ตอนที่ 75.3 เล่อเหยาเหยาถูกจู่โจมหน้าอก (3)

สตรีอย่างข้าน่ะหรือ คือขันที?!

อา…

เธอถูกคนจับหน้าอก…

เล่อเหยาเหยามองยังมือใหญ่ที่เกาะกุมตรงหน้าอกของเธอ ดวงตาเบิกกว้างขึ้น ปากเล็กนั้นเบิกกว้าง จนนกกระจอกสามารถบินเข้าไปได้!

อันที่จริง นี้เป็นครั้งแรกที่เจอประสบกับเรื่องเช่นนี้ ฮือๆ น่าตายนัก หัวขโขมยนี้จับหน้าอกเธอ!

นี่มันคนชั่วสมควรตาย!

แต่การถูกคนจับหน้าอกสำหรับเล่อเหยาเหยาเป็นเรื่องที่น่าโมโหและตกตะลึง เช่นนั้นประโยคถัดมาของหัวขโมยนั้น จะยิ่งที่ทำให้เล่อเหยาเหยาโมโหและตกตะลึงจนถึงขีดสุดเป็นแน่…

“เจ้าขันทีสมควรตาย เจ้าไม่รู้ว่าข้าคือผู้ใดหรือ ถึงกล้าทำร้ายข้า!”

น้ำเสียงฝ่ายตรงข้ามดูเย่อหยิ่ง ทั้งกัดฟันกรอดคำรามขู่เธอ

สำหรับความโมโหของฝ่ายตรงข้าม เล่อเหยาเหยาดูโมโหยิ่งกว่าเขายิ่งนัก!

เพราะหน้าอกของเธอถูกเขาจับ ทว่าเขากลับยังเรียกเธอว่าขันทีสมควรตาย!?

หรือเขาจับไม่โดนองุ่นเล็กบนหน้าอกที่เพิ่งเติบโตแสนน่ารักอ่อนนุ่มหยาดเยิ้มของเธอ!?

ขันทีสมควรตาย!? แม่เจ้าถึงจะเป็นขันทีสมควรตาย ทุกคนในครอบครัวเจ้าเป็นขันทีสมควรตาย!

อีกอย่าง หรือเขาไม่รู้สึกเลยว่าประโยคนี้ของตน ทำร้ายหัวใจของสายน้อยอ่อนแอเช่นเธอ…

ฮือๆ องุ่นน้อยของเธอ…

เวลานี้ เล่อเหยาเหยาโมโหอย่างไม่เคยมีมาก่อน!

อย่าเห็นว่าปกติเล่อเหยาเหยารังแกคนดี แต่กลัวคนพาล ความจริงเวลาที่โมโหขึ้นมา น่ากลัวเป็นอย่างยิ่ง!

ดังนั้น เล่อเหยาเหยาหลังได้สติ ดวงตากระจายเปลวไฟแห่งความโกรธออกมา รวบรวมพลังทั้งหมดไปไว้ที่เท้าขวานั้นอย่างรวดเร็ว ก่อนจะเตะที่ระหว่างขาของหัวขโมยที่ชั่วช้าตรงหน้าอย่างรุนแรง

เสียงร้องราวหมูถูกเชือดดังตามขึ้นมา ครั้งนี้เล่อเหยาเหยาเตะเข้าที่เป้าหมายอย่างแม่นยำ หัวใจที่เจ็บปวดรู้สึกปลาบปลื้มขึ้นมา

“ฮึๆ รู้ว่าข้าร้ายกาจหรือยัง!? เจ้าหัวขโมยสมควรตาย กล้ามากทีเดียว ขนาดวังรุ่ยอ๋องยังกล้าเข้ามา!เจ้ารนหาที่ตายแล้ว! ”

เล่อเหยาเหยายกมือสองข้างเท้าสะเอว พลางมองชายหนุ่มที่กำลังกุมเป้ากระโดดไปมาบนพื้นไม่หยุด ก่อนยิ้มอย่างเย้ยหยัน

ฮึ! กล้าจับหน้าอกเธอ! เขารนหาที่ตายเสียจริง!

เธอถีบเขาเพียงครั้งเดียว ถือว่าเสียเปรียบเขาด้วยซ้ำไป!

