บทที่ 175 สายตามีปัญหา / บทที่ 176 วิถีทรราช โดย Ink Stone_Romance
บทที่ 175 สายตามีปัญหา
วินาทีถัดมา มีเสียง “ปัง” ลอยมาจากที่ห่างออกไปไม่ไกล
สายตาเยี่ยหวันหวั่นมองเห็นชัดเจนว่า กำแพงด้านข้างหลิวอิ่งแตกเป็นรอยร้าว…
ชายหนุ่มกำหมัดแน่น จ้องไปยังเยี่ยหวันหวั่นเขม็ง จากนั้นไม่สนใจถ้อยคำถามไถ่อย่างห่วงใยจากฉินรั่วซี หันหลังจากไป
โอ้ว โมโหจนหนีไปแล้ว…
เยี่ยหวันหวั่น “…”
ที่จริงเมื่อครู่นี้ เธอแค่คิดอยากจะกินเมล็ดแตงโมเท่านั้นจริงๆ
พูดกลับมา มิน่าล่ะฉินรั่วซีถึงมาอยู่ในตำแหน่งนี้ได้ ต่อให้เห็นเธอกับซือเยี่ยหานทำตัวสนิทสนมกันขนาดนี้ด้วยตัวเอง ก็ยังคงไม่ส่งเสียงเอะอะ ทั้งยังกลับมาช่วยเกลี้ยกล่อมหลิวอิ่งอีกด้วย
คนที่สวยทั้งภายนอกภายใน มีความรู้มีความสามารถ แล้วยังเป็นผู้หญิงที่ไม่ขี้หึง ช่างเป็นอะไรที่สมบูรณ์แบบ
แม้แต่เธอยังรู้สึกว่าสายตาของซือเยี่ยหานมีปัญหา ไม่ต้องพูดถึงญาติๆกับผู้ติดตามของเขาเลย
จนกระทั่งรู้สึกเจ็บที่ริมฝีปาก ความคิดที่ล่องลอยไปไกลของเยี่ยหวันหวั่นถึงได้กลับมา “โอ๊ะ…”
“คิดอะไรอยู่?” เมื่อรู้สึกได้ว่าเธอกำลังเหม่อลอย น้ำเสียงของชายหนุ่มไม่สบอารมณ์อย่างเห็นได้ชัด
นี่ยังต้องถามอีกเหรอ? หลิวอิ่งน้อยของคุณโมโหจนพังกำแพงแล้ว คุณไม่เห็นเหรอ?
เยี่ยหวันหวั่นถอนหายใจ จากนั้นพึมพำ “กำลังคิดว่าสายตาที่เลือกผู้หญิงของคุณมีปัญหาหรือเปล่า…”
ดวงตาของซือเยี่นหานหรี่เล็ก เอ่ยขึ้นเนิบช้า “เธอลองว่ามาสิ มีปัญหาตรงไหน?”
เยี่ยหวันหวั่นลังเลอยู่พักหนึ่ง จากนั้นทำใจกล้าเอ่ยขึ้น “ทำไมคุณถึงไม่เลือกผู้หญิงที่สวยทั้งภายนอกและภายใน มีความรู้มีความสามารถ ไปข้างนอกออกหน้าออกตาได้ อยู่ในบ้านทำกับข้าวเป็น แต่กลับเลือกสาวสวยพราวเสน่ห์ ที่เป็นชนวนปัญหา?”
ซือเยี่ยหานได้ยินดังนั้น สายตาจ้องมองใบหน้าของหญิงสาวนิ่งล้ำลึก
ขณะที่เยี่ยหวันหวั่นถูกสายตานั้นจ้องจนรู้สึกว่าหัวใจเริ่มจั๊กกะจี้ ในที่สุดก็ได้ยินอีกฝ่ายตอบอย่างไม่ช้าไม่เร็ว ตอบเธอกลับมาสี่คำ “ลุ่มหลงหน้าตา”
เยี่ยหวันหวั่นถูกคำตอบนี้ทำให้นิ่งอึ้ง “แค่ก…นี่ไม่ใช่การกระทำของชายชาตรีนี่นา?”
“ใครบอกว่าฉันเป็นชายชาตรีกัน?”
