ตอนที่ 75 ป๋อจิ่งชวน คุณเป็นถูเฝ่ยเป็นพวกเล่นยาไปแล้วเหรอ!
“คุณผู้ชาย?” อวี๋ซงมองเขาผ่านกระจกมองหลัง
ป๋อจิ่งชวนค่อยๆ เก็บปากกาที่อยู่บนกระดาษจากนั้นเขาก็รวบเอกสารทุกอย่างไปวางไว้อีกทางก่อนจะเงยหน้ามองมายังอวี๋ซง
เสียงเย็นเอ่ยขึ้น “ไปซื้อยาแก้ฟกช้ำมาหน่อย”
อวี๋ซงแทบจะถึงบางอ้อในทันที เขาตอบรับไปหนึ่งคำ “ครับ” จากนั้นก็เปิดประตูรถแล้วตรงเข้าไปในร้านยา
–
“คุณชายกลับมาแล้วเหรอคะ” แววตาของไหลหรงเปี่ยมไปด้วยรอยยิ้ม นายหญิงคนนี้พูดอะไรไว้ไม่เคยผิดเลยจริงๆ
“อืม”
ป๋อจิ่งชวนขานรับเสียงเรียบก่อนจะเปลี่ยนรองเท้าแล้วเดินเข้าไปยังห้องรับแขก
สายตาเย็นชากวาดไปทั่วห้องรับแขกหนึ่งครั้งก็ไม่เจอร่างอันคุ้นตา เขาจึงหมุนตัวเตรียมจะขึ้นไปด้านบน ทว่ากลับได้ยินเสียงที่แผ่วเบาแว่วดังมาจากทางห้องครัว
“เขาชอบทานอาหารทะเลหรือเปล่าคะ ปู? กุ้ง? ดูเหมือนว่าจะไม่…”
“เขาเหรอ เขาดูเหมือนไม่ค่อยเลือกกิน แต่พักหลังๆ ท้องไส้ไม่ค่อยจะดีหากเป็นของที่เผ็ดมากๆ ก็จะไม่ค่อยกล้ากิน…”
“แต่ก็เอาเถอะ ก่อนหน้านี้ทำงานหนักเข้าสังคมบ่อยกระเพาะจะรวนก็ไม่แปลกหรอกนะ”
“อยากได้ผลไม้มาจัดจานไหมคะ ฉันจะไปหยิบมาให้…”
ขณะที่เฉินฝานซิงวิ่งออกมา ก็เจอเข้ากับชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่กำลังมองมาที่เธอจากตรงกลางของห้องรับแขก
เธอค่อยๆ ชะงักเท้าลงอย่างประหลาดใจ “คุณกลับมาแล้วเหรอคะ”
เพียงคำนั้นหลุดออกจากปากเธอ เธอก็รู้สึกเหมือนมีบางสิ่งที่ไม่ถูกต้อง
น้ำเสียงแบบนี้ ทำไมมันถึงได้เหมือนกับคู่ข้าวใหม่ปลามันที่ภรรยารอสามีกลับมาบ้านยังไงอย่างงั้น
นัยน์ตาสีนิลมองหญิงสาวตรงหน้าไม่ละสายตา เสื้อผ้าคุ้นตาที่สวมอยู่นั้นคือชุดเดิมที่เขาเห็นเมื่อตอนบ่าย
เพียงแค่ในตอนนี้เธอได้สวมทับมันด้วยผ้ากันเปื้อนสีฟ้าอ่อนผืนหนึ่ง สายคาดรอบเอวถูกมัดไว้ข้างหลัง ยิ่งทำให้ช่วงเอวที่ผอมบางอยู่แล้วดูเล็กลงอย่างเห็นได้ชัด
ทว่าแสงสะท้อนในตาของเขากลับค่อยๆ ขุ่นลง
“ใครสั่งให้คุณทำเรื่องพวกนี้”
เมื่อต้องเผชิญกับเจ้าของน้ำเสียงอันแข็งกร้าว เฉินฝานซิงก็แอบไปไม่เป็นเล็กน้อย
