เส้นหมี่เลือดขึ้นหน้า ไม่มองหล่อนอีกต่อไป เธอละสายตาไปมองลูกชายที่อยู่ตรงข้ามตน
“ชินชินมาทางนี้ ให้น้าดูหน่อย น้าจะดูว่ามือของผมเป็นยังไงบ้างแล้ว?”
“อุ๊ย ยังคิดจะดึงตัวเด็กไปดูให้แน่ใจอีกเหรอ?ฉันขอบอกแกไว้เลยนะ ปกติเด็กคนนี้ซุกซนมาก ได้แผลเป็นประจำ ถ้าแกอยากใช้แผลโยนความผิดให้ฉันบอกเลยว่าไม่มีคนเชื่อ”
ผู้หญิงคนนั้นพูดจาประชดประชันอยู่ตรงนั้น
เส้นหมี่ได้ยินก็ตวาดขึ้นมาในที่สุด“หุบปากเดี๋ยวนี้ แป้งร่ำ คุณเคยทำหรือไม่?คุณรู้ดีแก่ใจ เมื่อก่อนฉันไม่อยู่ แต่ตอนนี้ฉันกลับมาแล้ว ฉันไม่ปล่อยให้คุณทำร้ายเขาอีกเด็ดขาด ฟังให้ขึ้นใจด้วย”
แป้งร่ำ:“……”
เป็นดวงตาที่น่าสะพรึงกลัวสุดแสน
เพราะเต็มไปด้วยสีแดงสดดั่งคมกริช ฉายรังสีพิฆาตออกมาอย่างไม่ยั้ง กระทั่งแป้งร่ำก็อดหนาวสะท้านไม่ได้
นังสารเลวคนนี้ เธอเคยพูดแล้วว่าเก็บไว้ไม่ได้!
“ปิดให้มิดชิดหน่อย อย่าให้มีช่องว่างแม้แต่นิดเดียว พวกนายน่าจะรู้เจตนาที่ขังมันไว้ใช่ไหม?ท่านประธานของพวกนายจะพามันกลับไป ถึงจะกลายเป็นซากศพก็อย่าให้มันหนีไปได้!”
เธอสั่งให้บอดี้การ์ดปิดหน้าต่างด้วยอาการลนลาน
เส้นหมี่ได้ยินก็เอื้อมมือไปด้านนอกสุดแรง “ชินชิน,มาเร็ว ๆ มาให้น้าดูหน่อยชินชิน——”
ชินจัง:“……”
เขารู้สึกงุนงง เขาไม่รู้ว่าทำไมคุณน้าท่านนี้ถึงได้เป็นเดือดเป็นร้อนขนาดนี้?
น้าแป้งร่ำทำผิดตรงไหน?เมื่อก่อนเธอก็เป็นของเธอแบบนี้แล้ว มีปัญหาตรงไหนหรือ?
เด็กคนนี้เพราะไม่ชอบพูด บวกกับไม่ชอบคลุกคลีกับคนอื่น มักจะขังตัวเองอยู่ในห้องคนเดียว เขาจึงไม่รู้สึกว่า ผู้หญิงข้างกายปฏิบัติเช่นนี้กับเขาก็เป็นเรื่องปกติ
“ชินชิน รีบมาเร็ว มาให้น้าดูหน่อย……”
เส้นหมี่พูดเหมือนขอร้องอ้อนวอน เธอผลักบอดี้การ์ดพวกนั้นที่มาขัดขวางด้วยน้ำตาอาบแก้ม เธออยากไปดูอาการลูกชายที่สุด
เธอตั้งท้องสิบเดือนกว่าจะคลอดออกมา เธอในฐานะแม่ ทอดทิ้งเขาตั้งแต่เกิด ไม่ได้ทำหน้าที่ความเป็นแม่ แล้วตอนนี้เธอจะทิ้งให้หญิงร้ายทารุณเขาต่อได้อย่างไร?
