ในสมรภูมิรบ เสียงกึกก้องของเวทมนตร์คาถาดังผสมปนเปกับเสียงโหยหวนของแมงมุมร้อยเนตร
แมงมุมร้อยเนตรนึกเสียใจ ผู้คนตรงหน้านี่มันหมาป่าห่มหนังแกะชัดๆ
ไม่ต้องพูดถึงนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณที่แข็งแกร่งผิดวิปริตคนนั้น แค่นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบสองคนนั้น ก็แทบจะแข็งแกร่งเท่ามันแล้ว จะให้ราชามารผู้ยิ่งใหญ่อย่างมันมีหน้าอยู่ได้อย่างไรอีก
ขาแมงมุมแหลมคมยื่นไปจะแทงเซวียนหยวนเฉิง กลับถูกเขาตอบโต้ด้วยการตวัดกระบี่ฟันจนขาดสะบั้น
เมื่อพ่นพิษกัดกร่อนใส่สวีเสี่ยวหลาน กลับถูกหัตถ์เปลวอัคคีของนางเผาจนดำเกรียม
ขณะที่มันกำลังถอยหลังกรูด รูทวารกลับถูกหมัดสีทองทะลวง…
“วิ๊ด…” เสียงหวีดร้องโหยหวนของราชามารดังระงมไปทั่วทุกหนแห่ง
ในผืนป่าที่ไกลออกไปร้อยลี้ มีนักพรตปีศาจที่สวมชุดดำกลุ่มหนึ่งกำลังดักซุ่มอยู่ที่นี่
พวกเขาเห็นราชามารถูกฆ่าล้าง ก็อดอกสั่นขวัญแขวนขึ้นมาไม่ได้
แถวหน้าสุดของนักพรตปีศาจกลุ่มนี้ มีราชาปีศาจที่มีพลังยิ่งใหญ่สี่ตน พวกเขามองราชามารตัวนั้นด้วยความเห็นอกเห็นใจ
“โชคดีที่จักรพรรดิปีศาจให้ความสำคัญกับปฏิบัติการจับกุมนักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณครั้งนี้ ส่งกองกำลังปีศาจมากว่าครึ่ง มิเช่นนั้นคงรับมือกับเจ้าพวกนั้นไม่ได้” ราชาปีศาจอำมหิตที่ถือกระบี่สีดำทะมึนเอ่ยปาก
ราชาปีศาจอนยะที่ถือกะโหลกสีเลือดหัวเราะหึๆ แล้วพูดว่า “หากต้องการจับตัวแมงมุมร้อยเนตร จำต้องใช้นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณ กองกำลังในครั้งนี้ของจักรพรรดิปีศาจ แม้จะมีนักพรตหล่อเลี้ยงวิญญาณถึงสามคน ก็ไม่มีปัญหาแน่นอน”
ราชาปีศาจโทสะที่มีกรงเล็บดำทมิฬพูดขึ้นมาว่า “นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณพวกนั้น ข้ากับปีศาจอำมหิตจะจัดการเอง แผนการใช้ป้ายอาญาสิทธิ์โลหิตไม่พลาดเป็นแน่”
ราชาปีศาจปัญญาผู้มีดวงตาสีแดงฉานกล่าว “นักพรตที่ใช้หมัดสีทองคนนั้นยกให้ข้า เรื่อง ‘เอาคืน’ ราชาปีศาจปัญญาอย่างข้าพูดจริงทำจริง”
ราชาปีศาจอนยะพูดว่า “รอให้ราชามารสิ้นใจ พวกเราจะเคลื่อนไหวทันที!”
…
ขณะที่เหล่าราชาปีศาจกำลังขึงตามอง การต่อสู้ทางฝั่งอันหลินก็เข้าใกล้ตอนจบแล้ว
แมงมุมร้อยเนตรถูกบีบคั้นจนเข้าตาจน จู่ๆ ลูกตาที่แน่นขนัดเหล่านั้นก็พุ่งทะลักออกมา
“ระวัง!” เซวียนหยวนเฉิงตะโกนลั่น
ตูม! ตูม! ตูม!