“ใครจะมาสั่งฉันทำเรื่องพวกนี้ได้ถ้าไม่ใช่ตัวฉันเอง”
ป๋อจิ่งชวนมองเธออย่างเรียบเฉย ก่อนจะก้าวยาวๆ ไปหยุดตรงหน้าของเธอแล้วลากข้อมือเธอขึ้นไปยังชั้นบน
ตรงไปยังห้องของป๋อจิ่งชวน เฉินฝานซิงถูกกดให้นั่งลงไปบนเตียง
“ป๋อจิ่งชวนคุณจะทำอะไร?” เฉินฝานซิงชักจะหงุดหงิดขึ้นมาแล้ว เธอเคยชินกับป๋อจิ่งชวนสุภาพอ่อนโยนและสูงส่งราวกับหยกล้ำค่า แต่กลับรับไม่ได้เล็กน้อยกับความหยาบคายของเขาในตอนนี้
“ขึ้นไปบนเตียง”
“คุณ…” เฉินฝานซิงไม่ได้เอ่ยสิ่งได้ออกมา เธอโกรธจนส่งเสียงไม่ออกได้แต่จ้องเขาอยู่อย่างนั้น
เสียแรงที่ก่อนหน้านี้เคยคิดว่าเขาเป็นสุภาพบุรุษที่มีเสน่ห์และรูปงามดั่งหยกล้ำค่าดั่งสายรุ้งงามคนหนึ่ง!
จนกระทั่งเธอถูกผลักลงบนเตียงและโดนถลกเสื้อขึ้นอย่างเอาแต่ใจ ในตอนนั้นแหละเธอถึงได้ตะเบ็งเสียงร้องออกมา
“ป๋อจิ่งชวน คุณเป็นถูเฝ่ย [1] เป็นพวกเล่นยาไปแล้วเหรอ!”
ถูเฝ่ย?
ริมฝีปากบางของเขานิ่งงันไปเล็กน้อย
คำคำนี้เป็นคำที่แปลกใหม่มาก
เพียงแค่มันเป็นคำที่หลุดมาจากปากของผู้หญิงที่ดูนิ่งเฉยและสุภาพงดงามมาตลอดก็ยิ่งทำให้มันดูน่าสนใจ
แสงสะท้อนวูบไหวขึ้นจากนัยน์ตาดุจหยกดำของเขา ฝ่ามืออุ่นร้อนกดร่างที่ไม่ซื่อสัตย์ของเธอเอาไว้สายตาค่อยๆ เคลื่อนลงมาหยุดอยู่ที่เอวบาง
ดวงตาสีนิลถูกฉาบไปด้วยความคลุมเครือ
เห็นได้ชัดว่าร่างอันขาวเนียนดังหยกและเกล็ดน้ำแข็งกลับถูกกลบด้วยรอยช้ำสีคล้ำ
เขาก้มหน้าลงไปหยิบยาขึ้นมา ก่อนริมฝีปากบางจะขยับอีกครั้ง
“คำว่าถูเฝ่ยสองคำนี้มาได้ยังไง”
เฉินฝานซิงเดือดปุดๆ
“หักแขนคนอื่น ทุบรถคนอื่น ตอนนี้ก็ยังมาใช้กำลังกับฉันอีก ไม่เรียกถูเฝ่ยแล้วจะให้เรียกว่าอะไร! จะให้ฉันคิดว่าคุณยังเป็นสุภาพบุรุษที่สุภาพสูงส่งและสง่างามราวหยก…” ล้ำค่า
เธอไม่ทันได้พูดจบ จู่ๆ เธอก็สัมผัสได้ถึงความเย็นที่เอวของเธอไปพร้อมๆ กับความรู้สึกเจ็บ
เธอนิ่งสนิท ราวกับนึกบางอย่างขึ้นมาได้ทันใดนั้นเองใบหน้าขุ่นเคืองก็ได้ถูกระบายไปด้วยสีแดง เธอขบริมฝีปากแน่นมุดหน้าหลบลงไปใต้ผ้าห่ม
เธอเข้าใจเขาผิดไป
ตอนที่ 76 ถูเฝ่ย หืม?
