เหมือนลู่เฟิงรู้ความคิดของลู่เฮ่าหราน เขายกแก้วเหล้าขึ้นมา พูดกับลู่ฝานว่า “ลู่ฝาน อาขอโทษแทนลู่หมิงด้วย หวังว่านายจะไม่ถือสาเอาความ เป็นครอบครัวเดียวกัน อย่าเจ็บแค้นเคืองโกรธกันเลย”

ลู่ฝานพยักหน้าด้วยสีหน้าราบเรียบ เขายกแก้วเหล้าขึ้นมาดื่มรวดเดียวจนหมด

ขณะนั้น องครักษ์คนหนึ่งวิ่งเข้ามา คารวะลู่เฮ่าหราน แล้วพูดว่า “ท่านเจ้าบ้าน ข้างนอกมีคนมาหาคุณชายลู่ฝานครับ”

“ใครเหรอ ถ้าเป็นคนที่มายินดี ก็ช่างเถอะ คืนนี้พูดปฏิเสธพวกเขาไปแล้วไม่ใช่เหรอ จะแสดงความยินดี ค่อยมาพรุ่งนี้”

องครักษ์ตอบว่า “คุณจางเยว่หานของตระกูลจางครับ”

ลู่เฮ่าหรานอึ้งเล็กน้อย จากนั้นหันไปมองลู่ฝาน

ลู่ฝานขมวดคิ้ว เขาคิดไปคิดมา จึงลุกขึ้น แล้วพูดว่า “ผมไปดูหน่อย”

ลู่หาวพูดว่า “ลู่ฝาน จำไว้ นายกำลังจะกลายเป็นคนสำคัญ ผู้หญิงอย่างจางเยว่หาน……ไม่เหมาะสมกับนาย”

ลู่ฝานพยักหน้าเข้าใจ “วางใจเถอะพ่อ ผมรู้ว่าควรทำยังไง”

พูดจบ ลู่ฝานเดินออกไปข้างนอก

ลู่เฮ่าหรานเรียกองครักษ์ แล้วพูดเบาๆ ว่า “อีกเดี๋ยวนายยืนใกล้ๆ หน่อย จำคำพูดที่ทั้งสองคนคุยกัน แล้วกลับมารายงานฉันตามความจริง”

องครักษ์ตอบว่ารับทราบด้วยเสียงเบา จากนั้นจึงรีบเดินออกไป

ค่ำคืนมาพร้อมกับลมเย็น ผู้หญิงด้านนอก ผมปลิวไปตามลม

จางเยว่หานยืนอยู่หน้าประตูตระกูลลู่ ชุดคลุมยาวถึงพื้น สีหน้าเศร้า คืนนี้เหมือนเธอแต่งหน้าเล็กน้อย ลงแป้งอ่อนๆ เขียนคิ้วบางๆ

ริมฝีปากสีแดงภายใต้แสงจันทร์ ดูงดงาม ตอนลู่ฝานเห็นจางเยว่หาน สีหน้าเขาดูวูบไหวเล็กน้อย

เดิมทีลู่ฝานเคยเห็นเธอแต่งตัวแบบนี้ จำได้รางๆ เป็นเหมือนค่ำคืนนี้ เขาเอายาที่พ่อทำให้เขาอย่างยากลำบาก ไปหาจางเยว่หาน จากนั้นเขาเอายาทั้งหมดให้จางเยว่หาน

ลู่ฝานยืนหน้าประตู มองจางเยว่หาน แล้วพูดว่า “เธอมาหาฉันทำไม”

จางเยว่หานพูดด้วยเสียงอ่อนโยน “ลู่ฝาน ฉันอยากคุยกับนาย เราไปร้านด้านในสุดบนถนนประตูเมือง ดื่มเหล้าสักนิด แล้วนั่งคุยกัน ดีไหม”

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ “มีอะไร คุยกันตรงนี้เถอะ”

จางเยว่หานกัดริมฝีปาก ก้าวเข้ามา จะจับมือลู่ฝาน

ลู่ฝานหลบด้วยสีหน้านิ่ง มองจางเยว่หาน แล้วพูดว่า “คุณเยว่หาน เคารพตัวเองหน่อย”

จางเยว่หานพูดด้วยแววตาเศร้า “ลู่ฝาน ขอโทษ เรามาเริ่มต้นกันใหม่ได้ไหม”

