บทที่ 66 ให้ความร่วมมือในการแสดง[รีไรท์]

จักรพรรดิเซียนหวนคืน (仙帝归来)

บทที่ 66 ให้ความร่วมมือในการแสดง[รีไรท์]

สายตาของผู้คนไปรวมกันอยู่ที่ฉู่ชวิ๋นด้วยท่าทางที่แตกต่างกัน ฉู่ชวิ๋นค่อยเปิดเปลือกตาช้า ๆ แล้วหลบสายตาของฮวาชิงหวู่ เขารู้สึกเหมือนตัวเองไม่ปลอดภัยเอาซะเลย

หยุนสุ่ยเซิงมองฉู่ชวิ๋นสามวิแล้วพูดขึ้นอย่างรังเกียจ “คุณหนูฮวาหมายความว่า เด็กหนุ่มคนนี้คือคนที่คุณชอบงั้นเหรอ?”

ฮวาชิงหวู่รู้สึกประหลาดใจกับท่าทีของฉู่ชวิ๋น และเมื่อได้ยินคำพูดของหยุนสุ่ยเซิง เธอจึงกล่าว “คุณหยุนมีปัญหาอะไรหรือเปล่า?” เธอไม่ชอบตระกูลหยุนเลยสักนิด จึงไม่มีความเกรงใจต่อหยุนสุ่ยเซิง

“เขาจะไปมีค่าอะไร? จะคู่ควรกับลูกสาวตระกูลฮวาได้ยังไง?” หยุนสุ่ยเซิงยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ ฮวาโม่เซี่ยก็กล่าวขึ้น วันนี้เขารู้สึกเสียหน้าเป็นที่สุด

ฮวาชิงหวู่ส่งสายตาเย็นชาจ้องมองฮวาโม่เซี่ย “เขาคือคนที่ฉันชอบ เป็นสามีในอนาคตของฉัน จะพูดจะจาอะไรให้เกรงใจกันหน่อยนะ”

“โอหัง! เพื่อไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่ กล้าดียังไงที่พูดกับฉันแบบนี้?” ฮวาโม่เซี่ยโมโหจนหน้าดำหน้าแดง วันนี้เขารู้สึกตะลึงกับท่าทีของฮวาชิงหวู่มาก ช่วงระยะเวลาหลายปีที่ผ่านมาเธอไปพบเจออะไรมา แต่ที่แน่ ๆ เธอไม่ใช่ฮวาชิงหวู่ที่ทำทุกอย่างเพื่อเขาอีกแล้ว

ฮวาชิงหวู่ส่งสายตาเหน็บแนม พร้อมแสดงรอยยิ้มด้วยความรังเกียจมอง ฮวาโม่เซี่ย มันทำให้ฮวาโม่เซี่ยโกรธเคืองเป็นที่สุดจนไม่สามารถควบคุมอารมณ์ได้อีกต่อไป

“เหอะ ๆ!” หยุนสุ่ยเซิงส่งเสียงหัวเราะสองครั้งสองครา แต่ภายนอกที่แสดงออกกลับไม่มีสีหน้ายิ้มแย้ม

“คุณฮวาปฏิเสธการแต่งงาน ฉันเข้าใจ แต่เหตุผลช่างน่าขบขันเสียจริง เอาไอ้หนุ่มหน้าขาวที่ไม่มีปัญญาทำอะไรมาเป็นข้ออ้างแบบนี้ ไม่กลัวว่าจะทำให้มันตกอยู่ในอันตรายหน่อยเหรอ?”

ทุกคนต่างก็เห็นด้วย มันช่างน่าขัน เธอไม่ได้มองหาคนที่สามารถปกป้องเธอได้อยู่หรอกเหรอ

“ไอ้หนูนี่มันโผล่มาจากไหน?”

