คนตระกูลจาง รีบเข้าไปประคองจางเยว่หาน ที่ล้มลงบนพื้น ต่างมีสีหน้าสับสน

จางเหยียนเดินเข้ามา ถามเบาๆ ว่า “ลูก เมื่อกี้ลูกพูดจริงหรือเปล่า ลูกกับลู่ฝาน……”

มุมปากจางเยว่หานมีคราบเลือด ผมเผ้ายุ่งเหยิง กัดฟันพูดว่า “พ่อไม่ต้องพูดแล้ว”

จางเหยียนพยักหน้าพูดว่า “ได้ ไม่พูดแล้ว มีอะไรค่อยกลับไปคุยกัน”

คนตระกูลจางรีบออกไปทันที คนตระกูลอื่นพากันกระซิบ ได้ยินเสียงถกเถียงต่างๆ นานา ดังขึ้นเบาๆ

“ที่แท้จางเยว่หานเคยคบกับลู่ฝาน”

“ก่อนหน้านี้ เธออยู่กับลู่หมิงไม่ใช่เหรอ อยู่กับลู่ฝานก่อน แล้วมาอยู่กับลู่หมิง นิสัยของผู้หญิงคนนี้แย่”

“เห็นเธอดูสดใสบริสุทธิ์ขนาดนี้ คิดไม่ถึงว่าธาตุแท้จะเป็นคนแบบนี้”

“เฮ้อ โลกเปลี่ยนไปทุกวัน”

……

จางเยว่หานหน้าแดงระเรื่อ เธอคิดไม่ถึงจริงๆ คำพูดตอนใจร้อนเพียงประโยคเดียว ทำให้เธอเสื่อมเสียชื่อเสียง แถมยังแพ้ให้ลู่ฝานอีกด้วย

การโจมตีทั้งสองทาง ทำให้จางเยว่หาน สั่นไปทั้งตัว คนตระกูลจางก็รู้ว่าเสียหน้าแล้ว ไม่พูดอะไร รีบออกไปทันที

คนตระกูลโม่คิดว่าครั้งนี้ ตัวเองจะเป็นผู้แพ้ แต่เห็นสิ่งที่ตระกูลจางต้องเจอ ดูเหมือนจะน่าเวทนากว่าเล็กน้อย

โม่เทียนหันไปมองโม่หยุนเฟย แล้วพูดว่า “หยุนเฟย นายไม่ได้คบกับจางเยว่หานใช่ไหม”

โม่หยุนเฟยพูดช้าๆ ว่า “เกือบแล้ว”

แววตาโม่เทียนแปรเปลี่ยนเป็นดุดัน แล้วพูดว่า “ไม่เคยคบก็ดีแล้ว ต่อไปอยู่ให้ห่างผู้หญิงคนนี้หน่อย”

โม่หยุนเฟยพยักหน้าอย่างเข้าใจ แล้วพูดว่า “ครับ”

โม่เทียนลุกขึ้นยืน พาคนตระกูลโม่ออกไปเช่นกัน พิธีกรด้านบนเห็นลู่เฮ่าหรานส่งสัญญาณ จึงประกาศว่าลู่ฝานได้รับชัยชนะ

ก่อนโม่หยุนเฟยจะไป หันมามองลู่ฝาน แม้แววตาดูไม่พอใจ แต่ในใจกลับยอมรับ

เทียบกับลู่หมิง โม่หยุนเฟยยังมีความกล้าหาญของนักบู๊มากกว่า

โม่หยุนเฟยพูดพึมพำ “ลู่ฝาน ครั้งนี้ถือว่านายชนะ ครั้งต่อไป รอให้ฉันฝึกพลังปราณได้ก่อน จะมาสู้กันอีกครั้ง”

โม่หลินที่อยู่ข้างๆ ได้ยินเสียงพึมพำของลูกชายตัวเอง หัวเราะแล้วตบไหล่โม่หยุนเฟย

บนเวที ลู่ฝานโบกมือให้คนตระกูลลู่ ทันใดนั้นศิษย์ตระกูลลู่ พากันตะโกนออกมาเสียงดัง

ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ชื่อของลู่ฝาน จะกลายเป็นตำนานของเมืองเจียงหลิน คนจำนวนมาก ต้องมาสอบถามว่า ทำไมลู่ฝานจึงเปลี่ยนจากสวะ มาเป็นผู้มีความสามารถในตอนนี้ได้

เปลี่ยนแปลงอย่างมาก ตื่นรู้เพียงข้ามคืน

เก็บซ่อนเอาไว้ วางแผนเอาไว้แล้ว

เชื่อว่าตั้งแต่พรุ่งนี้เป็นต้นไป ตำนานเรื่องราวที่เกี่ยวกับลู่ฝานมากมาย ต้องแพร่กระจายออกไป

……

ตอนกลางคืน งานเลี้ยงขนาดใหญ่ เสียงเพลงดังสนั่น

คืนนี้ เป็นคืนของตระกูลลู่ เป็นคืนของลู่ฝาน ทั้งตระกูลลู่เฉลิมฉลองอย่างบ้าคลั่ง

บนโต๊ะหลัก สองพ่อลูกลู่ฝานกับลู่หาว นั่งอยู่ด้านซ้ายและขวาของลู่เฮ่าหราน ลู่เฮ่าหรานดูมีความสุขมาก ดื่มจนหน้าดูเมานิดๆ