ส่วนฝ่ายตรงข้ามหลังได้ยินคำพูดถือดีของเล่อเหยาเหยา โมโหจนแทบระเบิดออกมา

น่าเสียดาย ระหว่างขาเจ็บปวดเกินไป จนเขาแทบอยากจะหมดสติตายไป แต่ร่างกายแข็งแกร่งเกินไป ทำให้เขาไม่หมดสติไป

ทว่า แม้ตอนนี้เขาจะอดทนกับเล่อเหยาเหยาไม่ไหวแล้ว แต่คำพูดร้ายกาจยังเอ่ยออกมาได้

“โอ้ย…เจ้า เจ้าขันทีสมควรตาย เจ้ากะ…กลับกล้าเตะข้า!? เจ้าไม่รู้ว่าข้าเป็นผู้ใดเสียแล้ว!?”

“ฮึๆ เจ้าไม่รู้จักกระทั่งชื่อตนเอง เฮ้อ ข้ารู้สึกเศร้าใจแทนเจ้าเสียจริง! ทว่าข้าสนว่าเจ้าคือผู้ใด ถึงกล้าเข้ามาก่อเรื่องในวังรุ่ยอ๋อง เจ้ามีความผิดรอเข้าคุกได้เลย!”

เห็นหัวขโมยตรงที่ถูกตนเหยียบไว้ตรงหน้า ยังคงเอ่ยปากด่าทอคิดข่มขู่ตนอยู่เช่นเดิม เล่อเหยาเหยาส่งเสียงฮึออกมา โดยในใจไร้ความกลัว

อันที่จริง ก่อนหน้านี้ใบทีวีล้วนฉายภาพเช่นนี้ คนร้ายทุกคนตอนที่ไร้ทางสู่ มักจะพูดประโยคร้ายกาจออกมาเพื่อข่มขู่ผู้อื่น

แต่ขอโทษด้วย เธอไม่กลัว นอกจากพญายม ไม่มีผู้ใดที่เธอเกรงกลัว!

ฝ่ายตรงข้ามเห็นเล่อเหยาเหยาหยิ่งยโสและถือดีเช่นนี้ ในใจเต็มไปด้วยโทสะ

นอกจากนี้ส่วนล่างของเขาเจ็บปวดอย่างมาก จนอวัยวะทั้งห้าบนใบหน้ายับย่นรวมกัน ทำให้มองไม่เห็นถึงรูปลักษณ์เดิมของเขา

ชายหนุ่มไม่รู้ว่าชื่อเสียงอันเกรียงไกรของตนถูกทำลายลงโดยขันทีน้อยตรงหน้าแล้วหรือไม่

แต่เขาสาบาน เขาต้องสับขันทีน้อยนี้ให้เป็นหมื่นท่อนแน่!

เล่อเหยาเหยาไม่ล่วงรู้ความคิดของชายหนุ่ม จึงพูดพลางหมุนตัววิ่งไปที่ประตูตำหนักหย่าเฟิง คิดจะเรียกให้คนมาจัดการหัวขโมยที่ยโสกล้าดีผู้นั้น

คิดไม่ถึง เธอวิ่งได้ไม่กี่ก้าว ตัวล้มลงบนด้านบนบางสิ่งที่ร้อนผ่าวอย่างรุนแรง

เห็นเพียงสิ่งนั้นร้อนผ่าว แข็งแรงและยืดหยุ่นอย่างยิ่ง ราวกับหน้าอกของชายหนุ่มผู้หนึ่ง!?

 “เอ้อ”

หลังรับรู้ถึงจุดนี้ ใบหน้าเล่อเหยาเหยาพลักตกตะลึงเล็กน้อย

อันที่จริงเมื่อครู่เธอเพียงเอาแต่พูดกับหัวขโมยด้านหลัง จนไม่ได้สังเกตสภาพด้านหน้า จึงไม่รู้ว่าด้านหน้าเธอมีคนปรากฎตัวขึ้น

ทว่าหลังตกตะลึงเล็กน้อย เธอค่อยๆ เงยหน้ามองไป ใบหน้างดงามดุจเทพเซียนพลันปรากฎขึ้นในสายตาของเธอ