“ท่าทางแบบนั้น ผิวดีหน้าตาดี คงจะเป็นพวกเกาะผู้หญิงล่ะสิท่า”

“เฮ้ย ไอ้หนู ไสหัวออกไปจากเมืองหยุนหยานซะ ไม่งั้นฉันจะหักกระดูกแกให้หมากิน”

เสียงโห่ร้องไม่พึงพอใจของพวกเขาดังขึ้นเพราะตระกูลหยุนถูกปฏิเสธการแต่งงาน แถมยังหาไอ้หนุ่มหน้าขาวนี่มาอ้าง นี่มันเป็นการตบหน้าคนตระกูลหยุนชัด ๆ

ฉู่ชวิ๋นก้มศีรษะลงทำให้ทุกคนมองไม่เห็นสีหน้าของเขาแถมเขายังก้าวถอยหลังไปสองก้าวแล้วซ่อนตัวอยู่หลังผู้อาวุโส เห็นได้ชัดว่าเขากำลังหลบเลี่ยงหรือไม่ก็กำลังหวาดกลัว

ฮวาชิงหวู่รู้สึกว่าท่าทางของฉู่ชวิ๋นช่างแปลกประหลาดยิ่งนัก นี่เขากำลังทำบ้าอะไรอยู่? หรือว่าเขายอมให้ทุกคนดูถูกเพื่อหนีฉันงั้นเหรอ?

ผู้อาวุโสรู้สึกประหลาดใจยิ่งกว่า แต่ไหนแต่ไรมาฉู่ชวิ๋นก็เป็นดั่งเทพในใจของเขา เขาไม่โง่พอที่จะคิดว่าฉู่ชวิ๋นเกิดความกลัว แข็งแกร่งอย่างฉู่ชวิ๋น แค่ดีดนิ้วคนตรงหน้าก็ตายหมดแล้วมีอะไรให้กลัว แต่ว่านี่เขากำลังทำอะไรอยู่?

ภายในใจของฮวาชิงหวู่โมโหแล้วโมโหอีก ฉู่ชวิ๋นทำให้ใจเธอเจ็บปวดยิ่งนัก เธอก้าวไปเบื้องหลังผู้อาวุโสเพื่อลากตัวเขาออกมา…ถ้านายอยากจะสลัดฉันออกไปขนาดนี้ ฉันก็จะไม่ให้นายได้สมหวัง!

“พ่อหนุ่ม ฉันถามหน่อย นายเป็นคนที่คุณหนูฮวาชอบงั้นเหรอ?” หยุนสุ่ยเซิงถามอย่างยิ้มแย้ม แต่แววตาเย็นชา

ฉู่ชวิ๋นมองไปที่หยุนสุ่ยเซิงและลนลานประสานมือกล่าว “ไม่ใช่นะ…ไม่ใช่ ผมเพียงแค่คนงานรับจ้าง คุณฮวาจ้างผม 10,000 หยวน ให้แสร้งเป็นคนรักของเธอ”

เมื่อพูดจบก็เกิดความเงียบงันประมาณ 3 วินาที หลังจากนั้นทุกคนระเบิดหัวเราะอย่างบ้าคลั่ง

ฮวาชิงหวู่โมโหจนจะบ้าตาย เธอจ้องฉู่ชวิ๋นเขม็ง เธออยากจะเข้าไปทุบตีเขาเหลือเกิน แต่ผู้อาวุโสส่ายหน้าบอกในเชิงว่าให้อยู่นิ่ง ๆ ฮวาชิงหวู่จึงหยุดนิ่งไปพักหนึ่ง เธอพยายามรั้งไม่ให้ตัวเองพุ่งเข้าไปต่อยหน้าเขา

อันที่จริงผู้อาวุโสก็งุนงงไม่แพ้กัน แต่ความเลื่อมใสของเขาในตัวของฉู่ชวิ๋น บอกว่าฉู่ชวิ๋นจะต้องมีเหตุผลในการทำแบบนี้แน่

หยุนสุ่ยเซิงกล่าวด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ดวงตาไม่ได้ยิ้มตาม เขากล่าวกับฉู่ชวิ๋นด้วยรอยยิ้มว่า “พ่อหนุ่มในเมื่อแผนของนายแตกเสียแล้ว งั้นฉันจะให้คนส่งนายออกจากที่นี่”

ชื่อเสียงของตระกูลหยุนมีค่ายิ่งนัก หากฮวาชิงหวู่แต่งงานกับตระกูลหยุนไปแล้วมีคนรับรู้ถึงเรื่องขบขันนี้พวกเขาต้องถูกหัวเราะเยาะแน่ หยุนสุ่ยเซิง จึงส่งสัญญาณให้ชายที่อยู่ข้างหลังให้ฆ่าฉู่ชวิ๋นปิดปากซะ

ชายคนนั้นพยักหน้าอย่างไม่มีพิรุธแต่ดวงตาเต็มไปด้วยความโหดเหี้ยมเขาเดินไปหาฉู่ชวิ๋นและกล่าว “ไปกันเถอะ ฉันจะไปส่งนาย ที่นี่ไม่มีที่ให้นายอยู่อีกต่อไปแล้วละ”

ฉู่ชวิ๋นก้าวไปข้างหน้าสองก้าวและหยุดลงอีกครั้งมองกลับมายังฮวาชิงหวู่ว่า “คุณฮวา คุณสัญญาว่าจะให้ผม 10,000 หยวน ไม่ใช่เหรอ?”

