บทที่ 82 กระชับความสัมพันธ์

ทะลุมิติไปเป็นแม่ม่ายสาวชาวสวน

บทที่ 82 กระชับความสัมพันธ์

เฒ่าหลี่กำลังขับเกวียนอยู่ทำให้มือไม่ว่าง และเขาก็ละอายเกินกว่าจะแย่งของกินกับบรรดาสตรีทั้งหลาย จึงได้แต่ฟังเงียบ ๆ

ตัวจางซิ่วเอ๋อเองก็หยิบกระดูกชิ้นหนึ่งขึ้นมาแทะ ทุกคนต่างกินไก่ย่างด้วยกัน ความสัมพันธ์จึงใกล้ชิดกันมากขึ้นไม่น้อย

อย่างน้อยในตอนนี้ทุกคนก็ไม่อาจทำตัวเป็นปรปักษ์กับจางซิ่วเอ๋อได้แล้ว

พอคิดดูแล้วเห็นว่าจางซิ่วเอ๋อไม่ได้มายั่วยวนผู้ชายของพวกนาง และไม่ได้มีความแค้นอะไรต่อพวกนาง พวกนางก็ไม่มีความจำเป็นต้องเป็นปรปักษ์กับจางซิ่วเอ๋อ

“ซิ่วเอ๋อ เจ้านี่เป็นคนดีจริง ๆ เมื่อกี้ป้าขอโทษนะ” แม่หลิวที่แอบด่าจางซิ่วเอ๋อแรงที่สุดเมื่อครู่ที่ผ่านมาพูดขึ้นอย่างอาย ๆ

นางไม่ได้กินเนื้อมานานแล้ว ของอร่อยแบบนี้เป็นของหายากมากสำหรับนาง การกินของคนอื่นแบบนี้ ทำให้นางรู้สึกผิดในใจ

จางซิ่วเอ๋อบอกด้วยรอยยิ้ม “ท่านป้าพูดอะไรกันเจ้าคะ? แต่ที่จริงก็โทษพวกป้าไม่ได้หรอก ข้าเพิ่งจะออกมาตั้งตัว บางครั้งเวลาจะพูดอะไรจะทำอะไรก็คงล่วงเกินผู้อื่นไปบ้าง ก็เลยมีข่าวลือที่ไม่เป็นความจริงแบบนี้ ท่านป้าที่ไม่รู้เรื่องอะไรพอได้ยินเข้าจะมองข้าไม่ดีก็พอจะเข้าใจได้”

พูดไปจางซิ่วเอ๋อก็เปิดกล่องอาหารอีกกล่อง ด้านบนคือขนมบัวลอยหยดน้ำ นางจึงหยิบมาสองอันและยื่นให้แม่หลิว

ไม่รอให้แม่หลิวปฏิเสธ จางซิ่วเอ๋อก็บอกยิ้ม ๆ “เอากลับไปให้เด็ก ๆ ที่บ้านกินเถอะเจ้าค่ะ”

สตรีสูงวัยผู้หนึ่งได้ยินก็คิดไปว่าของแบบนี้เอาให้เด็ก ๆ กินก็ต้องดีอยู่แล้ว จึงมองแม่หลิวอย่างอิจฉา คิดไปว่าเป็นเพราะแม่หลิวขอโทษจางซิ่วเอ๋อ ถึงได้ถูกปฏิบัติด้วยดีแบบนี้

ส่วนสตรีอายุน้อยเหรอ? พวกนางก็เกิดละโมบอยากกินบ้างเหมือนกัน จึงย่อมมีความคิดเดียวกับบรรดาสตรีสูงวัย

เวลานี้พวกนางได้กินไก่ย่างของจางซิ่วเอ๋อไปแล้ว จึงโกรธจางซิ่วเอ๋อไม่ลง และเริ่มส่งเสียงกันจ้อกแจ้ก

“ซิ่วเอ๋อ จะว่าไปแล้ว ช่วงนี้ข้าก็ได้ยินข่าวลือเกี่ยวกับเจ้าในหมู่บ้านเยอะเหมือนกันนะ…..”

“เฮ้อ เจ้าอายุแค่นี้คงลำบากน่าดู ไม่รู้ว่าใครกันที่เลวทรามปล่อยข่าวแบบนี้ออกมา”

“วันนั้นที่ใต้ต้นหวายฉู่ ข้าได้ยินแม่ม่ายหลิวพูด!”