ใบหน้างดงามที่ปีศาจเทียบไม่ได้ แฝงเย็นชา ทว่ากลับไม่กระทบต่อเสน่ห์ของเขาแม้แต่นิดเดียว

ผมยาวดุจหมึก เมื่อถูกมัดด้วยรัดเกล้าหยกงดงาม ดูเข้ากับใบหน้าเด็ดเดี่ยวและสมบูรณ์แบบยิ่งขึ้น

ร่างกายสูงเรียวแข็งแรงในชุดคลุมยาวสีดำลายเมฆไหลนั้น ทำให้รูปลักษณ์ของเขาดูสูงใหญ่กำยำยิ่งขึ้น

ชายหนุ่มหล่อเหลางามสง่า อันดับหนึ่งแห่งยุดเช่นนี้ ไม่ใช่พญายมของพวกเขาจะเป็นผู้ใดได้!?

หลังตกตะลึง เมื่อรู้ว่าตนล้มอยู่ในอ้อมกอดของพญายม สองขาของเล่อเหยาเหยาก้าวถอยหลังตามกฎการสะท้อนกลับ

คิดไม่ถึง เท้าของเธอกลับไม่ระวังเหยียบบางสิ่งเข้า ร่างกายจึงสูญเสียสมดุล เสียง ‘ว้าย’ดังขึ้น ก่อนจะล้มลงไปด้านหลัง

เล่อเหยาเหยาตกใจอย่างมาก คิดว่าตนต้องล้มลงเป็นแน่ คิดไม่ถึง ในช่วงคับขันมีแขนแข็งแรงทรงพลังโอบเอวเล็กของเธอเอาไว้แน่น ทำให้เธอรอกพ้นจากอันตรายครั้งนี้

ตามมาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำมีเสน่ห์แฝงความน่าหลงใหล

“ไม่ระมัดระวัง ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ใดกัน?”

แม้คำพูดของพญายมจะดูตำหนิติเตียน แต่หากฟังอย่างละเอียด รู้ว่าเขาไม่ได้โมโห อีกทั้งสายตาที่มองยังเล่อเหยาเหยายังแฝงความอ่อนโยน กระทั่งกลิ่นอายโหดเหี้ยมลดลงไปไม่น้อย

และหลังเล่อเหยาเหยาได้ยินคำตำหนิของพญายม คอเล็กขาวใสอดหดลงไม่ได้ คล้ายรูสึกถึงกิริยาที่ไม่เหมาะสมเมื่อครู่ จึงแลบลิ้นออกมา จากนั้นเอ่ยขอโทษออกมา

“ขอโทษขอรับ ขอท่านอ๋องโปรดให้อภัย”

เล่อเหยาเหยาเอ่ยปาก ในใจเกลียดชังหัวขโมยนั้นมากยิ่งขึ้น

ฮึๆ ต้องโทษเขา!

คิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาจึงนึกขึ้นได้ รีบเงยหน้าเอ่ยกับเหลิ่งจวิ้นอวี๋ว่า

“ท่านอ๋อง เกิดเรื่องแล้วขอรับ ทางนั้นมีหัวขโมย! เมื่อครู่ตอนบ่าวปัดกวาดอยู่ด้านหลังตำหนัก หัวขโมยผู้นี้คิดแอบเข้ามาในวังอ๋อง โชคดีถูกบ่าวตีจนสลบ ตอนนี้เขาอยู่ทางนั้นขอรับ!”

เมื่อพูดถึงตรงนี้ เล่อเหยเหยาอดภูมิใจไม่ได้

อันที่จริงวันนี้เธอจับหัวขโมย ถือเป็นความดีความชอบอีกครั้งหนึ่ง ไม่รู้พญายมจะให้รางวัลใดแก่เธอ!

พอคิดถึงตรงนี้ เล่อเหยาเหยาอดยินดีในใจไม่ได้ ทว่าเธอกลับไม่รู้ตัวเลย เมื่อเหลิ่งจวิ้นอวี๋มองตามทิศของมือเธอไป เห็นชายหนุ่มนั้นกำลังมองเขาด้วยสายตาเสียใจ ริมฝีปากบางเป็นกระจับอดยิ้มไม่ได้…

เพราะคนผู้นั้นไม่ใช่ผู้ใด แต่เป็น…

…………………………………….