“…” เยี่ยหวันหวั่นพลันหมดคำพูด
เวลากลางคืน ซือเยี่ยหานยังประหยัดคำพูดราวกับเสียดายทองเหมือนเดิม
ส่วนฉินรั่วซีกลับทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น พูดคุยเรื่องทั่วไปกับคุณย่าเหมือนกับไม่มีเรื่องราวอะไร บางทีก็หยอกคุณหญิงย่าให้หัวเราะอย่างเบิกบานใจ
เห็นได้ชัดว่าฉินรั่วซีรู้ดีถึงความสำคัญของคุณหญิงย่า
ใจของเยี่ยหวันหวั่นรู้ดี ความรักที่ “รักใครก็รักคนหรือสิ่งของที่เกี่ยวข้องกับเขาด้วย” ที่คุณหญิงย่ามีต่อเธอเป็นเพียงความรักผิวเผินเท่านั้น เมื่อฉินรั่วซีกลับมา ระดับความรู้สึกเล็กๆ น้อยๆ ของคุณหญิงย่าที่เธอสร้างขึ้นก่อนหน้านี้กลายเป็นบางเบา
สำหรับเรื่องนี้เธอได้เตรียมใจเอาไว้แล้ว ฐานะของฉินรั่วซีในตระกูลซือมั่นคงมาก ไม่ใช่สิ่งที่เธอสามารถโยกคลอนได้ในวันสองวัน
หลังจากอาหารเย็น เยี่ยหวันหวั่นหยิบเอาชีทข้อสอบออกมา กางบนโต๊ะหนังสือและเริ่มทำการบ้าน
ส่วนซือเยี่ยหานถือเอกสารปึกหนึ่งในมือ นั่งอ่านอยู่บนโซฟาที่ห่างออกไปไม่ไกล
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ฉินรั่วซีเดินเข้ามา ดูจากลักษณะคือมารายงานผลการทำงาน
“จิ่ว เรื่องดีพทาวน์…” ฉินรั่วซีพูดพลางปรายตามองเยี่ยหวันหวั่นที่กำลังทำการบ้านอยู่ทีหนึ่ง
ความหมายชัดเจน เรื่องลับสุดยอดเช่นนี้ เยี่ยหวันหวั่นย่อมควรจะหลบไป
เยี่ยหวันหวั่นกำลังที่จะเก็บข้าวของเพื่อออกไป ซือเยี่ยหานวางเอกสารในมือลง เงยหน้าขึ้นมา มองฉินรั่วซีแล้วพูดออกมาคำหนึ่ง “นั่งสิ”
ไม่มีความหมายว่าให้เยี่ยหวันหวั่นออกไปเลยแม้แต่น้อย
เยี่ยหวันหวั่นเงยหน้าขึ้นมา เหลือบมองไปทางคนทั้งสองที่อยู่ตรงข้าม รู้สึกใจโหวงเหวง
อันที่จริง เธอหวังจริงๆ ว่าซือเยี่ยหานจะให้ตัวเองหลบออกไป เธอไม่อยากรู้เรื่องลับสุดยอดนั้นเลยสักนิด!
……………………………………………….
บทที่ 176 วิถีทรราช
แต่ทว่า เป็นเหมือนอย่างชาติก่อน ไม่ว่าจะเรื่องอะไรซือเยี่ยหานล้วนไม่เคยกีดกันเธอออกไป
เรื่องราวความลับที่สำคัญถึงขั้นลับสุดยอด ห้องนอนของเขา ห้องหนังสือที่สำคัญที่สุดของเขา ห้องลับของเขา ทั้งหมดถูกกางออกต่อหน้าเธอโดยไร้ซึ่งความระแวดระวัง
แต่เธอสามารถเข้าใจได้
จะมีใครระวังหมาแมวหรือนกน้อยที่ตัวเองเลี้ยงไว้อย่างนั้นหรือ? ต้องไม่มีอยู่แล้ว
ฉินรั่วซีได้ยินดังนั้นจึงหันมองไปทางเยี่ยหวันหวั่น นิ่งเงียบไปชั่วขณะ สุดท้ายฃก็ไม่ได้พูดสิ่งไร และเริ่มรายงานรายละเอียดที่เป็นรูปธรรมให้ซือเยี่ยหานฟัง
ภายในห้องหนังสือที่เงียบสงบ เหลือเพียงเสียงพูดชัดถ้อยชัดคำของฉินรั่วซี บางคราจะมีเสียงตอบรับสองสามคำจากซือเยี่ยหานแทรกขึ้นบ้าง
เยี่ยหวันหวั่นไม่ได้สนใจสองคนนั้นต่อไป และเริ่มลงมือทำการบ้านของตัวเอง
การบ้านวิชาคณิตศาสตร์ของเธอกองทับกันจนเป็นภูเขาแล้ว จะมีเวลาที่ไหนไปสนใจสิ่งอื่น
ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไร พลันมีเสียง “ตึง” ดังขึ้นกลางอากาศอย่างไม่ทันคาดคิด
ฉินรั่วซีและซือเยี่ยหานเงยหน้าขึ้นแล้วมองไปทางเยี่ยหวันหวั่นพร้อมกัน
จากนั้นก็ได้เห็นว่า ศีรษะของเยี่ยหวันหวั่น กระแทกกับโต๊ะอย่างแรงโดยมีกระดาษข้อสอบบางๆ แผ่นหนึ่งกั้นอยู่
ขอบตาของหญิงสาวรื้นแดง จ้องมองกระดาษข้อสอบแผ่นนั้นน้ำตารื้น สายตานั้นราวกับมีความแค้นที่มันฆ่าพ่ออยู่
หลังจากช่วงเวลาความเงียบอันแปลกประหลาด ซือเยี่ยหานนวดขมับ ส่งสัญญาณให้ฉินรั่วซีหยุดก่อนชั่วคราว จากนั้นลุกขึ้นเดินไปทางเยี่ยหวันหวั่น
ซือเยี่ยหานเดินไปหยุดยืนข้างกายของหญิงสาว “ข้อไหน?”