“แกคู่ควรที่จะได้รับเงินจากเธอเหรอ?” ชายหนุ่มจากตระกูลหยุนผลักฉู่ชวิ๋นไปอย่างหยาบคาย เขาเดินไปหาฉู่ชวิ๋นและกระซิบว่า “ไปซะ ไม่งั้นอย่าพูดถึงเงินเลย ชีวิตของแกก็จะไม่ปลอดภัยแล้ว”

ดูเหมือนว่าฉู่ชวิ๋นจะหวาดกลัวอย่างมาก เขาพยักหน้าลงอย่างรีบร้อน และวิ่งหนีไปด้านนอกคฤหาสน์ด้วยความตกใจ ชายหนุ่มจากตระกูลหยุนยิ้มอย่างเย็นชาและไล่ตามไป

“คุณฮวา เรื่องเช่นนี้ไม่ตลกเลย” หยุนสุ่ยเซิงกล่าว

“ฉันไม่ได้ล้อเล่น เขาเป็นคนที่ฉันชอบจริง ๆ ฉันชื่นชอบหนุ่มหล่อ ๆ คุณไม่คิดว่าเขาหล่อบ้างเหรอ?” ฮวาชิงหวู่กล่าว อย่างจริงจัง

“คุณหนูฮวา โปรดระวังคำพูดด้วย คุณคือคนที่จะแต่งงานกับคุณชายตระกูลหยุน ไม่ว่าจะทำอะไรจะพูดอะไรล้วนแล้วแต่สำคัญ ไม่อย่างนั้นนอกจากจะทำร้ายตัวคุณเองแล้ว มันจะทำร้ายคนอื่นไปด้วย” หยุนสุ่ยเซิงพูดอย่างเย็นชา

“คุณข่มขู่ฉันเหรอ?” ฮวาชิงหวู่กล่าวอย่างเสียดสี

“คุณเองก็โปรดระวังคำพูดไว้เถอะ ฉันไม่เคยพูดว่าจะแต่งเข้าตระกูลหยุนของพวกคุณ สำหรับคนที่ฉันชอบจะเป็นใครมันก็เป็นเรื่องของฉัน ฉันรู้ว่าตระกูลหยุนมีอำนาจยิ่งใหญ่ เขาออกไปแบบน้ันคงไม่ปลอดภัยแน่ ๆ ถูกไหม? แต่ก็ช่างมันเถอะ บนโลกนี้ไม่ได้มีแค่เขาที่หล่อคนเดียว หนุ่มน้อยแบบนั้นมีอีกเยอะแยะ ต่อให้ชีวิตนี้ฉันจะเปลี่ยนวันละคนก็ยังก็ไม่หมดโลกอยู่ดี ฉันไม่เชื่อหรอกนะว่าตระกูลหยุนของพวกคุณจะตามฆ่าคนหล่อบนโลกนี้ได้หมด หรือว่าได้?”

ทางด้านฉู่ชวิ๋น ก็รีบร้อนจนเกือบจะลื่นล้ม เขามองไปยังฮวาชิงหวู่ด้วยความโกรธ เขารู้ว่าเธอจงใจที่จะพูดแบบนั้นให้เขาได้ยิน

ฮวาชิงหวู่มองไปยังฉู่ชวิ๋น เมื่อเห็นว่าเขาเกือบจะล้มก็หัวเราะขึ้นมา ทำให้บรรดาหนุ่ม ๆ ต่างมองค้าง ดวงตาของหยุนสุ่ยเซิงวูบวาบและเย็นชา เขาเข้าใจอย่างถ่องแท้ถึงอารมณ์ของฮวาโม่เซี่ย คำพูดเป็นเหมือนอาวุธฆ่าคน ถ้าหากฮวาชิงหวู่ไม่มีประโยชน์เขาคงฆ่าเธอตายไปแล้ว

