บทที่ 173 กอดขาทองคำไว้แน่น / บทที่ 174 ขอให้ป้อน

แผนรักร้ายคว้าหัวใจคุณสามี

บทที่ 173 กอดขาทองคำไว้แน่น

 

 

“ขอบคุณค่ะพี่รั่วซี กำไลสวยมากเลย” เยี่ยหวั่นหวันปิดกล่อง แกล้งทำเป็นไม่รู้สึกอะไร

 

 

“เธอชอบก็ดีแล้ว” ฉินรั่วซีทักทายเธอเสร็จ ก็หันไปหาซือเยี่ยหาน

 

 

ตอนที่มองไปทางซือเยี่ยหาน ท่าทางที่ดูสุภาพเหินห่างกลับดูสนิทสนมขึ้นมาไม่น้อยเลย สายตาก็อ่อนโยนขึ้นในทันใด “อาจิ่ว เรื่องที่ดีพทาวน์นั้นจัดการเรียบร้อยแล้ว ส่วนสถานการณ์เดี๋ยวฉันจะเล่ารายละเอียดให้คุณฟังตอนเย็น”

 

 

“ลำบากแล้ว” ซือเยี่ยหานถอนสายตาจากเยี่ยหวั่นหวันออกมาอย่างนิ่งเฉย

 

 

เมื่อกี้วินาทีตอนที่เห็นฉินรั่วซี สีหน้าเยี่ยหวั่นหวันดูผิดปกติมาก

 

 

“คิดว่าฉันลำบากจริงก็แค่พูดเฉยๆ หรือ?” ฉินรั่วซีเลิกคิ้ว

 

 

ซือเยี่ยหานมองไปทางสวี่อี้ สวี่อี้รีบหยิบของที่เตรียมไว้นานแล้วออกมา เป็นเหล้าชั้นดีไหหนึ่ง

 

 

พอฉินรั่วซีเห็นสีหน้าดีใจขึ้นมาทันที “เหล้าจู๋ชิงเย่ [1] ที่พี่เจ็ดกลั่น! ครั้งที่แล้วฉันเอาหนังสือแพทย์โบราณที่ไม่มีตีพิมพ์อีกแล้วไปแลกกับเขาเขายังไม่ยอมเลย! คุณทำยังไงถึงได้มา?”

 

 

“สวี่อี้จัดการ”

 

 

“คุณแกล้งสวี่อี้อีกแล้ว ชอบใช้ให้เขาทำเรื่องที่ยากลำบาก!”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันยืนอยู่ข้างซือเยี่ยหานเงียบๆ มองดูทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างมีความสุข คนข้างๆ ไม่มีที่เข้าไปแทรกได้เลย

 

 

เวลานี้ ที่หน้าประตูมีเสียงดีใจของหลิวอิ่งดังขึ้นมา “คุณหนูรั่วซี! คุณกลับมาตั้งแต่เมื่อไรครับ!”

 

 

พอหลิวอิ่งเห็นฉินรั่วซีก็เหมือนเห็นที่พึ่งทางใจ สายตาเป็นประกายขึ้นมาทันที

 

 

ฉินรั่วซียิ้ม “เพิ่งมาถึง ได้ยินว่าช่วงนี้นายไปเรียนวิชาหมัดมวยใหม่มา? ไปซ้อมเป็นเพื่อนฉัน?”

 

 

“ได้ครับ!” หลิวอิ่งพักหน้าทันที

 

 

“เด็กซนนี่ กลับมาก็หาคนมาชกต่อยเลย ไม่มีกิริยาของผู้หญิงเลยสักนิด!” คุณหญิงย่าสีหน้าไม่พอใจ แต่น้ำเสียงที่เอ็นดูนี่ไม่ได้มีแววตำหนิอะไร

 

 

ส่วนผู้หญิงที่ซือเยี่ยหานเลือกไม่ใช่ฉินรั่วซี แต่เป็นเธอที่เป็นเด็กโผล่มาจากไหนไม่รู้ คิดว่าคุณหญิงย่าต้องผิดหวังแน่นอน

 

 

แต่โชคดีอยู่อย่างหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นใคร ดีหรือไม่ ยังไงก็ดีกว่าซือเยี่ยหานเป็นโสดไม่ยุ่งเกี่ยวกับผู้หญิงนานหลายปีขนาดนี้แน่

 

 

คุณหญิงย่าพูดจบก็เข้าไปในครัว เยี่ยหวั่นหวันก็นั่งข้างโต๊ะไม้ใต้กระถางต้นไม้ตามซือเยี่ยหาน

 

 

เวลานี้ฉินรั่วซีถอดเสื้อคลุมออก กำลังจะต่อสู้กับหลิวอิ่ง

 

 

เยี่ยหวั่นหวันนั่งอย่างไม่มีกระดูกสันหลังอยู่บนเก้าอี้หวาย มองดูร่างภูมิฐานของทั้งคู่อย่างเงียบๆ

 

 

นี่เป็นครั้งแรกที่พบกัน ฉินรั่วซีก็ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดหายใจไม่ออกได้อย่างสบาย