เยี่ยหวันหวั่นตกใจชะงัก ฝืนใจเงยศีรษะที่แดงขึ้นมา “ห๊ะ?”
“ข้อไหนที่ทำไม่ได้” ซือเยี่ยหานถามซ้ำอีกครั้ง พลางชี้นิ้วเรียวยาวออกมา ขมวดคิ้วมองศีรษะของเธอ
เยี่ยหวันหวั่นหดคอ ตอบคำถามกลับไป “อ้อ ข้อหนึ่ง ข้อสอง ข้อสาม ข้อสี่ ข้อห้า ข้อหก…”
ซือเยี่ยหานเงียบ
เขาหยิบกล่องยาออกมาจากตู้ แล้วทายาบนศีรษะที่บวมแดงของเธอ จากนั้นเริ่มอธิบายวิธีแก้โจทย์ให้เธอ
ได้ยินซือเยี่ยหานกำลังอธิบายการแก้โจทย์ให้เธอฟังอย่างไม่ทันคาดคิด เยี่ยหวันหวั่นนิ่งอึ้ง เห็นได้ชัดว่ามีความประหลาดใจอยู่ประมาณหนึ่ง ทว่าก็ถูกการอธิบายวิธีแก้โจทย์ของซือเยี่ยหานดึงดูดอย่างรวดเร็ว
ผ่านไปสิบนาที สายตาเยี่ยหวันหวั่นที่มองซือเยี่ยหานก็เป็นประกายส่องแสงขึ้นมา ราวกับแผ่นหลังของเขามีปีกน้อยสีขาวบริสุทธิ์งอกออกมา
อย่างไรก็คิดไม่ถึงว่าโจทย์อันแสนยากและสูตรอันน่าปวดหัวเหล่านั้นเมื่อออกมาจากปากของเขาแล้ว พลันเปลี่ยนจากวิธีการที่ยากกลายเป็นวิธีการที่ง่ายไปได้
เวลาครึ่งชั่วโมงผ่านไปโดยไม่รู้ตัว
ในที่สุดฉินรั่วซีที่นั่งรอเงียบๆ อยู่บนโซฟาก็เอ่ยขึ้นว่า “อาจิ่ว…”
ซือเยี่ยหานเงยหน้าขึ้นจากกระดาษร่าง มองไปทางฉินรั่วซีเอ่ยขึ้น “คุณกลับไปก่อน”
ฉินรั่วซีที่นิ่งเฉยหนักแน่นมาโดยตลอด เมื่อได้ยินประโยคนี้ ในดวงตาพลันเกิดการเปลี่ยนแปลงระลอกหนึ่ง “แต่ว่าเรื่องดีพทาวน์ คืนนี้จะต้อง…”
“ฉันรู้ดี”
ฉินรั่วซีถูกเอ่ยขัดประโยคหลัง สีหน้าพลันแข็งทื่อ หลังจากนิ่งเงียบไปหลายวินาที ในที่สุดก็ลุกขึ้น “ค่ะ”
เก็บเอกสารบนโต๊ะกาแฟ แล้วหยิบออกไปจากห้องหนังสือ
เมื่อเห็นฉินรั่วซีเดินออกไปแล้ว เยี่ยหวันหวั่นเองก็ประหลาดใจมาก
เรื่องที่ฉินรั่วซีพูดเมื่อครู่จะต้องเป็นเรื่องที่สำคัญมากแน่ๆ อันที่จริง เรื่องที่สามารถทำให้ฉินรั่วซีต้องออกโรงได้ไม่มีเรื่องไหนที่เป็นเรื่องเล็กเลย แต่ว่า ซือเยี่ยหานกลับยอมเสียเวลาเพียงเพื่อสอนเธอทำการบ้านอย่างนั้นเหรอ?
นี่มัน…ชักจะคล้ายวิถีทรราชชอบกล…
ซือเยี่ยหานรู้สึกได้ว่าเธอใจลอย จึงใช้นิ้วเคาะโต๊ะ “ฟังเข้าใจแล้วหรือยัง?”
“ฮะ! ไม่…ไม่เข้าใจ! พูดให้ฟังอีกรอบได้ไหมคะ!” เยี่ยหวันหวั่นรีบรวบรวมสมาธิ
ช่างเถอะ ไม่ต้องไปสนว่าซือเยี่ยหานคิดยังไง เธอกำลังหงุดหงิดว่าจะทำอย่างไรกับวิชาคณิตศาสตร์อยู่พอดี ตอนนี้มีโอกาสที่ยากจะได้มาเยือน ต้องรีบคว้าเอาไว้ให้มั่น
……………………………………………