“อ๊า! ข้าก็ได้ยินจากแม่ม่ายหลิว”

“เหอะ คงไม่ใช่ว่าซิ่วเอ๋อมีปัญหากับแม่ม่ายหลิวหรอกนะ จะว่าไปก็ใช่ กุ๊ยพวกนั้นมีสัมพันธ์กับซิ่วเอ๋อหรือเปล่าข้าไม่แน่ใจ แต่ข้าแน่ใจว่าพวกนั้นมีสัมพันธ์กับแม่ม่ายหลิวแน่ ๆ!”

“ที่กุ๊ยพวกนั้นพูดกันเป็นตุเป็นตะ หรือว่าเพราะโดนแม่ม่ายหลิวสั่งมา?”

“เป็นไปได้สูงมาก! คำนินทาพวกนี้มาจากพวกเขาเป็นกลุ่มแรกเลยล่ะ!”

จางซิ่วเอ๋อนั่งอยู่ตรงนั้นฟังสตรีพวกนี้พูดกันคนละคำสองคำและเล่าต้นสายปลายเหตุออกมาทั้งหมด แล้วนางก็รู้สึกในบัดดลว่าตัวเองทำถูกแล้วที่เลี้ยงไก่ย่างพวกนาง

นางเองก็ไม่งก เก็บขนมบัวลอยหยดน้ำไว้แค่ 3 ลูก ที่เหลือแบ่งให้คนอื่นหมด

ทุกคนที่ได้ประโยชน์จากจางซิ่วเอ๋อต่างก็แช่มชื่นในใจ และรู้สึกว่าจางซิ่วเอ๋อน่าจะโดนใส่ร้าย จึงทำท่าสนิทสนมกับจางซิ่วเอ๋อขึ้นมา

พอถึงที่ จางซิ่วเอ๋อก็ยิ้มหวาน “ครั้งหน้าถ้าข้าได้ของดีมาจะมาแบ่งทุกคนอีกนะ”

ทุกคนพากันลงจากรถลาก และทำทีมีน้ำใจกับจางซิ่วเอ๋อสุด ๆ

บางคนถึงกับเรียกให้จางซิ่วเอ๋อไปนั่งเล่นที่บ้าน “ซิ่วเอ๋อ ตอนเจ้าว่าง ๆ มาเที่ยวที่บ้านข้าได้นะ”

จางซิ่วเอ๋อยิ้มรับ แต่ในใจก็รู้ว่าคนพวกนี้ก็แค่พูดไปอย่างนั้น ที่จริงยังระแวงเรื่องที่นางมีดวงกินสามีอยู่ ขืนไปบ้านคนพวกนั้นจริง ๆ อาจจะไม่ได้เข้าประตูบ้านด้วยซ้ำ

ครั้นจางซิ่วเอ๋อเห็นคนพวกนั้นลงรถไปหมดแล้ว ก็หันไปบอกเฒ่าหลี่ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าท่านปู่ไปส่งข้าที่ข้างป่าได้หรือไม่เจ้าคะ?”

เฒ่าหลี่เป็นคนดีใช้ได้ เขาพยักหน้า “ไม่มีปัญหา”

พอถึงที่ เฒ่าหลี่ก็ช่วยจางซิ่วเอ๋อขนของลงมา จางซิ่วเอ๋อยิ้มและยื่นน่องไก่กับขนมบัวลอยหยดน้ำให้เฒ่าหลี่ “เมื่อกี้ท่านปู่ขับรถอยู่จึงไม่สะดวกกิน ข้าเก็บไว้ให้น่ะเจ้าค่ะ”

เฒ่าหลี่อึกอักขึ้นมา “ตาแก่อย่างข้ากินของดีแบบนี้ไปทำไมกัน เจ้ารีบเอากลับบ้านไปให้ชุนเถากินเถอะ”

จางซิ่วเอ๋อชี้กล่องอาหารและกล่าวด้วยรอยยิ้ม “ในนี้มีของอร่อยอย่างอื่นพอให้ชุนเถาได้กินอีกเยอะเลยเจ้าค่ะ”

พูดจบจางซิ่วเอ๋อก็ยัดของกินให้เฒ่าหลี่อย่างไม่ยอมให้ปฏิเสธ “ท่านถือดี ๆ นะ อย่าให้มันเปื้อนเสื้อล่ะ”

เฒ่าหลี่รีบรับไว้ นึกซาบซึ้งในใจ

จางซิ่วเอ๋อเลือกเก็บที่ดี ๆ ไว้ให้เขา คนไม่รู้ต่างนึกว่านางเก็บไว้ให้ชุนเถา

พอส่งเฒ่าหลี่เสร็จ จางซิ่วเอ๋อก็หอบของเข้าบ้าน

ชุนเถารอจนร้อนใจหมดแล้ว เพราะจางซิ่วเอ๋อบอกชุนเถาว่าจะกลับประมาณเที่ยง แต่นี่มันได้เวลาอาหารเย็นแล้ว

