ตอนที่ 77 หมาสีเหลืองและหมาสีขาว

แม่สาวเข็มเงิน

ตอนที่ 77 หมาสีเหลืองและหมาสีขาว

ซุนต้าหูขานรับเล็กน้อย เขาเรียกหญิงสาวคนนั้นว่า ‘ท่านน้า’ จากนั้นก็พูดขึ้น “จูเหล่าซานอยู่บ้านไหมขอรับ ?”

หญิงสาวพูดขึ้นอย่างลังเล “เขาไปดูข้าวสาลีที่ในนา เจ้ามาหาเขามีธุระอะไรรึ ? ให้ข้าไปเรียกเขากลับมาไหม ?”

ซุนต้าหูรีบโบกมือไปมาทันที “ไม่ต้องขอรับ ไม่มีอะไรหรอก ก็แค่ได้ยินคนอื่นบอกว่าหมาของครอบครัวท่านน้าใกล้จะหย่านมแล้วและกำลังหาคนเลี้ยง ซึ่งน้องสาวของข้าอยากเอากลับไปเลี้ยงที่บ้านพอดี วันนี้ไม่มีงานอะไร ข้าจึงพาน้องสาวมาดูหมาขอรับ”

เมื่อหญิงสาวคนนั้นได้ยินว่าต้องการเลี้ยงหมา นางก็รีบเชิญพวกเขาเข้ามาในบ้านทันที “หมาอยู่ที่นี่แหละ นี่ก็กำลังหยอกล้อกันไปมาน่าเอ็นดูและพากันวิ่งวุ่นอยู่เต็มในลานบ้าน ไม่กี่วันก่อนก็เกือบทำให้ย่าข้าสะดุดล้มอยู่รอมร่อ  ตอนนี้ยังถือว่าบ้านข้าได้อยู่ แต่โตกว่านี้หน่อยคงจะกินอาหารมากขึ้น และที่บ้านคงเลี้ยงไม่ไหวจึงต้องให้คนอื่น”

ซุนต้าหูกับเจียงป่าวชิงเข้ามาในบ้าน เจียงป่าวชิงเดินได้ไม่กี่ก้าวก็มีลูกหมาตัวเล็กวิ่งมาหานางอย่างตื่นเต้นและชนเข้ากับขาของนาง มันชนจนตัวเองล้มลงไปเอง จากนั้นก็นอนเห่าอยู่บนพื้น ไม่นานมันก็ออกแรงพลิกตัวและวิ่งกลับไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

เจียงป่าวชิงรู้สึกขบขัน นางชี้ไปที่หมาตัวเมื่อสักครู่และถามน้าคนนั้นว่า “ท่านน้า ข้าเอาตัวนั้นได้ไหมเจ้าคะ ?”

นี่คือหมาสีออกเหลืองตัวเล็ก ๆ ที่มีจุดสีน้ำตาลขนาดใหญ่บนใบหน้า มันดูซื่อ ๆ และแข็งแรงพอสมควร รูปร่างงหน้าตามันยังชวนให้คนชื่นชอบอีกต่างหาก

หญิงสาวพูดขึ้นยิ้ม ๆ “เจ้าช่างเลือกเสียจริง ได้สิ หมาตัวนี้มีชีวิตชีวามาก ต่อไปมันจะต้องเป็นหมาฝีมือดีที่เฝ้าบ้านเก่งอย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงหยิบทองแดงสิบกว่าแผ่นออกมาจากในอ้อมอก และยัดใส่ในมือของหญิงสาว “ขอบคุณท่านน้ามากนะเจ้าคะ ข้าจะดูแลมันอย่างดีเลย”

หญิงสาวเห็นเจียงป่าวชิงทำเช่นนี้ นางก็บ่ายเบี่ยงอย่างเกรงใจเล็กน้อย แต่สุดท้ายก็รับไว้อย่างมีความสุข

ซุนต้าหูก็มีความสุขเช่นกัน จากนั้นเขาก็ช่วยจับลูกหมาตัวนั้น

ขาอวบ ๆ ของเจ้าหมาสีเหลืองตัวนั้นตะเกียกตะกายอยู่ในอากาศ ในปากก็เอาแต่ส่งเสียงเห่า แต่ถึงอย่างไร มันก็เป็นหมาที่เพิ่งจะครบเดือนจึงเห่าไม่น่ากลัวเลย ตรงกันข้าม กลับทำให้คนอดที่จะอยากหัวเราะมากกว่า

