ตอนที่ 36 ช่างหลอมอาวุธอารมณ์แปรปรวน

ท่านอ๋องผู้โหดร้ายกับหมอปีศาจ

ได้ฟังคำพูดของอาถิงที่แฝงไปด้วยความสงสัย มู่เฉียนซีแทบสะดุดล้มลง มุมปากนางกระตุกขณะเอ่ยคำ “อาถิง เจ้าคิดมากไปแล้ว รีบอาบน้ำนอนเถอะ”

“แต่เป็นเรื่องจริงที่ข้าหลงรักการปรุงยาเพราะเขา” มู่เฉียนซีกล่าวเสริมด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา

“สำเร็จแล้ว”

ที่ห้องยา หลิงซือหลินทำหน้าเหลือเชื่อ

“ท่านผู้นำตระกูล ท่านทำสำเร็จในการปรุงยาเพียงครั้งที่สอง”

อาถิงให้มู่เฉียนซีดูขั้นตอนที่เซียนปรมาจารย์ปรุงยาใช้ ทำให้นางได้รับผลประโยชน์มาไม่น้อย  อีกทั้งนางมีพรสวรรค์ด้านการปรุงยาค่อนข้างดี ปรุงยาในครั้งที่สองจึงสำเร็จด้วยดี

มู่เฉียนซีขลุกอยู่ในห้องปรุงยา ผลลัพธ์ของนางแทบจะทำให้หลิงซือหลินเป็นบ้า

“ยาระดับหนึ่ง ปรุงสำเร็จเต็มสิบส่วน”

“ยาระดับสอง ปรุงสำเร็จเต็มสิบส่วน”

“ยาระดับสาม ก็ปรุงสำเร็จเต็มสิบส่วน”

ท่านผู้นำตระกูลมู่ เริ่มจากที่ไม่เคยปรุงยามาก่อน กลายมาเป็นนักปรุงยารุ่นเยาว์ที่สามารถปรุงยาระดับสามได้สำเร็จ ในประวัติศาสตร์ของทั้งแคว้นจื่อเยี่ย ยังไม่มีนักปรุงยาระดับรุ่นเยาว์ที่ปรุงยาระดับสามได้มาก่อน

ท่านผู้นำตระกูลใช้เวลาเพียงครึ่งวันเท่านั้น น่ากลัวเหลือเกิน… น่ากลัวเกินไปแล้ว

“ท่านผู้นำตระกูล ครึ่งวันมานี้ท่านยังไม่ได้พักผ่อนเลย พักผ่อนหย่อนใจเสียหน่อยเถอะ คลายความเหนื่อยล้า” หลิงซือหลินอดไม่ได้ที่จะกล่าวเตือน

“ใช่ ข้าควรนอน” มู่เฉียนซีกล่าวเบา ๆ นางนำวิธีการปรุงยามาลองทำหมดแล้ว  เวลานี้เหนื่อยล้ายิ่งนัก

“ให้ตายสิ” มู่เฉียนซีเพิ่งนึกได้ว่าตนนัดกับน่าหลานอวี้ไว้  มัวแต่ขลุกอยู่กับการปรุงยาจนลืมไปเสียสนิท

มู่เฉียนซีสั่ง “หลิงซือหลิน เจ้าจัดเก็บห้องยาให้เรียบร้อย เรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ห้ามบอกใครเป็นอันขาดเชียวนะ”

“ขอรับ”

ท่านผู้นำใช้เวลาแค่ครึ่งวันก็สำเร็จเป็นนักปรุงยาขั้นพื้นฐาน พรสวรรค์พิเศษเช่นนี้ หากผู้ใดได้รู้ คงตกใจหน้าหงาย

มู่เฉียนซีรีบเปลี่ยนหน้าตา ลอบออกจากตระกูลมู่ไปอย่างไร้สุ้มเสียง

หมอไป๋รอคอยมู่เฉียนซีที่หน้าประตู เมื่อพบนาง ก็ทำตัวเสมือนพบเห็นญาติตนเอง “คุณชายมู่มาแล้ว นายน้อยคอยท่านนานแล้ว” ทำอย่างไรได้ ทุกหนึ่งเค่อ นายน้อยจะต้องคอยถาม จนท้ายที่สุดไล่ให้เขามารอข้างนอก

มู่เฉียนซีกล่าว “ขอโทษด้วย ที่ทำให้เจ้าต้องคอยนาน”

“มู่ซี เจ้ามาได้สักที ข้าคิดว่าเจ้าจะไม่มาเสียแล้ว”

รอเกือบทั้งวัน ไม่พบเจอชายน้อย เขารู้สึกว่าชายน้อยคนนี้เป็นเพียงจินตนาการอันสวยงามของเขา แล้วจะไม่ปรากฏตัวให้เห็นอีก

มู่เฉียนซีสังเกตน่าหลานอวี้ เขาค่อนข้างที่จะชอบสีขาว

วันนี้ยังคงใส่ชุดคลุมสีขาว ผมยาวดั่งน้ำตกเป็นเส้นสาย ผมถูกม้วนด้วยหยกสีขาว

ใบหน้างดงามดั่งหยก บุคลิกดูสง่ามีราศี ใบหน้าไม่มีรอยยิ้มเสแสร้งเหมือนก่อน กลับจ้องมองนางด้วยอาการตื่นเต้น

มู่เฉียนซียกยิ้ม นางกล่าว “ห่างกันสามวัน คุณชายน่าหลานทำให้ข้าอดใจมองไม่ได้”

น่าหลานอวี้รู้สึกว่าชายน้อยตรงหน้า เวลาไม่ยิ้มยังดี ยามยิ้ม ยากจะหาความงามอื่นใดมาเทียบเทียม

