ซูฉิงก้มหน้ามองเสื้อผ้าของตัวเอง ยังอยู่ดี ไม่มีอะไรเกิดขึ้น
เวลานี้ ฮ่อหยุนเฉิงผลักประตูเข้ามา ก็เห็นซูฉิงนั่งนิ่งอยู่บนเตียง แล้วก็เอ่ยถามหน้าเรียบ”เธอตื่นแล้วหรอ”
ซูฉิงตั้งสติ “ทำไมฉันถึงได้มาอยู่ที่นี่ ”
ฮ่อหยุนเฉิงก้มมองหล่อน “นอนโซฟาจะเอาป่วยได้”
ฮ่อหยุนเฉิงพูดอย่างนี้…..ก็แสดงว่าฮ่อหยุนเฉิงอุ้มหล่อนขึ้นมานอนบนเตียงงั้นหรอ
ซูฉิงที่มีท่าทีอึดอัดใจ
“ที่ห้องอาหารมีอาหารเช้า เธอลงไปกินเองนะ วันนี้ฉันจะทำงานที่บ้าน และฉันก็ลาป่วยให้เธอแล้ว มีเรื่องอะไรก็ไปหาฉันที่ห้องหนังสือ ” ฮ่อหยุนเฉิงสั่งเสียงเรียบ จากนั้นก็เดินไปที่ห้องหนังสือ
ซูฉิงพยักหน้า มองดูเวลา ตอนนี้ก็สิบโมงแล้ว
โชคดีที่ฮ่อหยุนเฉิงช่วยลาป่วยให้เธอแล้ว ซูฉิงก็คิดว่าจะกินอาหารเช้าเสร็จแล้วถึงจะไปทำงานที่บริษัท
ที่โต๊ะอาหาร มีอาหารเช้าวางอยู่เต็มโต๊ะ ซูฉิงคีบเอาคุกกี้ไข่ดาว แล้วก็อ้าปากกว้างกิน
และเวลานี้เอง เสียงกริ่งประตูก็ดังขึ้น
ซูฉิงคิ้วขมวดเล็กน้อย เวลานี้ยังจะมีใครมาอีก
พอเปิดประตูออก ก็เห็นเป็นหญิงสาววัยรุ่นหุ่นสูงเรียว ใบหน้าอ่อนเยาว์ ปรากฏต่อสายตาของซูฉิงก็คือฮ่อเฉียน
ฮ่อเฉียนสวมชุดเดรสสีขาว ในมือถือกล่องอาหารเก็บอุณหภูมิ พอเห็นซูฉิงใบหน้าของฮ่อเฉียนก็แข็งทื่อ “ซูฉิง เธอมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง!”
“ทำไมฉันจะมาอยู่ที่บ้านคู่หมั้นของฉันไม่ได้ล่ะ “ซูฉิงยกยิ้มกระหยิ่ม พร้อมกับเผยรอยยิ้มเหน็บแนม”แล้วเธอล่ะ มาทำอะไรแต่เช้า”
“พี่ชายฉันล่ะ “ฮ่อเฉียนมองไปรอบๆ แล้วไม่เห็นเงาของฮ่อหยุนเฉิง
เมื่อคืน ฮ่อหยุนเฉิงโทรกลับมาบอกว่าจะมาพักที่เมืองใหม่สุ่ยเย่ว ฮ่อเฉียนรู้สึกผิดหวังมาก ที่หล่อนไม่ได้เจอหน้าเขา
วันนี้ตอนเช้าถามแม่ฮ่อถึงได้รู้ว่า แม้แต่ซูฉิงเมื่อคืนก็ไม่ได้กลับมา
ซูฉิงเหมือนคิดอะไรออกดั่งเสียงระฆังดังขึ้นปลุกในใจ พอเช้าตรู่ก็ตื่นแต่เช้าแล้วมาที่ตระกูลฮ่อกรุ๊ป ใช้ข้ออ้างว่ามาส่งข้าวให้ฮ่อหยุนเฉิงเพื่อที่จะได้มาเจอเขา
แต่ใครจะรู้ว่าหลินเหยียนเฟิงบอกว่าฮ่อหยุนเฉิงลาป่วย และบังเอิญกับที่ซูฮิงก็ไม่ได้มาทำงานด้วย
ฮ่อเฉียนเลยรีบบึ่งมาที่เมืองใหม่สุ่ยเยว่ และก็เห็นซูฉิงอยู่ที่นี่ด้วยจริงๆ!
ก็แสดงว่า เมื่อคืนซูฉิงกับฮ่อหยุนเฉิงอยู่ด้วยกันทั้งคืน!