สัมผัสจากปลายนิ้วนั้นให้ความรู้สึกเย็นเล็กน้อย แต่การกระทำกลับนุ่มนวล
ครีมเนื้อเหลวค่อยๆ บรรจงเกลี่ยลงไปยังบริเวณที่ฟกช้ำ
กลิ่นหอมจางๆ ของยาค่อยๆ ฟุ้งไปในอากาศ เฉินฝานซิงกำผ้าห่มผืนบางใต้ร่างของเธอเอาไว้แน่นไม่เงยหน้าขึ้นมอง
“ทำไมไม่พูดต่อล่ะ เมื่อกี้ยังพูดเก่งอยู่เลยไม่ใช่เหรอ หืม?”
“อยู่นิ่งๆ”
ฝ่ามืออุ่นร้อนทำเอาเส้นประสาทของเฉินฝานซิงตึงเกร็งและในขณะที่ร่างของเธอแข็งทื่ออยู่นั้นเสียงของป๋อจิ่งชวนก็ได้แว่วดังขึ้นจากด้านหลังของใบหู
“รอให้ยาแห้งก่อนแล้วค่อยลุก”
เธอไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหนต่อ หลังจากนั้นไม่นานน้ำเสียงอึดอัดก็ได้ดังขึ้นอย่างช้าๆ
“ขอโทษนะคะ เมื่อกี้ที่ฉัน…เข้าใจคุณผิดไป”
เสียงหัวเราะทุ้มแว่วขึ้นในอากาศ เสียงนั้นดังขึ้นชั่วขณะก่อนที่ป๋อจิ่งชวนจะยืดตัวขึ้น
“ถูเฝ่ย?”
“…ขอโทษ”
เธอทำตัวไม่ถูกจึงทำได้เพียงเอ่ยขอโทษออกไปอย่างเก้อเขิน
“ผมคิดไม่ถึงว่าชีวิตนี้จะมีคนนิยามผมด้วยสองคำนี้”
เฉินฝานซิงขบริมฝีปากด้วยความกลืนไม่เข้าคายไม่ออกอย่างถึงที่สุด น้ำเสียงก็ยิ่งแสดงออกถึงความอึดอัดลงเรื่อยๆ
“…ฉันเองก็เพิ่งเรียกคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรก”
“ครั้งแรก? ผมควรรู้สึกเป็นเกียรติ?”
“ยังไงก็…ต้องขอโทษจริงๆ ค่ะ”
เมื่อเห็นว่าชายหนุ่มได้ผละมือออกไปจากตัวเธอพร้อมทั้งลุกออกจากเตียง เฉินฝานซิงถอนหายใจออกมาเบาๆ ก่อนหยัดตัวขึ้นแล้วดึงเสื้อให้ปิดมาลงอย่างระมัดระวัง
เมื่อเธอหันไปก็กลับได้เห็นร่างอันสูงสง่าของชายหนุ่มที่อยู่ข้างหลังเธอ
“คำขอโทษก็เป็นเพียงแค่ลมปากไม่ได้ดูจริงใจอะไร”
หัวใจของเธอสั่นไหวเบาๆ “…แล้วคุณต้องการอะไร”
“แกล้งเสียสติ”
ดวงตาสุกใสวูบไหวเล็กน้อย
“เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ผมรู้สึกกระวนกระวายที่จะทำอะไรสักอย่าง คุณนี่กวนใจเก่งจริงๆ”
“ป๋อจิ่งชวน คุณ…พูดเองว่านี่เป็นช่วงจีบ…สุภาพบุรุษพูดแล้วห้ามคืนคำ…”
“สุภาพบุรุษ? เหอะ…” เขาขำเสียงต่ำ “เปล่า ผมเป็นถูเฝ่ย”
เป็นครั้งแรกที่ทำให้เฉินฝานซิงอยากจะกัดลิ้นตัวเอง
ทำไมถึงได้วู่วามพูดกับป๋อจิ่งชวนไปแบบนั้น
เขาเอาคำพูดของเธอมาตอกหน้าเธอแบบนี้จะให้เธอตอบโต้เขายังไง
“แล้วรู้รึเปล่าว่าผู้หญิงของถูเฝ่ยได้มายังไง”
——
[1] ถูเฝ่ย มาจากตัวอักษรจีนที่เขียนว่า “土匪” เป็นคำที่ใช้เรียกโจรท้องถิ่น