จางซิ่วเอ๋อเอาของจากในกล่องอาหารออกมาพลางบอก “กับข้าวยังไม่เย็น มื้อเย็นเรากินของพวกนี้แหละ เดี๋ยวเรียกซานหยากับท่านแม่มากินข้าวด้วย”

จางชุนเถามองอาหารชั้นเยี่ยมแต่ละจานอย่างตกตะลึง ช่วงนี้นางได้กินของดี ๆ ไม่น้อย แต่ไม่เคยเห็นอาหารมากมายขนาดนี้มาก่อน

นางนับอาหาร และนับได้ทั้งหมดแปดอย่าง ที่จริงมีทั้งหมดสิบอย่าง แต่จางซิ่วเอ๋อให้คนอื่นไปสองอย่างและไม่คิดจะบอกจางชุนเถา กลัวว่าจางชุนเถารู้แล้วจะปวดใจ

จางชุนเถาเห็นมีจานเปล่าสองจานก็ไม่ได้ถามอะไร นึกว่าจางซิ่วเอ๋อกินเอง

“พี่ ซื้ออาหารมาทำไมเยอะขนาดนี้ ข้าดูแล้วอาหารพวกนี้มาจากโรงเตี๊ยมอิ๋งเค่อจวีนี่ อาหารพวกนี้ไม่ถูกเลยนะ พี่คงไม่ได้ใช้ตำลึงที่ได้จากการขายเครื่องเทศไปหมดแล้วใช่ไหม ไม่สิ ต่อให้ใช้หมดก็ไม่น่าจะซื้อของได้มากขนาดนี้” จางชุนเถารู้ว่าวันนี้จางซิ่วเอ๋อไม่ได้พกตำลึงเงินออกไป

จางซิ่วเอ๋อกล่าวยิ้ม ๆ “ของพวกนี้ทางอิ๋งเค่อจวีให้มา ชุนเถา หลังจากนี้เราไม่ต้องกลัวว่าจะลำบากกันแล้วนะ อิ๋งเค่อจวีจะซื้อเครื่องเทศเดือนละ 4 ห่อ ให้เราทั้งหมด 4 ตำลึงเงิน”

จางชุนเถาอ้าปากกว้างอย่างไม่กล้าจะเชื่อ “หลังจากนี้…..ทุกเดือน…. 4 ตำลึงเงินเลยเหรอ?”

จางซิ่วเอ๋อพยักหน้าอย่างจริงจัง “มีทุกเดือนเลยล่ะ เพราะฉะนั้นหลังจากนี้เจ้าไม่ต้องกลัวว่าบ้านเราจะไม่มีอะไรกินแล้ว ตอนนี้สิ่งที่เจ้าต้องทำที่สุดคือกินให้เยอะ ๆ บำรุงตัวเองให้มีเนื้อมีหนัง ไว้พี่จะหาบ้านสามีดี ๆ ให้”

จางชุนเถาหน้าแดง เมินเรื่องที่จางซิ่วเอ๋อพูดถึงหาสามี และเอ่ยขึ้น “นี่เป็นเรื่องที่ควรค่าแก่การเฉลิมฉลอง เราต้องเรียกท่านแม่กับน้องมากินข้าว”

แต่แล้วจางชุนเถาก็ทำหน้าเศร้าขึ้นมา “แต่ท่านย่าเราจะยอมให้ท่านแม่กับน้องมาง่าย ๆ เหรอ”

จางซิ่วเอ๋อบอกยิ้ม ๆ “เราเป็นลูกของท่านแม่ ท่านแม่จะมาเยี่ยมเราบ้างไม่ได้เหรอ? ข้าไม่เคยได้ยินนะว่ามีกฎห้ามคนเป็นแม่มาเยี่ยมลูกสาวแท้ ๆ ด้วย”

“พี่นี่เก่งจริง ๆ บ้านเรามีแค่พี่ที่ไม่กลัวท่านย่า งั้นรีบไปเรียกพวกแม่มากินข้าวเถอะ เดี๋ยวอาหารเย็นหมดจะไม่ดี” ชุนเถามองอาหารโอชะเต็มโต๊ะ รู้สึกอยากจะกินเสียเดี๋ยวนี้

……………………………………