เจ้าหมาสีเหลืองตัวนั้นถูกยัดลงในตะกร้าและมันเอาแต่เห่าอยู่อย่างนั้น เจียงป่าวชิงหยิบห่อกระดาษน้ำมันออกมาจากในอ้อมแขน ข้างในเป็นกากน้ำมันที่หลงเหลือจากการที่นางใช้มันหมูในการเคี่ยวน้ำก่อนหน้านี้ และนี่เป็นสิ่งที่นางใช้ทานเป็นของว่าง มันกรอบและอร่อยมาก

นางหยิบกากน้ำมันมาวางในตะกร้าหนึ่งอัน เมื่อเจ้าหมาสีเหลืองได้กลิ่น มันก็ก้มหัวกินทันที หางเล็ก ๆ ของมันส่ายไปมาไม่หยุด มันกินอย่างมีความสุขและไม่โวยวายแล้ว

จับหมาเสร็จแล้ว นางก็กำลังจะเดินไปด้านนอก แต่หางตาของเจียงป่าวชิงกลับกวาดไปเห็นหมาสีขาวตัวเล็ก ๆ ตัวหนึ่งนอนนิ่งไม่ไหวติงอยู่ในกรงหมาที่อยู่ตรงมุม

ขาหน้าของมันงอผิดปกติเล็กน้อย

ไม่รู้ว่าทำไมเจียงป่าวชิงถึงได้หยุดเดิน นางชี้ไปที่หมาสีขาวและถามหญิงสาวว่า “ท่านน้า ขาของลูกหมาตัวนั้นเป็นอะไรไปหรือเจ้าคะ ?”

หญิงสาวหันไปมองเจ้าหมาขาวก่อนจะพูดอย่างไม่ใส่ใจ “วันนั้นมันวิ่งออกไปข้างนอกจึงถูกพวกเด็กซนปาหินใส่จนขาหัก หมาประเภทนี้ไม่มีใครต้องการหรอก ถึงตอนนั้นค่อยฆ่าแล้วเอาเนื้อมากิน”

หลายปีที่ผ่านมา ชาวภูเขาเหล่านี้อาศัยธรรมชาติในการอยู่การกิน มีหลายคนที่กินไม่อิ่มด้วยซ้ำ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าพวกเขาให้หมาพวกนี้กินอะไรเลย

เจียงป่าวชิงชะงักไปเล็กน้อย นางถามหญิงสาว “ถ้าอย่างนั้นข้าขอเอาหมาสีขาวตัวนั้นไปด้วยนะเจ้าคะ”

หญิงสาวตกตะลึงไปทันที นางมองเจียงป่าวชิงด้วยความสงสัยเล็กน้อย “เจ้าน้องเอ๋ย ข้าไม่ได้โกงเจ้านะ หมาตัวนี้ขาหักแล้ว มันคงไม่สามารถเฝ้าบ้านให้เจ้าได้ ถ้าเจ้าเอาไปก็ทำได้แค่กินเนื้อมันเท่านั้นแหละนะ”

เจียงป่าวชิงส่ายหน้าไปมา “ไม่เป็นไรเลยเจ้าค่ะ ข้ารู้จักคนที่ต่อกระดูกเป็น จะลองให้เขาดูว่าเขาสามารถช่วยมันได้หรือเปล่า”

หญิงสาวมีท่าทีไม่ใส่ใจเป็นอย่างยิ่ง แต่ในเมื่อเจียงป่าวชิงเป็นฝ่ายต้องการจะรับหมาขาง่อยตัวนี้ไปเลี้ยงเอง นางจึงพยักหน้าอย่างเต็มใจ “ก็ได้ หากว่าเจ้าอยากเลี้ยงก็เอาไปเถอะ ถึงอย่างไรถ้าทิ้งไว้ที่บ้านข้าก็เลี้ยงเพื่อกินเนื้อมันเท่านั้นแหละ”

เจียงป่าวชิงเข้าใจความหมายของหญิงสาวดี นางจึงหยิบทองแดงสิบกว่าเหรียญออกมาจากในอ้อมอกและวางลงในมือของหญิงสาว