 

 

ตั้งแต่ซือเยี่ยหาน มาถึงคุณหญิงย่า ถึงสวี่อี้ จนถึงหลิวอิ่ง ไม่มีใครสักคนเอ่ยถึงอำนาจของเธอเลย กำลังบอกเธอว่า ที่ข้างๆ ซือเยี่ยหานนั้น ไม่มีที่ว่างสำหรับเธอ

 

 

ชาติที่แล้วก็เป็นแบบนี้ ดูเหมือนฉินรั่วซีไม่ได้ทำอะไรที่เป็นแก่นสารมาทำร้ายเธอ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกโดดเดี่ยวจนถึงสิ้นหวังไปทีละนิด

 

 

ในโลกของซือเยี่ยหาน เธออยู่คนเดียวมาตลอด ไม่เคยได้รับความเห็นใจหรือช่วยเหลือใดๆ ทั้งสิ้น

 

 

แต่ว่า ชาติที่แล้วเป็นเพราะตัวเธอโง่เกินไป

 

 

ถึงแม้ฉินรั่วซีจะซื้อใจคนรอบข้างซือเยี่ยหานทั้งหมดได้แล้วยังไง เธอแค่จับคนหนึ่งให้อยู่หมัด ก็สามารถอยู่ในสถานะที่ไม่แพ้แล้ว

 

 

เยี่ยหวั่นหวันเท้าคาง มองไปด้านข้างราวกับขาทองคำที่เปล่งแสงอยู่ แล้วพูดเสียงออดอ้อน “ซือเยี่ยหาน ฉันอยากกินเมล็ดแตงโม~”

 

 

เมื่อกี้ซือเยี่ยหานรู้สึกได้ว่ากลิ่นอายบนตัวนั้นผิดปกติ เพียงแต่เขาจับไม่ทันก็หายไปแล้ว

 

 

ความคิดที่ประเมินดูเธอแต่แรกนั้น พอเห็นหญิงสาวอยู่ๆ เงยใบหน้าเล็กที่งามพริ้งขึ้นมา ยิ้มอย่างออดอ้อนหวานเยิ้มให้เขา เลยเหมือนกับวินาทีชั่วครู่นั้นเขาแค่คิดไปเอง

 

 

เยี่ยหวั่นหวันโยกแขนเขา “ช่วงนี้การบ้านเยอะมาก ฉันเจ็บมือไปหมด ช่วยฉันปอกหน่อยสิคะ”

 

 

………………………………………………………..

 

 

 

 

 

 

บทที่ 174 ขอให้ป้อน

 

 

คนที่มีวรยุทธ์นั้นทักษะการได้ยินดี หลิวอิ่งที่กำลังปะทับกับฉินรั่วซีได้ยินชัดเจนว่าเมื่อกี้เยี่ยหวั่นหวันพูดอะไร

 

 

ทันใดนั้นการเคลื่อนไหวของหนุ่มน้อยก็ยุ่งเหยิงไปหมด ความโกรธที่เมื่อกี้แทบจะทนไม่ไหว ตอนนี้ทนต่อไปไม่ได้แล้ว “บังอาจ! ถึงกับให้นายท่านทำเรื่องแบบนี้!”

 

 

ฉินรั่วซีออกมาห้ามเขาไว้อย่างใจเย็น “หลิวอิ่ง อย่าวู่วาม!”

 

 

หลิวอิ่งร้อนรน “คุณหนูรั่วซี แม้แต่คุณก็ยังห้ามผม! วันนี้ผมทนมามากพอแล้ว! หรือว่าคุณไม่โกรธเลยสักนิดเหรอ?”

 

 

หางตาของฉินรั่วซีมองไปทางที่ไม่ไกลอย่างสบายๆ “ฐานะอย่างอาจิ่วแบบนี้ ข้างกายจะมีผู้หญิงอีกหลายคนก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร”

 

 

“แต่…แต่ผู้หญิงคนนี้ไม่เหมือนกัน!” หลิวอิ่งตอบโต้อย่างร้อนใจ

 

 

ฉินรั่วซีได้ยิน สีหน้าเย็นชาเล็กน้อย แต่แวบเดียวก็กลับมาสงบนิ่งเหมือนเดิม “มีอะไรไม่เหมือนกัน? หลิวอิ่ง นายจำไว้ให้ดี เธอไม่มีอะไรที่แตกต่าง ไม่จำเป็นต้องใส่ใจมากขนาดนี้”

 

 

หลิวอิ่งยังอยากจะพูดต่อ แต่ก็ไม่ได้พูดตอบโต้กลับไปอีก ในใจนั้นไม่สามารถสงบได้

 

 

เธอเหมือนกันที่ไหน!

 

 

นายท่านปอกเมล็ดแตงโมให้เธอจริงด้วย ปอกตั้ง 78 เม็ด!!!

 

 

สองมือของนายท่านที่มีอำนาจเปลี่ยนได้ทุกเรื่องนั้น เอามาปอกเปลือกเมล็ดแตงโมได้ยังไง!