ซูฉิงไม่ได้สนใจฮ่อเฉียน กลับไปที่ห้องอาหาร แล้วลงมือกินอาหารเช้าต่อ
ฮ่อเฉียนก็เดินด้วยรองเท้าส้นสูงตามเข้ามา ในห้องอาหาร
บนโต๊ะอาหารเป็นรูปแบบของอาหารเช้า ฮ่อเฉียนแค่มองก็รู้แล้วว่าเป็นฝีมือฮ่อหยุนเฉิงทำ
เมื่อก่อน ตอนที่คุณปู่ฮ่อป่วย ฮ่อหยุนเฉิงถึงจะลงมือทำอาหารเช้าให้คุณปู่กินกับมือเพื่อจะได้ทำให้คุณปู่อารมณ์ดี
แต่ตอนนี้ เขาทำอาหารให้กับนังแพศยาซูฉิงกิน!
ความคิดริษยาก็เกิดขึ้นในทุกรูขุมขนที่อยู่บนตัวของฮ่อเฉียน ยิ่งหล่อนเห็นซูฉิงไม่เห็นหล่อนอยู่ในสายตา ก็ยิ่งส่งเสียงดังขึ้น”ซูฉิง ฉันถามเธออยู่นะ ว่าพี่ชายฉันอยู่ไหน”
ซูฉิงกินอาหารเช้าคำสุดท้ายเสร็จ ก็เช็ดปาก แล้วก็ลุกขึ้น ” ขอทางหน่อย”
“ซูฉิง เธอคิดว่าเธอเป็นใคร “ฮ่อเฉียนเข้ามาขวางซูฉิงไว้ มองซูฉิงด้วยสายตาดูถูกและริษยา “เธอก็แค่มาจากบ้านนอก ไม่มีความเหมาะสมกับพี่ชายฉันแม้แต่น้อย!”
คิดถึงภาพที่ห้องฮ่อหยุนเฉิงเมื่อคืนนั้น ซูฉิงก็พูดเสียดสีว่า”ฉันไม่เหมาะสม งั้นแล้วใครล่ะที่เหมาะสม เธองั้นหรอ”
“ซูฉิง เธออย่ามาพูดมั่วๆ!” หางตาของฮ่อเฉียนก็มองเห็นร่างสูงกำลังเดินมาที่ห้องอาหาร ฮ่อเฉียนก็ตกใจและล้มลงไปกับพื้น “ซูฉิง เธอผลักฉันทำไม!”
เสียงของตกร่วงลงพื้นเสียงดังเพล้ง ซึ่งก็คือกล่องอาหารเก็บอุณหภูมิที่ร่วงลงพื้น อาหารเช้าที่อยู่ข้างในก็หกกระจายออกมาเต็มพื้น
ซูฉิงก็แค่รู้สึกแปลกใจว่าหล่อนไปผลักฮ่อเฉียนตั้งแต่เมื่อไหร่
ก็เห็นๆ อยู่ว่าฮ่อเฉียนล้มลงไปเอง
“เกิดอะไรขึ้น “ฮ่อหยุนเฉิงได้ยินเสียงดัง ก็เดินออกมาจากห้องหนังสือ
ฮ่อเฉียนที่พอเห็นฮ่อหยุนเฉิงก็หน้าซีดเผือด ทำเป็นบีบน้ำตาร้องไห้ออกมา “พี่คะ พี่ซู ผลักฉันจนล้ม เจ็บมากเลย!”