หญิงสาวมีความสุขมาก นางคิดในใจว่าเด็กโง่เขลาแบบนี้มีไม่มากนัก

เจียงป่าวชิงเดินไปที่กรงหมา เจ้าหมาสีขาวตัวนั้นส่งเสียงขู่ออกมาจากในลำคอเล็กน้อย  กลิ่นในกรงหมาไม่ค่อยน่าดมสักเท่าไหร่เลย เจียงป่าวชิงกลั้นหายใจขณะลูบหัวเจ้าหมาสีขาว จากนั้นนางก็อุ้มมันขึ้นมาและนำไปวางในตะกร้าใบนั้น

เจ้าหมาสีเหลืองค่อนข้างหวงอาหารอยู่พอสมควร มันจึงเห่าเสียงดัง ขณะที่เจ้าหมาสีขาวทำได้เพียงขดตัวอยู่ตรงมุมตะกร้าพลางส่งเสียงเล็ก ๆ ออกมาจากในลำคอ

เจียงป่าวชิงหยิบกากน้ำมันให้เจ้าหมาสีขาวด้วยเช่นกัน นางนำไปวางตรงหน้ามัน  เจ้าหมาสีขาวนิ่งไม่ไหวติง ผ่านไปสักพักมันถึงจะกล้าใช้ลิ้นเลียเบา ๆ จากนั้นก็เริ่มก้มหน้าก้มตากินกากน้ำมัน

หญิงสาวที่เดิมทีเป็นเจ้าของหมาพึมพำในใจ ‘ไม่รู้ว่าเด็กหญิงผู้นี้เป็นลูกหลานบ้านไหน ช่างเป็นตัวทำลายครอบครัวจริง ๆ จ่ายเงินสิบกว่าสลึงเพื่อซื้อหมาขาง่อยที่เฝ้าบ้านไม่ได้ แล้วยังให้หมากินกากน้ำมันอีกต่างหาก’

นี่ทำให้นางไม่รู้ว่าตัวเองควรจะพูดอะไรเลยจริง ๆ

……

ซุนต้าหูพาเจียงป่าวชิงกลับชีหลี่โว เขาพาเจียงป่าวชิงไปส่งที่บ้านของนาง

อาจเป็นเพราะเจ้าหมาสองตัวนี้จำเจียงป่าวชิงได้แล้ว มันจึงสนิทกับนางมาก พวกมันส่งเสียงเห่าและเลียมือเจียงป่าวชิงแทบจะตลอดเวลา

ซุนต้าหูเกาศีรษะอย่างงุนงง “น้องชิง หากว่าเจ้าเลี้ยงหมาสีขาวตัวนี้ไม่ได้ก็ให้ข้านะ ข้าจะเลี้ยงแทนเจ้าเอง”

ซุนต้าหูคิดว่าเจียงป่าวชิงแค่เกิดความสนใจในชั่วขณะเท่านั้น ทว่าเจียงป่าวชิงนั้นส่ายหน้าและพูดขึ้นยิ้ม ๆ “ข้าเลี้ยงได้เจ้าค่ะ วันนี้ข้ารบกวนพี่มากแล้วนะพี่ต้าหู”

ซุนต้าหูพูดอะไรไม่ค่อยได้ เขาทำได้เพียงกำชับเจียงป่าวชิงว่าให้นางไปเรียกเขาเมื่อมีงานอะไรที่ต้องใช้กำลัง

เจียงป่าวชิงขานรับทันที ในตอนที่เห็นแผ่นหลังของซุนต้าหูหายไปจากตรงหัวโค้งของถนนเล็ก ๆ  เจียงป่าวชิงถึงจะเดินไปที่บ้านข้าง ๆ แล้วเคาะประตู

คนที่มาเปิดประตูคือฝูฉู

ฝูฉูพูดขึ้น “แม่นางเจียง ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลารักษาไม่ใช่หรือ ? เจ้ามีเรื่องอะไรหรือเปล่า ?”

