประเดี๋ยวข้านวดให้ท่านชายเอง”

เจียงป่าวชิงมองฝูฉูก่อนจะพูดปฏิเสธ “อย่าเลยพี่ฝูฉู ข้านั้นไม่ได้นวดสุ่มสี่สุ่มห้า ข้ากำลังกดจุดฝังเข็มตามลำดับและวิธีการก็ต้องพิถีพิถันด้วยเช่นกัน”

ฝูฉูชะงักไปเล็กน้อย “ชะ… เช่นนั้นเอง แม่นางเจียงสอนข้าได้ไหม ?”

เจียงป่าวชิงแทบจะถอนหายใจออกมา

อันที่จริงพวกวิธีการนวดบางอย่างล้วนได้รับการถ่ายทอดจากรุ่นสู่รุ่น และเป็นสิ่งที่ผู้คนใช้ทำมาหากิน จะมาส่งต่อให้คนอื่นง่าย ๆ เช่นนี้ได้ที่ไหนกัน แม่นางฝูฉูคนนี้ถามคำถามนี้อย่างไม่คิดหน้าคิดหลัง มันจึงดูสิ้นคิดไปสักหน่อย แต่เจียงป่าวชิงไม่ได้หวงแหนถึงกับไม่ยอมสอนฝูฉู ทว่าสถานการณ์ตอนนี้มันพิเศษจริง ๆ

เจียงป่าวชิงถอนหายใจและพูดขึ้น “พี่ฝูฉู นี่ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ทุกวันข้าจะต้องวัดชีพจรให้เจ้านายของพี่ ทั้งยังต้องพิจารณาใบสั่งยาตามอาการของเขาและการรักษาก็จะเปลี่ยนแปลงไปตามนั้นเช่นกัน ข้าสอนพี่ไม่ได้จริง ๆ”

“เป็นข้าที่รีบร้อนเอง” ฝูฉูพูดพลางก้มหน้าลง

เจียงป่าวชิงกดจุดฝังเข็มต่าง ๆ บนขาของชายหนุ่มต่อไป

สีหน้าของชายหนุ่มซีดขึ้นเรื่อย ๆ เหงื่อเม็ดใหญ่ไหลลงมาจากบนหน้าผาก แต่เขากลับหลับตาแน่นและกัดฟันเพื่อไม่ให้คำพูดเล็ดลอดออกมาจากริมฝีปาก

ชายคนนี้อดทนเก่งจริง ๆ  เจียงป่าวชิงมองเขาแล้วก็ถอนหายใจเล็กน้อย ตอนนี้เมื่อนางนวดผ่านจุดฝังเข็มต่าง ๆ คุณสมบัติของยาก็จะยิ่งซึมเข้าไปในขาของเขาเร็วมากขึ้น… พูดอีกอย่างก็คือจะเจ็บเป็นเท่าทวีคูณนั่นแหละ

แต่ชายหนุ่มกลับอดทน เขายังคงไม่ปริปากบ่นออกมาสักคำ

บอกตามตรง เจียงป่าวชิงรู้สึกกลัวคนประเภทนี้อยู่เล็กน้อย  นางนั่งยอง ๆ และนวดขาให้เขา จากนั้นก็หันหน้าไปถามไป๋จี “เอ่อ… ข้าควรเรียกท่านชายของพวกเจ้าว่าอะไรหรือ ?”

หากได้พบกันหลังจากเรื่องนี้จบลง นางจะจำไว้ว่าถึงตอนนั้นจะต้องอยู่ห่างจากชายผู้นี้ไว้

ไป๋จีรู้สึกลังเลอยู่เล็กน้อย ทว่าเมื่อเห็นเหงื่อที่ซึมออกมาจากบนหน้าผากของเจียงป่าวชิงที่นั่งยอง ๆ อยู่ตรงนั้นแล้ว เขาก็รู้สึกว่านางพยายามอย่างหนักในการรักษาขาของเจ้านายของเขา ถ้าเขาตั้งรับมากเกินไป แม้แต่ชื่อก็ไม่บอกนางเช่นนี้ มันจะทำให้เด็กสาวตัวเล็ก ๆ คนนี้ผิดหวังหรือเปล่า และถ้าหากว่าต่อไปนางรักษาให้ไม่เต็มที่ล่ะจะทำอย่างไร ?