 

 

ที่สำคัญที่สุดคือ ข้างกายของนายท่านไม่เคยมีหญิงใดมาก่อน แต่คนนี้ไม่รู้มาจากไหน ไม่รู้ดีหรือร้าย รู้เพียงแต่ว่าผู้หญิงที่สร้างเรื่องนั้นสามารถอยู่ข้างกายนายได้ถึงสองปีเต็ม

 

 

ตอนแรกเขาก็ไม่ได้เห็นผู้หญิงคนนี้อยู่ในสายตาเลย เห็นเป็นของเล่นชั่วคราวของนายท่านเท่านั้น

 

 

ใครจะรู้ว่านายท่านพาเธอไปหาคุณหญิงใหญ่ต่อหน้า

 

 

คนที่มีคุณสมบัติทำให้นายท่านพามาพบคุณหญิงใหญ่ต่อหน้าได้ มีเพียงว่าที่นายหญิงของบ้านซือในอนาคตเท่านั้น

 

 

นายท่านพาผู้หญิงแบบนี้มาเจอท่านผู้หญิงหมายความว่ายังไง?

 

 

ฝั่งหลิวอิ่งนั้นโมโหจนแทบระเบิดแล้ว อีกฝั่ง เยี่ยหวั่นหวันมองอย่างตั้งใจไปที่ซือเยี่ยหานที่ช่วยเธอปอกเมล็ดแตงโมเสียงดังกึกให้ทีละเม็ด

 

 

นิ้วเรียวยาวแข็งแรงนั้น แวบเดียวปอกได้หนึ่งเม็ด เมล็ดแตงโมแต่ละเม็ดนั้นอวบอ้วน หล่นเข้าสู่จานเล็กพอร์ซเลนสีขาวที่ล้ำค่าราคาแพง ยิ่งสะสมให้มากขึ้น มองไปแล้วช่าง… เย้ายวนคน

 

 

ช่วยไม่ได้ บางครั้งสวรรค์ก็ไม่ยุติธรรม บางคนแค่ปอกเมล็ดแตงโมก็สามารถแปรเปลี่ยนทุกสิ่งได้

 

 

ถึงแม้ว่าจะไม่ประจบเพื่อร้องชีวิตก็ไม่ได้ เยี่ยหวั่นหวันยังรู้สึกว่าตัวเองก็ได้รับความสุขอยู่เหมือนกัน

 

 

พอคิดแบบนี้ ก็ค่อยสมดุลกันขึ้นมาไม่น้อยเลย

 

 

รู้สึกได้ถึงสายตาด้านข้างที่จ้องมาที่ตัวเองตลอดเวลา มือซือเยี่ยหานก็หยุดลง เหลือบสายตามองดูหญิงสาว จากนั้นก็สบสายตาที่เร้าร่อนยิ่งกว่าไฟของหญิงสาว

 

 

สายตาเป็นประกายที่สดใสอย่างหาใครเปรียบไม่ได้คู่นั้น เต็มไปด้วยข้อความ: ป้อนให้หน่อย!

 

 

เห็นท่าทางเธอที่หวาดกลัว เย็นชา รังเกียจเขา หลบหนีเขามานาน..

 

 

เวลานี้สีหน้าของหญิงสาวนั้นดูมีชีวิตชีวา สดใส และอยากทำให้คน….

 

 

เดิมทีสายตาหญิงสาวที่จ้องมองเมล็ดแตงโมในมือซือเยี่ยหานนั้น ปรากฏว่าอยู่ๆ ซือเยี่ยหานก็ไม่เคลื่อนไหวแล้ว เลยเงยขึ้นมองอย่างไม่พอใจเล็กน้อย

 

 

ทำไมไม่ปอกแล้วล่ะ? ยังกินไม่พอเลย…

 

 

ไม่รอให้เยี่ยหวั่นหวันเอ่ยปาก ทันใดนั้นเหนือศีรษะก็มีเงาพาดมา ริมฝีปากบางของชายหนุ่ม อุณหภูมิที่เย็นเล็กน้อย ค่อยๆ ประทบลงมาที่ริมฝีปากของเธอ…

 

 

รูม่านตาเยี่ยหวั่นหวันเบิกกว้าง กะพริบตา แล้วกะพริบตาอีก ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น

 

 

เวลานี้ เสียงแหบแห้งของฝ่ายชายที่แนบอยู่ที่ริมฝีปากเธอดังขึ้นมา “ใครอนุญาตให้เธอ… ใช้สายตาแบบนี้มองมาที่ฉัน…”

 

 

เยี่ยหวั่นหวันนิ่งไป

 

 

ฉันทำไมนะ…

 

 

สายตาฉันมีปัญหาอะไร…

 

 

ฉันก็แค่อยากกินเมล็ดแตงโมเท่านั้นเอง!

 

 

……………………………………………………………………………………

 

 

 

 

[1] เหล้าจู๋ชิงเย่ เหล้าที่หมักด้วยสมุนไพรจีนหลายชนิด