เจียงป่าวชิงพยักหน้า “พี่ฝูฉู ข้ามีธุระนิดหน่อย ข้ามาขอยืมยาใช้หน่อยเจ้าค่ะ”

ฝูฉูนึกถึงยาที่เจียงป่าวชิงกวาดล้างไปเมื่อครั้งที่แล้ว ในใจของนางรู้สึกประหลาด นางไม่ได้รู้สึกเสียดายยาเหล่านั้น แต่เดิมทียาเหล่านั้นเป็นยาที่ใช้รักษาท่านชายของนาง เจียงป่าวชิงเอายาไปตั้งมากมายเช่นนั้น หากว่าเกิดการล่าช้าในการรักษาขาของท่านชายของนางจะทำอย่างไร ?

แต่ฝูฉูรู้ว่าอะไรสำคัญ นางรู้ว่าตอนนี้ขาของท่านชายของนางยังต้องพึ่งพาเจียงป่าวชิงอยู่ นางจึงไม่สามารถชักสีหน้าใส่เจียงป่าวชิงได้  คิดได้ดังนั้น นางก็อดกลั้นอารมณ์เอาไว้และเผยรอยยิ้มออกมาให้เห็น “แม่นางเจียง ท่านชายไม่อยู่ ออกไปข้างนอกน่ะ พูดตามหลักคือถ้าท่านชายไม่อยู่ ข้าก็เป็นแค่คนใช้ และคนใช้อย่างข้าก็ไม่มีอำนาจในการพาแม่นางเจียงเข้าไปในห้องยา แต่แม่นางเจียงมีสถานะพิเศษสำหรับท่านชาย ข้าคิดว่าท่านชายจะต้องอนุญาตอย่างแน่นอน”

เจียงป่าวชิงไม่ใช่เด็กโง่ที่ไร้เล่ห์เหลี่ยมอะไร นางเข้าใจความหมายที่ซ่อนอยู่ในคำพูดของฝูฉูเป็นอย่างดี  นางพูดขึ้นยิ้ม ๆ “พี่ฝูฉูไม่ต้องห่วงนะเจ้าคะ ท่านชายของพี่จะไม่ตำหนิพี่แน่นอน ถ้าหากมีเรื่องอะไร พี่ก็ให้เขามาหาข้า” พูดเสร็จ เจียงป่าวชิงก็ตรงไปที่ห้องยาทันที

ฝูฉูถูกส่งมาเป็นสาวใช้ให้กงจี้ตั้งแต่ยังเล็ก ถึงแม้จะบอกว่าเป็นสาวใช้ แต่ไม่ว่าจะเป็นอาหาร เสื้อผ้า ที่อยู่อาศัย หรือการเดินทาง ไม่มีอะไรที่ไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีเลย แม้แต่คุณหนูของตระกูลใหญ่ก็ยังถูกเลี้ยงไม่ดีเท่านางเลยด้วยซ้ำ

ทว่าตอนนี้กลับมีเด็กสาวชนบทโผล่ออกมาอ้างว่าสามารถรักษาพิษที่ขาของท่านชายให้หายได้

ฝูฉูเม้มปากเล็กน้อย จากนั้นนางก็ตามหลังเจียงป่าวชิงไปที่ห้องยา

เจียงป่าวชิงหยิบสมุนไพรนิดหน่อยก่อนจะเตรียมตัวกลับ

ฝูฉูพูดขึ้นอย่างลังเลใจ “แม่นางเจียง เจ้าเอาแค่นี้เองหรือ ?”

เจียงป่าวชิงยิ้ม ดูเหมือนว่าภาพลักษณ์โจรของนางจะฝังลึกลงไปในหัวใจของผู้คนเสียแล้ว นางแกว่งสมุนไพรในมือไปมา “เท่านี้ก็พอแล้วเจ้าค่ะ”

นางหยิบครกยาออกมาและตำสมุนไพรให้เป็นผง จากนั้นก็นำผงสมุนไพรบรรจุใส่ในห่อยาอย่างระมัดระวังและถือยาเพื่อเตรียมตัวกลับ

ก่อนกลับ เจียงป่าวชิงก็ไม่ลืมพูดกับฝูฉู “พี่ฝูฉู รบกวนพี่ช่วยบอกท่านชายของพี่ให้หน่อยนะเจ้าคะว่าข้ามาเอาสมุนไพรไปเล็กน้อย”

ฝูฉูเม้มปาก แต่สุดท้ายนางก็พยักหน้ารับเจียงป่าวชิง

.