ไป๋จีมองเจ้านายของเขาเล็กน้อย ตอนนี้จิตใจของเจ้านายเขาคงจะกำลังต่อสู้กับความเจ็บปวดอยู่ จึงทำให้ไม่มีความคิดส่วนเกินมาสนใจเรื่องทางนี้

ไป๋จีลังเล แต่แล้วเขาก็พูดออกมา “เจ้านายของข้าแซ่กง”

เขาไม่ได้บอกเจียงป่าวชิงไปตรง ๆ ว่าเจ้านายของเขามีนามว่ากงจี้

ถึงอย่างไรเด็กสาวชนบทที่ฝังเข็มเป็นตรงหน้าก็แปลกประหลาดมากจริง ๆ นี่เป็นเรื่องดีที่ต้องระวังไว้

ฝูฉูมองไป๋จีอยู่ด้านข้าง แต่นางกลับไม่ได้พูดอะไร

เจียงป่าวชิงคล้อยตามทันที: “อ้อ เช่นนั้นข้าเรียกคุณชายกงแล้วกัน”

เห็นทีว่าสถานะแซ่กงนี้จะค่อนข้างมีลับลมคมใน ไม่อย่างนั้นไป๋จีคงไม่ลังเลอยู่สักพักถึงจะบอกนางเกี่ยวกับนามสกุลของเจ้านายของเขาหรอก

ช่างเถอะ รู้ว่าแซ่กงก็พอแล้ว ต่อไปจะได้เรียกได้สะดวกหน่อย เพราะนางกลัวว่าวันหนึ่งนางอาจจะเผลอเรียกเขาว่า ไอ้โรคจิต ซึ่งเป็นคำเรียกที่ซ่อนไว้อยู่ในใจออกไปจริง ๆ

นวดกดจุดฝังเข็มไปได้สักพัก เจียงป่าวชิงก็ลุกขึ้น หมุนแขนตัวเองอยู่ที่เดิมและทำการยืดเส้นยืดสายตรงบริเวณไหล่

“เสร็จแล้วหรือ ?” ไป๋จีถาม

เจียงป่าวชิงมองไป๋จี “เจ้าคิดอะไรอยู่ นี่แค่เป็นการช่วยเปิดจุดฝังเข็มให้เจ้านายของเจ้า เพื่อให้คุณสมบัติยาดูดซึมได้ดียิ่งขึ้นก็เท่านั้น ยังเร็วเกินไปหากจะบอกว่าเสร็จแล้ว”

สีหน้าของกงจี้ยังคงขาวซีด ตอนนี้เขาถึงจะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นอย่างช้า ๆ  เหงื่อที่ไหลย้อยทำให้ผมข้างใบหน้าของเขาชื้นเป็นปอย ๆ

ถึงแม้ว่าจะมีปอยผมที่เปียกชื้นแนบอยู่ แต่รูปโฉมที่งดงามของชายผู้นี้กลับไม่ลดลงเลย ตรงกันข้าม เมื่อมองไปที่หางตางอนที่ยกขึ้นเพียงเล็กน้อยนั้นแล้ว ก็ยากที่จะละสายตาออกไปได้

“อีกนานแค่ไหน” ริมฝีปากที่ไร้สีเลือดของกงจี้ขยับถามเล็กน้อย เสียงของเขาเบากว่าปกติ

เจียงป่าวชิงตอบ “จะว่าอย่างไรดีล่ะ ยังเหลืออีกครึ่งชั่วโมงเห็นจะได้ อะไร เจ้าทนไม่ไหวแล้วรึ ?”