เมื่อคนดื่มเยอะ ก็พูดค่อนข้างเยอะเหมือนกัน

ลู่เฮ่าหรานจับมือลู่ฝาน แล้วพูดเรื่องที่เขาท่องไปทั่วทุกที่ ในตอนนั้นไม่หยุด สำรวจหอนางโลมสิบแปดห้องยามวิกาล ชักดาบต่อสู้ยันฟ้าสาง อะไรทำนองนั้น

3-4 เรื่อง โดนลู่เฮ่าหราน พูดไปมา 2-3 ชั่วยาม ลู่ฝานก็ไปไม่ได้ นั่งฟังอยู่ตรงนั้น ลู่หาวที่อยู่ข้างๆ หัวเราะอย่างชอบใจ เหมือนเขาเคยเจอความทุกข์เช่นนี้

ศิษย์ตระกูลลู่มาดื่มเหล้ายินดีไม่หยุด ลู่ฝานพยักหน้าตอบกลับทีละคน

ในคืนนี้ สิ่งที่ลู่ฝานได้ยินเยอะที่สุด ไม่ใช่เรื่องของลู่เฮ่าหราน แต่เป็นคำขอโทษที่มาจากศิษย์ตระกูลลู่

แทบทุกคนที่เดินเข้ามา ล้วนพูดว่า “พี่ลู่ฝาน ขอโทษ ตอนนั้นผมดูถูกคนอื่น พี่เป็นเสาหลักของตระกูลลู่จริงๆ ผมดื่มไถ่โทษสามแก้ว”

ลู่ฝานฟังเงียบๆ ครั้งหนึ่ง เขาก็เคยคิดเหมือนกัน ต่อไปต้องทำให้คนที่เคยดูหมิ่นเขาในตอนนั้น มาเข้าแถวขอโทษต่อหน้า

แต่เมื่อเขาทำได้จริง กลับรู้สึกว่าไม่จำเป็นเลย

ถึงขั้นที่ตอนนี้ เขารู้สึกว่าตัวเองควรขอบคุณ ความยากลำบากในหลายปีนี้

ความยากลำบากพวกนี้ สร้างความแข็งแกร่งของเขา และความยากลำบากพวกนี้ ทำให้วิถีบู๊ของเขาสำเร็จ

ทันใดนั้น มีเงาที่คุ้นเคยเดินเข้ามา เป็นลู่เทียนกัง ที่เคยโดนลู่ฝานต่อย

ลู่เทียนกังร่างกายกำยำล่ำสัน อกผายไหล่ผึ่ง เขาเดินถือแก้วเหล้ามาตรงหน้าลู่ฝาน โค้งตัวคำนับ แล้วพูดว่า “ลู่ฝาน ฉันเคยด่านายว่าสวะ ตอนนี้ฉันรู้แล้ว ฉันผิดไปแล้ว ผิดจนเกินไป ฉันไม่ขอให้นายอภัย แค่อยากขอโทษนาย ลู่ฝานของตระกูลลู่ เป็นอัจฉริยะ ไม่ใช่สวะ ต่อไปใครกล้าพูดไม่ดีกับนายแม้แต่ประโยค ลู่เทียนกังคือคนแรกที่จะไม่ยอม”

พูดจบ ลู่เทียนกังเอาเหล้าในแก้ว เทใส่หน้า และโค้งคำนับลู่ฝาน จากนั้นจึงเดินออกไป

ลู่เฮ่าหรานหัวเราะ แล้วพูดว่า “ลู่ฝาน คิดไม่ถึงว่าการต่อสู้วันนี้ของนาย กลับทำให้ทั้งผู้อาวุโสและเด็กในตระกูลลู่พากันยอมรับนาย”

ลู่ฝานหัวเราะเบาๆ แล้วพูดว่า “อาจจะมั้งครับ”

ขณะกำลังพูด ลู่เฟิงเดินเข้ามาด้วยแววตาหม่นหมอง ลู่เฮ่าหรานเรียกให้ลู่เฟิงนั่งลง จากนั้นถามว่า “ลู่หมิงล่ะ ทำไมเขาไม่มา”

ลู่เฟิงพูดว่า “ลู่หมิงกลับไปสถาบันสอนวิชาบู๊ในคืนนั้นแล้วครับ”

ลู่เฮ่าหรานขมวดคิ้ว แล้วพูดว่า “การโจมตีเล็กน้อยแค่นี้ ยังไม่สามารถเผชิญหน้าได้ หนีกลับวิทยาลัยแล้วเหรอ”

ลู่หาวได้ยิน จึงพูดว่า “พ่อ ลู่หมิงเป็นวัยรุ่นจิตใจฮึกเหิม การโจมตีครั้งนี้ ค่อนข้างหนักหนาสำหรับเขา กลับวิทยาลัยก็กลับไปเถอะ”

ลู่เฮ่าหรานยังคงไม่พอใจ ลู่เฮ่าหรานคิดว่า คนที่ควรขอโทษลู่ฝานที่สุด คือลู่หมิง แต่คิดไม่ถึงว่าลู่หมิงจะกลับไปแล้ว