จนกระทั่ง ฉู่ชวิ๋นหายลับตาไป เธอเหลือบตาพลางโบกมือแล้วพูดว่า “ขออภัยทุกคน ฉันขอตัวไปพักผ่อนบำรุงความงามของฉันก่อนนะ เมื่อคืนฉันเหน็ดเหนื่อยมาก ตอนกลางคืนเขาแข็งแกร่งมากเลยละ….” ฮวาชิงหวู่กล่าวอย่างคลุมเครือปนเขินอาย

มันง่ายมากที่จะนึกภาพตามคำพูดของเธอ เหล่าชายหนุ่มต่างจ้องมองไปยังหุ่นที่ร้อนแรงของเธอแล้วกลืนน้ำลาย ทุกคนต่างรู้สึกอิจฉาฉู่ชวิ๋นแถมแอบก่นด่าสาปแช่งให้ฉู่ชวิ๋นคอหักตาย

ใบหน้าของหยุนสุ่ยเซิงเรียบนิ่ง หยุนหนานเฟิงเป็นคนโดดเด่น ในบรรดาคนทั้งหมดเขาเปรียบเหมือนมังกรพญาหงส์

ไอ้หนุ่มเมื่อกี้มันจะไปมีค่าอะไร? ให้เปรียบเทียบกันแล้วแค่พูดชื่อทั้งสองคนออกมา ชื่อของหยุนหนานเฟิงก็เหมือนถูกเอามาเหยียดหยาม การเหยียดหยามหยุนหนานเฟิงก็เหมือนกำลังเหยียดหยามตระกูลหยุน

เมื่อเห็นฮวาชิงหวู่กำลังจะเข้าไปในบ้าน หยุนสุ่ยเซิงก็รีบขัดขวาง “คุณหนูฮวา ช้าก่อน!”

เธอหันกลับมามองหยุนสุ่ยเซิง และกล่าวด้วยความอดทน “คุณหยุนยังมีอะไรอีกเหรอ?”

“มีเรื่องอยากจะถามคุณฮวาหน่อย เมื่อไม่นานมานี้มีคนออกจากตระกูลเพื่อเดินทางไปที่เมืองกู่เจียงเพื่อตามคุณกลับตระกูล แต่พวกเขายังไม่ได้กลับมาเลย แถมไม่มีข่าวคราว ไม่ทราบว่าคุณได้พบพวกเขาสามคนบ้างไหม?”

ฮวาชิงหวู่หัวใจหล่นวูบ แต่เธอไม่ได้มองไปที่ผู้อาวุโสเลยแม้แต่น้อย ณ ตอนนี้หากแสดงอาการที่มีพิรุธออกไปอาจทำให้หยุนสุ่ยเซิงเกิดความสงสัย เธอจึงแสร้งทำเป็นว่าประหลาดใจแล้วกล่าวขึ้น “มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นด้วยเหรอ ฉันไม่เห็นรู้เลย?”

หลังจากพูดจบ ฮวาชิงหวู่จึงหันไปถามผู้อาวุโส “คุณเคยเห็นคนพวกนั้นไหม?”

ผู้อาวุโสส่ายหน้า แต่เขายิ้มเยาะในใจ คนพวกนั้นถูกฆ่าด้วยฝีมืออสรพิษของฉู่ชวิ๋น ยังไม่ทันได้ต่อต้านอะไรเลยด้วยซ้ำ

“คุณหยุน พวกเราไม่เคยพบเจอพวกเขา ตามที่คุณพูดถึง ผมคิดว่ามันจะเป็นการดีกว่าหากคุณสั่งให้คนอื่น ๆ ออกไปตามหาพวกเขา มีหญิงสาวที่งดงามมากมายในเมืองกู่เจียง ไม่แน่ว่าพวกเขาอาจจะอยู่ที่หอเซียวจินในเมืองกู่เจียง แล้วยังหาทางออกมาไม่เจอซะมากกว่า”

หยุนสุ่ยเซิงอดไม่ได้ที่จะคิดแบบนั้นเหมือนกัน หรือพวกมันไปเมาหัวราน้ำไม่ยอมกลับ? สามคนนี้เป็นคนที่มีฝีมือจะขาดการติดต่อไปเฉย ๆ ได้เหรอ? นอกจากพวกเขาจะไปเมาเละอยู่ที่ไหน

“มีคำถามอื่นอีกไหม คุณหยุน? ถ้าไม่มีฉันขอตัวก่อน”

“ช้าก่อน!” หยุนสุ่ยเซิง กล่าวขึ้นมา

“อะไรของคุณอีก? ในเมื่อฉันตอบไปแล้วว่าไม่เคยพบคนพวกนั้น”