ลู่ฝานเงยหน้ามองจางเยว่หาน จู่ๆ ก็หัวเราะออกมา พูดช้าๆ ว่า “จางเยว่หาน ถ้าคืนนี้เธอมาที่นี่ เพื่อจะพูดประโยคนี้ งั้นเชิญเธอกลับไปเถอะ”

จางเยว่หานพูดว่า “ลู่ฝาน นายจะให้ฉันทำอะไร ถึงจะยอมยกโทษให้ฉัน”

ลู่ฝานพูดอย่างราบเรียบ “ไม่ถึงกับยกโทษหรือไม่ยกโทษหรอก คุณจางเยว่หาน ดึกแล้ว ถ้าไม่มีเรื่องอื่น เธอกลับไปได้แล้ว”

ลู่ฝานพูดเจาะจง แววตาจางเยว่หานวูบไหว แล้วพูดว่า “นายรู้เหรอว่าฉันมีเรื่องอื่น”

ลู่ฝานพูดว่า “ทำไมจะไม่รู้ จางเหยียนพ่อของเธอพนันกับปู่ฉัน แพ้ต้องให้แสนเหรียญทอง จุดประสงค์ที่เธอมาที่นี่ จะให้ฉันพูดขอร้องแทนเธอไม่ใช่เหรอ ยืดระยะเวลาผ่อน หรือไม่ก็ลดจำนวนลง ถูกต้องไหม”

สายตาที่ดูเหมือนมองออกทุกอย่าง ทำให้จางเยว่หานถอยหลังไปหนึ่งก้าวอย่างไม่รู้ตัว

จางเยว่หานพูดว่า “ลู่ฝาน ที่แท้นายฉลาดขนาดนี้ ทำไมก่อนหน้านี้ฉันไม่รู้เลยสักนิด”

ลู่ฝานพูดว่า “มีเรื่องที่เธอไม่รู้อีกเยอะเลยล่ะ”

จางเยว่หานกัดฟันพูดว่า “งั้นนายยอมช่วยฉันไหม ตอนนี้นายมีชื่อเสียงไปทั่ว แค่นายพูดประโยคเดียว ไม่แน่อาจตัดสิ่งเดิมพันทิ้งได้ ลู่ฝาน นายจะให้ฉันทำอะไร ฉันจะ……”

ลู่ฝานพูดตัดบทจางเยว่หาน “ฉันบอกเธอได้แค่ว่า ฉันจะช่วยเธอพูดสักคำ จางเยว่หาน คนเราไม่ควรต่ำตมขนาดนี้ เรื่องมากมายบนโลก ไม่ใช่การซื้อขายแลกเปลี่ยน พึ่งคนอื่น ไม่สู้พึ่งตน”

ลู่ฝานพูดจบ เตรียมจะหันหลังเดินกลับไป

จางเยว่หานพูดด้วยเสียงสั่น “นายว่าฉันต่ำตมเหรอ”

ลู่ฝานหันมามองจางเยว่หาน แล้วพูดว่า “ฉันพูดไปมากขนาดนี้ เธอได้ยินแค่สองคำเหรอ”

จางเยว่หาน พูดด้วยแววตาวูบไหว “ลู่ฝาน ระหว่างเรา ไม่มีความเป็นไปได้สักนิดเลยเหรอ”

ลู่ฝานครุ่นคิด แล้วพูดว่า “จางเยว่หาน ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ฐานะของเราแตกต่างกันราวฟ้ากับเหว อยู่กับความเป็นจริงเถอะ เธอก็รู้ ระหว่างเราเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว ลาก่อน”

คำพูดของลู่ฝานเหมือนค้อนหนักทุบลงบนหัวใจจางเยว่หาน สองประโยคนี้ คือคำที่เธอพูด ตอนเลิกกับลู่ฝานในตอนนั้น

ตอนนี้ ลู่ฝานคืนคำเดิมกลับมาให้เธอแล้ว

แต่ละคำพูด เหมือนกับมีดแทงเธอจนทะลุ แววตาราบเรียบตั้งแต่ต้นจนจบของลู่ฝาน ทำให้จางเยว่หานพ่ายแพ้

ลู่ฝานเดินออกไปอย่างรวดเร็ว สะบัดมือให้องครักษ์ปิดประตู

จางเยว่หานยืนอยู่ที่เดิม มองไปยังประตูเหล็ก ที่ขวางเงาของลู่ฝานเอาไว้

เบ้าตาจางเยว่หาน ค่อยๆ แดงขึ้นเรื่อยๆ หลังจากนั้นแววตาเธอมีความอาฆาตผุดขึ้นมา

จางเยว่หานรีบเดินออกมาทันที