เส้นหมี่ร้องเรียกจนเสียงแหบแห้ง “ชินชินมาเร็ว หม่า…….น้าขอร้องล่ะ ให้น้าดูหน่อย”
“……”
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร?เมื่อชินจังในวัยห้าขวบมองผ่านหน้าต่างแล้วเห็นน้ำตาคนในห้องไหลริน เขาก็อยากเข้าไปดู
เขาสัมผัสได้ถึงความเป็นห่วงและรักใคร่ที่มีต่อตน เป็นความรู้สึกที่ฉายชัดมาก ซึ่งเขาไม่เคยรู้สึกเช่นนี้มาก่อน
ชินจังยกเท้าเล็กเดินไปในที่สุด
ทว่าระหว่างนั้นแป้งร่ำก็ชิงลงมือก่อนแล้ว เธอโค้งตัวอุ้มเด็กคนนี้ขึ้นมา
“ปิดให้มิดชิดเลย อย่าให้ฉันเห็นมันอีก ไม่งั้นก็อย่าทำงานที่หิรัญชากรุ๊ปต่อเลย”
เธอสั่งการอย่างดุร้ายหนึ่งประโยค แล้วอุ้มชินจังเดินจากไป
ดูออกว่าเส้นหมี่ที่อยู่ในห้องโกรธจนเกือบเป็นลมเป็นแล้งแล้ว
แสนรัก!ตาบอดหรือไง?ทำไมถึงแต่งงานกับผู้หญิงอำมหิตแบบนี้?หรือในใจคุณ ลูกชายก็ไม่ได้สำคัญอะไร?นั่นมันเลือดเนื้อเชื้อไขของคุณนะ
ตอนที่หน้าต่างถูกปิดสนิท เส้นหมี่ก็ร้องไห้ทรุดตัวนั่งกับพื้น
——
ตอนที่แสนรักทราบข่าว เส้นหมี่ไม่ดื่มไม่กินมาหนึ่งวันเต็ม ๆ แล้ว
บอกว่าจะพบหน้าเขา
“พบผม?ทำไมต้องพบผมด้วย?เพราะเรื่องตอนบ่ายเหรอ?เธอคิดว่าแป้งร่ำทารุณชินจัง?”
ผู้ชายที่สามารถข่มตาหลับได้อย่างยากลำบากกำลังนั่งไขว่ห้างอยู่บนโซฟา เมื่อได้ยินประโยคนี้ คิดไม่ถึงว่าเขาไม่แม้แต่จะเงยหน้าก็ลั่นวาจานี้ออกมา
เคเหงื่อไหลเต็มหน้า
ตอนบ่ายแป้งร่ำเป็นฝ่ายมาชี้แจงกับเขาแล้ว ทั้งยังอุ้มชินจังมาด้วย ซึ่งบอกว่าเธอไม่อยากให้ลูกชายเล่นเครื่องบินบังคับด้านนอก เลยอุ้มเข้ามา แต่ตอนอุ้มมือหนักไปหน่อย
สุดท้ายเคก็ไม่ได้สนใจเรื่องนี้อีก
ทว่าสิ่งที่ทำให้พวกเขาสองคนคาดไม่ถึงคือ สองชั่วโมงต่อมามีคนมารายงานว่า
“ไม่ดีแล้วครับท่านประธาน ผู้หญิงคนนั้น……กรีดข้อมือของตัวเองครับ”
“นายว่าอะไรนะ?”
ผู้ชายที่กำลังเคลียร์งานหน้าคอมพิวเตอร์ ใบหน้าเย็นชาก็เกิดอารมณ์อื่นขึ้นมมาในบัดดล
กรีดข้อมือเหรอ?
เก่งดีนี่ ไม่หวงแหนชีวิตของตัวเองเลย เธอคิดจะทำอะไรกันแน่?
แสนรักถึงกับหน้าเขียวไปเลย
ไม่กี่นาทีต่อมา เขาก็มาถึงห้องที่ล็อคไว้ เดิมทีคิดว่าจะเห็นท่าทางแยกเขี้ยวยิงฟัน
ทว่ากลับทำให้เขาอึ้ง เมื่อเปิดประตูก็เห็นสิ่งของระเกะระกะเต็มห้อง
ท่ามกลางความยุ่งเหยิงภายในห้อง มีผู้หญิงคนนี้นอนจ้องเหม่อลอยอยู่บนพื้น คล้ายกับดอกไม้ที่เหี่ยวเฉา ห่อเหี่ยวจนชวนให้ตกตะลึงพรึงเพริด
“ขเส้นหมี่ ทำบ้าอะไรอยู่?”
แสนรักตะลึงตะไล กวาดสายตามองเลือดสดที่เจิ่งนองด้านข้างมือเธอ เขาก็รีบพุ่งเข้าไปจับข้อมือเธอ