ลูกตาที่ลอยไปหาพวกเซวียนหยวนเฉิงก็เริ่มปะทุอย่างแรงราวกับลูกระเบิดโดยพลัน
พลังงานมวลมหาศาลเริ่มแตกกระจาย อันหลินกับสวีเสี่ยวหลานถูกคลื่นพลังซัดเข้าอย่างจังจนต้องถอยหลังกรูด
ในที่สุดการโจมตีสุดชีวิตของแมงมุมร้อยเนตรก็สร้างช่องโหว่ มันรีบหนีเตลิดเปิดเปิงทันที
แต่น่าเสียดายที่มันมองข้ามเซวียนหยวนเฉิงไป
เมื่อเซวียนหยวนเฉิงเผชิญหน้ากับเหตุระเบิดกลับสู้ไม่ถอย ลำแสงสีขาวบิดเบือนพลังระเบิดทั้งหมดให้เคลื่อนไปอีกทาง
กระบี่ในมือตวัดลงไป ฟันจุดอ่อนที่แมงมุมร้อยเนตรเผยออกมาด้วยอานุภาพอันรุนแรง!
ลำแสงเย็นเยือกยืดออกไปยาวสิบจั้ง ตัดร่างของแมงมุมร้อยเนตรขาดเป็นสองท่อนทันใด
“เป็นกระบี่ที่สุดยอดไปเลย! อานุภาพแบบนี้รุนแรงยิ่งกว่าเซียนกระบี่ชิงเหอแห่งสำนักกระบี่ดาวศุกร์ซะอีก!” หวงซานซานพูดอย่างตกใจ
“กระบี่เล่มนี้มีเจตจำนงแฝงอยู่ แม้จะเป็นเจ้าสำนักแห่งสำนักกระบี่ดาวศุกร์ก็เทียบไม่ได้!” เถียนหลิงหลิงอุทาน
เมื่อเทียบกับความเว้นว่างของคู่หูคู่ตะลึงแล้ว พวกเซวียนหยวนเฉิงกลับดูไม่ผ่อนคลายเลยสักนิด แต่รวมตัวกันโดยไว เพราะพวกเขารู้สึกถึงลมปราณอันแข็งแกร่งจากหลายทิศหลายทาง กำลังเข้ามาใกล้อย่างต่อเนื่อง
ต่อมา ราชาปีศาจชุดดำที่มีพลังแก่กล้าสี่ตน เดินย่ำหมอกทมิฬมา ปิดล้อมพวกอันหลินไว้
เบื้องล่าง นักพรตปีศาจชุดดำยี่สิบกว่าชีวิตก็พุ่งกระโจนออกมาล้อมพวกเขาไว้อย่างหนาแน่น ดูจากพลังแล้วเป็นนักพรตระดับกายแห่งมรรค
“หึๆ…พวกเจ้าถูกล้อมไว้หมดแล้ว!”
ราชาปีศาจอนยะถือกะโหลกสีเลือด กำลังหัวเราะลั่น
“มนุษย์หน้าโง่…อย่าขัดขืนเลย ส่งหัวใจของพวกเจ้ามาเสียดีๆ!” ราชาปีศาจอำมหิตพูดอย่างทรงพลัง
“หากยอมให้จับโดยละม่อม ราชาปีศาจโทสะคนนี้จะไม่ทำให้พวกเจ้าต้องทรมาน!” ราชาปีศาจโทสะก็พูดขึ้นมาเช่นกัน
อันหลิน “…”
เมื่ออันหลินได้ยินคำพูดเหล่านี้ ก็สับสนมึนงง
คำพูดน้ำเน่าแบบนี้มันอะไรกัน…
นี่มันสมัยไหนแล้ว พวกเขาที่เป็นถึงราชาปีศาจ พูดจาโบราณแบบนี้ ไม่อายบ้างเหรอ!
ราชาปีศาจปัญญามองสองคนที่อยู่เบื้องล่าง พูดอย่างกระหยิ่มใจว่า “ฮ่าๆ นักพรตน้อยสองคนนั้น พวกเจ้ายังจำข้าได้หรือไม่”
เมื่ออันหลินกับเถียนหลิงหลิงแหงนหน้า ก็มองเห็นราชาปีศาจปัญญาที่นัยน์ตาแดงก่ำ
ว้าว จำได้ดีเลยล่ะ!
ราชาปีศาจปัญญายิ้ม “ข้าเคยบอกแล้วว่า หากพบกันครั้งหน้าจะให้พวกเจ้าทรมานปางตาย พวกเจ้าถูกฝีมือการแสดงอันไร้พิรุธของข้าปั่นหัวเข้าแล้ว ไม่คิดล่ะสิว่านี่จะเป็นกับดัก ฮ่าๆๆ…”
อันหลิน “…”
เถียนหลิงหลิง “…”
บอกตามตรง อันหลินทำลายความภูมิใจของราชาปีศาจตนนี้ไม่ลง
ฝีมือการแสดงที่ไร้พิรุธงั้นเหรอ
หลี่อีเฟิงที่คว้ารางวัลร้อยดอกไม้ ยังแสดงได้ดีกว่าเขาเสียอีก!