คราวนี้หยุนสุ่ยเซิงไม่ได้โกรธ สีหน้าของเขาดูอบอุ่นขึ้นแถมยังยิ้มบาง ๆ เขายิ้มแย้มแต่ดูเหมือนมีอะไรแอบแฝง

“คุณฮวา จริง ๆ แล้วหนานเฟิงเป็นห่วงคุณมากนะ เมื่อเขาได้ยินว่าแม่ของคุณล้มป่วยด้วยโรคประหลาด หลายปีที่ผ่านมาเขาไปพบคุณหมอที่มีชื่อมากมายและ…” หยุนสุ่ยเซิงจงใจหยุดพูด เป็นไปตามที่เขาคิด ฮวาชิงหวู่หน้าเปลี่ยนสีและกล่าวอย่างร้อนรนใจ

“แล้วจากนั้น เขาก็ได้หายาที่สามารถรักษาอาการของแม่ของฉันสินะ?”

หยุนสุ่ยเซิงยิ้มและพยักหน้า “แน่นอน พวกเรามั่นใจว่ายานี้จะสามารถรักษาแม่คุณให้หายดีได้อย่างแน่นอน และยานี้มีอยู่ที่หนึ่งเดียวในโลกไม่ ไม่มีที่สอง”

“แล้วยาล่ะ?” เธอรีบร้อนถามต่ออย่างรวดเร็ว

“แน่นอนว่ายานี้อยู่ที่ตระกูลหยุนของเรา บางทีคุณฮวาอาจไม่รู้ว่ามันมีค่ามากมายขนาดไหน ต้องใช้ความพยายามเป็นอย่างมากกว่าจะได้มาเก็บรักษาที่ตระกูลหยุน หนานเฟิงต้องเหน็ดเหนื่อยขนาดไหนคุณรู้ไหม เขาเป็นเด็กหนุ่มเลือดร้อนที่รักจริงหวังแต่ง ซึ่งพูดได้ว่าคุณไม่ไว้หน้าเขาและเมื่อได้เห็นคุณเป็นแบบนี้แล้ว ลุงอย่างฉันคิดว่าคุณไม่คู่ควรกับเขาเลย”

หยุนสุ่ยเซิงกล่าวอย่างเศร้าใจ

ฮวาชิงหวู่หัวเราะอยู่ในใจ เอาสิ แสดงอีกสิ ทำตัวเหมือนผู้หญิงชั้นต่ำแล้วยังอยากได้ความเคารพแบบนั้นอีกสิ! ในโลกนี้มันจะไปมีเรื่องดี ๆ แบบนั้นได้ยังไง? ในเมื่ออยากเล่นมากนัก ฉันก็จะเล่นเป็นเพื่อนเอง ในขณะเดียวกัน นัยน์ตาของเธอก็แดงก่ำและร้องไห้ออกมา “ฉันไม่คิดว่าเขาจะคิดทำเพื่อฉันขนาดนี้เลย ทำไมเขาโง่อย่างนี้?”

หยุนสุ่ยเซิงรู้สึกสุขใจเหลือเกิน ในที่สุดปลาก็กินเหยื่อ เขาแสร้งพูดต่อ “ถึงแม้หยุนหนานเฟิงจะเป็นชายหนุ่มที่ยอดเยี่ยม แต่เขาก็มีจิตใจที่บริสุทธิ์และ ซื่อสัตย์กับตนเอง เขาไม่มีทางเปลี่ยนใจจนกว่าจะตาย บางทีคุณอาจจะไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อหลายปีก่อนที่เขาได้พบคุณ เขาก็คิดว่าชั่วชีวิตนี้จะไม่แต่งงานหรืออยู่ตัวคนเดียวไปตลอดชีวิต ถ้าไม่ได้แต่งงานกับคุณ!”

ฮวาชิงหวู่เมื่อได้ยินแบบนี้ ก็น้ำตาไหลอาบแก้ม เธอเริ่มร้องไห้ สะอึกสะอื้น กล่าวว่า “ฉันตกลง ฉันจะแต่งกับเขา”

ผู้อาวุโสรีบร้อนอยากจะเอ่ยปาก แต่พอเขาจะเปิดปากพูด กลับเห็นฮวาชิงหวู่ขยิบตาให้ ผู้อาวุโสเห็นก็เข้าใจและระงับความสงสัยไว้ทันที