กงจี้ไม่สนใจนาง เขาเลือกที่จะหลับตาลงเช่นเดิม

เจียงป่าวชิงก็แค่พูดออกไปโดยไม่คิดอะไรเท่านั้นเอง คุณชายกงที่น่ากลัวคนนี้กลับไม่ปริปากใด ๆออกมาในตอนที่นางกดจุดฝังเข็มตรงจุดที่เจ็บที่สุด แต่เหตุใดตอนนี้กลับทนไม่ไหวเอาเสียแล้วล่ะ

ตาของฝูฉูแดงก่ำ นางหมุนตัวเดินออกไป ผ่านไปไม่นานนางก็ถือกาน้ำชาเข้ามา จากนั้นนางก็รินชาให้เจียงป่าวชิง “แม่นางเจียงลำบากหน่อยนะ เจ้าดื่มชาสักหน่อยเถอะ”

เจียงป่าวชิงรู้สึกคอแห้งอยู่พอดี รับชามาแล้ว นางก็ขอบคุณฝูฉู

ขาของกงจี้ยังต้องแช่อีกครึ่งชั่วโมง  เดิมทีสีของยาในถังไม้ที่ก่อนหน้านี้เป็นสีเขียวสด ตอนนี้กลับไม่หลงเหลือสีเขียวแม่แต่นิดเดียว ตรงกันข้าม กลับเป็นสีฟ้าที่ดูแปลกประหลาด

ตอนนี้เจียงป่าวชิงถึงจะพยักหน้า

ไป๋จีรีบฉวยขาของกงจี้ออกมาจากในถังไม้ทันที จากนั้นเขาก็หยิบผ้าขนหนูเนื้อผ้าไหมผืนใหญ่มาห่อขากงจี้ไว้

กงจี้เอนหลังพิงบนพื้นดินที่ยุบตัว สีหน้าของเขาซ่อนอยู่ในเงาตรงระเบียงหน้าต่าง ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่

เจียงป่าวชิงเปิดลิ้นชักเล็ก ๆ จากตู้ยาทรงสูงพลางค้นเครื่องปรุงยาออกมา จากนั้นก็โยนลงไปในถังไม้ถังนั้นและพูดกับฝูฉูว่า “แม่นางฝูฉู วางถังน้ำนี้ทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมง จากนั้นค่อยนำไปเททิ้งนะ”

ฝูฉูรู้สึกลังเลใจอยู่เล็กน้อย

เจียงป่าวชิงจึงอธิบาย “สารพิษบางส่วนที่ถูกขับออกไป มันละลายลงไปในน้ำผสมยานี้แล้ว หากว่าฝูฉูสาดมันออกไปที่นอกลานบ้านก็จะทำให้ดินเสีย” นางเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะพูดต่อ “ข้านั้นพักอยู่บ้านข้าง ๆ พวกเจ้า  อีกอย่าง ข้าวางแผนที่จะปลูกผักในลานบ้าน และข้าจะไม่ยอมให้ดินบ้านข้าเสียเด็ดขาด ทุกคนต้องรับผิดชอบในการปกป้องสิ่งแวดล้อม”

ฝูฉูถามขึ้น “แล้วเหตุใดพอวางทิ้งไว้หนึ่งชั่วโมงถึงเอาไปเททิ้งได้ล่ะ ?”

เจียงป่าวชิงชี้เครื่องปรุงยาที่นางเพิ่งโยนลงไปในถังไม้และชี้อันที่กำลังจม ๆ ลอย ๆ อยู่ในถังไม้นั้น “สิ่งเหล่านี้สามารถทำให้สารพิษเป็นกลางได้ หลังจากแช่ไว้สักพักก็ไม่ส่งผลใด ๆ กับดินแล้ว”

ฝูฉูตาเป็นประกายทันที นางมองเจียงป่าวชิง

เจียงป่าวชิงรู้ว่าฝูฉูต้องการพูดอะไรจึงส่ายหน้าทันที “นั่นไม่เหมือนกัน พิษที่ออกมาจากร่างกายมนุษย์เช่นนี้ ตอนที่สารพิษอ่อนแอลง มันจะเกิดการเปลี่ยนแปลงไปพร้อม ๆ กัน และพิษที่อยู่ในร่างกายของเจ้านายของพี่ก็ไม่ได้แก้ไขง่ายขนาดนั้นด้วย”

ฝูฉูรู้สึกผิดหวังเล็กน้อย แต่นางยังคงถอนสายบัวให้เจียงป่าวชิงด้วยความเกรงใจ “สิ่งที่แม่นางเจียงพูด ข้าจะจำไว้นะ”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า จากนั้นนางก็ไปนั่งข้าง ๆ กงจี้