ฝีมือการแสดงของเขา อย่างมากก็ได้แค่รางวัลราสเบอร์รี่ทองคำ ไม่มีทางมากไปกว่านี้แล้ว
ขณะที่เหล่าราชาปีศาจคิดว่าชัยชนะอยู่ในมือ ทันใดนั้น ก็มีพลังแข็งแกร่งกำลังเข้าประชิด
พวกอันหลินต่างก็นิ่งเฉย แต่พวกราชาปีศาจกลับเริ่มอยู่ไม่สุขขึ้นมาแล้ว
“เจ้าอำมหิต จักรพรรดิปีศาจส่งราชาปีศาจตนอื่นมาด้วยหรือ” ราชาปีศาจโทสะถามด้วยความสงสัย
“ไม่มีทาง ราชาปีศาจอีกสองตนที่เหลือมีภารกิจอื่นต้องจัดการ ไม่ใช่พวกเขาแน่ อีกอย่างจำนวนไม่ตรงกัน!” สีหน้าของราชาปีศาจอำมหิตเริ่มเคร่งขรึม
“นักพรตเผ่าพันธุ์มนุษย์!” ราชาปีศาจอนยะมองนักพรตที่ปรี่เข้ามาพลางพูดอย่างตกตะลึง
ผู้พิทักษ์โลก เซียนกระบี่ชิงเหอและนักพรตทั่นอวิ๋นระเบิดพลังอันน่ากลัว ขี่กระบี่เหินเวหามา
เบื้องล่างเป็นนักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบที่มีพลังแก่กล้าไม่ด้อยไปกว่ากัน ต่างก็พากันกรูเข้ามาประชิดปิดล้อมนักพรตปีศาจยี่สิบกว่าชีวิตไว้
“แผนการของพวกเราแตกแล้วหรือ”
ราชาปีศาจปัญญาไม่คิดเลยว่าทุกอย่างจะกลับตาลปัตร จึงชะงักงันไป
“นักพรตระดับหล่อเลี้ยงวิญญาณขั้นต้นสามคน ขั้นกลางหนึ่งคน นักพรตกายแห่งมรรคขั้นสิบสิบกว่าชีวิต…นี่มันกองทัพที่มาจัดการราชามารตัวเดียวจริงหรือ!” ในที่สุดราชาปีศาจโทสะก็ทนไม่ไหวตะโกนออกมา
นักพรตทั่นอวิ๋นที่มีหมอกรายล้อมพูดเสียงเรียบว่า “ไม่คิดว่าจะมีราชาปีศาจมากขนาดนี้ ครั้งนี้นับว่าคุ้มแล้ว”
ผู้พิทักษ์โลกระเบิดเสียงหัวเราะ “ราชาปีศาจหน้าโง่ พวกแกถูกล้อมไว้หมดแล้ว ยอมให้จับโดยละม่อม พวกเราจะไม่ทำให้พวกแกทรมาน!”
ราชาปีศาจได้ฟังก็เลือดขึ้นหน้า
เจ้าเด็กนี้บังอาจแย่งบทพูด!
อันหลินกลับหน้ามืด ทำไมคำพูดของเจ้าอ้วนคนนี้ถึงได้น้ำเน่าขนาดนี้กันนะ
สำหรับนักพรตปีศาจทั้งหลายแล้ว เหตุการณ์พลิกจากหน้ามือเป็นหลังมือ สถานการณ์เริ่มสั่นคลอนขึ้นมาแล้ว
ตอนแรกพวกเขาปิดล้อมพวกอันหลิน คราวนี้เยี่ยมเลย พวกเขากลายเป็นฝ่ายถูกปิดล้อมเองเสียแล้ว
“เจ้าอำมหิต สงครามนี้เราจะสู้ต่อหรือไม่” ราชาปีศาจอนยะเอ่ยถาม
แม้ตอนนี้พวกเขาจะกลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ แต่ความสามารถก็ยังไม่นับว่าแตกต่างกันมากนัก
หากว่าสู้ยิบตา ไม่แน่อาจมีโอกาสปฏิบัติภารกิจให้สำเร็จได้
“สู้! ภารกิจที่จักรพรรดิปีศาจมอบหมาย จำต้องทำให้สำเร็จ! หากว่าพวกเราล่าถอยตอนนี้ ครั้งหน้าอาจไม่เจอแม้แต่เงาของพวกเขาด้วยซ้ำ ข้าเพียงสงสัยว่า ทำไมแผนการของพวกเราถึงแตกได้…”
สุดท้าย ใบหน้าของราชาปีศาจอำมหิตก็ถมึงทึงขึ้นเรื่อยๆ
หรือ…มีหนอนบ่อนไส้ในหมู่พวกเขา