ที่แท้ฮ่อเฉียนตั้งใจล้มลงไปเพราะต้องการจะแสดงละครใส่ร้ายเธอนี่เอง
ซูฉิงยิ้มเย็นชา”ฉันผลักเธอหรอ ”
ฮ่อเฉียนทำหน้าตาส่งสายมองไปทางฮ่อหยุนเฉิง ด้วยท่าทางอ่อนโยนจิตใจงาม “พี่คะ พี่อย่าไปโทษพี่ซูเลย ครั้งที่แล้วคุณป้าให้ฉันเอาขนของพี่ซูไปไว้ที่ห้องคนใช้ พี่ซูโกรธฉันก็สมควรแล้ว”
โอ๊ะ ฮ่อเฉียนเปลี่ยนเส้นทางแล้ว เริ่มที่จะเป็นดอกบัวบริสุทธิ์แล้ว
ฮ่อเฉียนพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่าพี่ซู ซูฉิงได้ฟังแล้วรู้สึกอยากจะอ้วก ยกยิ้มกระหยิ่มแล้วพูดเหน็บแนมไปว่า”ใครเป็นพี่เธอ ถ้าจะเรียกก็ควรเรียกว่า พี่สะใภ้สิถึงจะถูก”
“พี่สะใภ้ ”
ฮ่อเฉียนเผยแววตาเคียดแค้นออกมา แต่กลับยังทำตัวน่าสงสาร “พี่ซู ฉันรู้ว่าพี่เกลียดฉัน แต่ฉันก็ทำตามคำสั่ง คุณป้าให้ฉันทำ ก็ไม่กล้าที่จะขัดคำสั่งหรอกนะ”
“พี่ซู ฉันไม่ได้อยากจะทำอย่างนั้นจริงๆ นะ พี่ซูพี่โกรธฉัน จะด่าจะตีจะผลักฉันจนล้มก็สมควรแล้ว แต่ว่า……..อาหารเช้านี่เป็นคุณป้าเข้าครัวทำเองกับมือเพื่อเอามาให้พี่ฮ่อ แต่ตอนนี้พี่ทำมันหกหมดแล้ว แล้วพี่จะให้ไปบอกคุณน้ายังไงล่ะ”
“ฮ่อเฉียน เธอนี่เล่นละครเก่งจังเลยนะ ทำไมถึงไม่ไปเป็นดาราล่ะ ฉันว่าเธอคงต้องได้รางวัลออสก้าแน่เลย “ซูฉิงมองฮ่อฉิงที่ทำหน้าตาเสแสร้งด้วยสายตาเย็นชา ใบหน้าเรียบนิ่งพูดเหน็บแนมออกไป
“พี่ซู พี่พูดอะไรน่ะ” ฮ่อเฉียนทำหน้าตาน่าสงสารมองไปทางฮ่อหยุนเฉิง “พี่คะ นั่นเป็นอาหารเช้าที่คุณป้าทำให้พี่เองกับมือเลยนะ ท่านเห็นว่าพี่ทำงานเหนื่อย เลยตั้งใจทำแล้วให้ฉันเอามาให้พี่ ตอนนี้ถูกพี่ซูทำหกหมดแล้ว………”
ฮ่อเฉียนยังพูดไม่ทันจบ ก็ถูกฮ่อหยุนเฉินพูดแทรกขึ้นด้วยความหมดความอดทนแล้ว “เอาล่ะๆ ฮ่อเฉียนเธอคิดว่าฉันตาบอดรึไง ”
“พี่คะ พี่?”ฮ่อเฉียนตกใจอึ้ง
“เรื่องเมื่อกี้ฉันเห็นหมดแล้ว ซูฉิงไม่ได้แตะต้องเธอเลย “ฮ่อหยุนเฉิงคิ้วขมวดพูด
ที่จริงแล้วเขาไม่ได้เห็นอะไรทั้งนั้น แต่ความรู้สึกมันบอกเขาว่า ซูฉิงไม่ใช่คนแบบนั้น
และฮ่อเฉียนนั้น ช่วงหลายปีมานี้มักจะติดตามแม่ของเขา คงจะเรียนรู้วิธีเรียกร้องความสนใจ แก้แค้นคนอื่น
“ฉัน……..พี่คะ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ “ฮ่อเฉียนคิดไม่ถึงว่าฮ่อหยุนเฉิงจะพูดอย่างนี้ จากมุมเมื่อสักครู่ เขาน่าจะไม่เห็นนะ!
ฮ่อหยุนเฉิงพูดดักฮ่อเฉียนด้วยน้ำเสียงเรียบอย่างไม่ต้องคิดอะไรเลย “เอาเวลาไปตั้งใจเรียนหนังสือดีกว่านะ เข้าใจมั้ย”
ซูฉิงที่มองเห็นฮ่อเฉียนทำท่าทางเหลือเชื่อ ก็แอบชื่นชมฮ่อหยุนเฉิงอยู่ในใจอยู่หลายครั้ง แล้วก็พูดเสียงเรียบว่า”เอาล่ะ ในเมื่อความจริงกระจ่างแล้ว งั้นฉันจะไปทำงานแล้ว.
ซูฉิงพูดจบก็กันหลังเดินออกไป
ฮ่อฉิงที่ยืนมองเบื้องหลังของซูฉิงก็รู้สึกไม่ยอม “พี่คะ พี่ก็รู้ว่าคุณป้าไม่ชอบหล่อน แล้วทำไม…….”
“คุณปู่ชอบก็พอแล้ว ” ฮ่อหยุนเฉิงมองฮ่อเฉียนด้วยสายตาเย็นชา “ฉันหวังว่าเรื่องวันนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายนะ ต่อไปอย่ามายุ่งกับซูฉิงอีก เข้าใจมั้ย”
“แค่เพราะคุณปู่หรอคะ “ฮ่อเฉียนเงยหน้ามองฮ่อหยุนเฉิง แล้วถามต่อ”แล้วพี่ล่ะ พี่ชอบเธอมั้ย”