“เจ้ามีความสุขก็ดีแล้ว” น่าหลานอวี้กล่าวด้วยรอยยิ้ม “แน่นอน เป็นแบบนี้ถึงดูมีความสุข”

“รถม้าจัดเตรียมเรียบร้อยแล้ว มู่ซี ตามข้ามาเถอะ”

บ้านประมูลอันดับหนึ่งที่ร่ำรวยที่สุดในเซี่ยโจว รถม้าของนายน้อยน่าหลานอวี้คนนี้ …วิจิตรตระการตา

ม้าที่ใช้ลากรถคือม้าเสวี่ยหลิง เป็นม้าพันธุ์บริสุทธิ์ที่สุดของเซี่ยโจว มีความใกล้เคียงกับสัตว์วิญญาณ ประมาณราคามิได้

ภายในรถม้ามีพื้นที่กว้างขวาง ดูสะดวกสบาย เพราะน่าหลานอวี้ออกไปข้างนอกบ่อย ภายในจึงวางเบาะรองนั่งเตรียมไว้ เบาะรองนั่งนี้ถูกปกคลุมไปด้วยผ้าขาวราวกับหิมะ

มู่เฉียนซีเห็นพลันตาลุกวาว รีบไปจับจองที่นั่งอย่างเด็กตื่นเต้นเมื่อเห็นของชอบ  หมอไป๋ห้ามไว้ไม่ทัน “อ๊ะ! คุณชายมู่…”

ที่นั่งนั้นเป็นที่นั่งประจำตัวของนายน้อย ไม่ใช่ใครที่จะมาสัมผัสได้ง่าย ๆ

น่าหลานอวี้เตือนหมอไป๋ด้วยสายตาอาบน้ำแข็ง  หมอไป๋รีบหุบปาก นายน้อยไม่มีท่าทีโมโห เขาก็ต้องตามใจชายน้อยมู่ผู้นั้น   ตั้งแต่ตอนที่นายน้อยโดนชายน้อยมู่วางยาพิษ ก็เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม

มู่เฉียนซียิ้ม “ที่ตรงนี้ข้าจับจองแล้ว ตอนนี้ข้าเหนื่อยยิ่งนัก เหนื่อยใจแทบขาดวิ่น”

สองสามวันมานี้ปรุงยาไม่ได้หลับไม่ได้นอน และรีบมาที่บ้านประมูลอันดับหนึ่ง ร่างกายมู่เฉียนซีที่เคยอยู่อย่างสุขสบายไม่สามารถรับสภาพนี้ไหว

น่าหลานอวี้ยิ้มขำกับวาจาสำนวนการบ่นอันแปลกประหลาดของชายน้อยมู่ “อืม มู่ซีพักผ่อนให้สบายเถอะ ถึงที่แล้วข้าจะเรียกเจ้า”

“ได้ ขอบคุณเจ้ามาก”

นายน้อยแห่งบ้านประมูลเหลือบมองมู่เฉียนซีนอนหลับอย่างวางใจ  มู่ซีเชื่อใจในตัวเขาขนาดนี้เลยหรือ ?

น่าหลานอวี้อึ้งไป อยู่ในสภาพแวดล้อมหลอกลวงมาตั้งแต่เด็ก ถึงแม้เป็นท่านพ่อของเขายังไม่เคยเชื่อใจเขาเพียงนี้  แต่ชายหนุ่มที่เคยพบหน้ากันเพียงแค่สองครั้งกลับเชื่อมั่นในตัวเขา มาหลับต่อหน้าเขา… และในรถม้าของเขา

รอยยิ้มอบอุ่นปรากฏที่มุมปาก ถูกคนเชื่อถือเป็นความรู้สึกที่ไม่เลว

มู่เฉียนซีนอนอย่างไร้กังวล  นางเหนื่อยมาก นางวางใจเพราะยังมีอาถิง หากเกิดเหตุการณ์อันตรายใด ๆ อาถิงจะคอยเตือนนาง ชีวิตทั้งสองเชื่อมโยงอยู่ด้วยกัน อาถิงไม่เคยที่จะไม่สนใจความเป็นตวามตายของนาง

มู่เฉียนซีตื่นขึ้น เพราะนางรู้สึกร้อน  ลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นดวงตาอันอบอุ่นคู่หนึ่ง

น่าหลานอวี้กล่าว “คุณชายมู่ เจ้าตื่นแล้ว”

“อืม ข้าตื่นแล้ว เรียกว่าว่ามูซีให้ตลอดสิ ไม่ต้องพิธีรีตองอันใดหรอก แต่ทำไมถึงร้อนอย่างนี้เล่า  ที่นี่ที่ไหนกัน ?”

“ที่นี่คือเขาเหยียนหลง พวกเรามาหาช่างทำอาวุธท่านนั้นที่ข้าเคยกล่าวถึง  เขาอาศัยอยู่ที่นี่แหละ” น่าหลานอวี้อธิบาย

“ภูเขาเหยียนหลง” มู่เฉียนซีพึมพำ

นางเคยดูบันทึกประวัติของภูเขาเหยียนหลง  เล่ากันว่าบนภูเขามีชายคนหนึ่งที่มีนิสัยอันแปลกประหลาด ใครก็ไม่สามารถเข้าใกล้ได้  หากไม่ได้น่าหลานอวี้พานางมา ก็คงไม่รู้ว่าบุคคลที่ยิ่งใหญ่ผู้นั้นเป็นช่างหลอมอาวุธ

น่าหลานอวี้พามู่เฉียนซีขึ้นเขามาบนยอดเขา  มีบ้านเหล็กตั้งอยู่

“ใคร ?”

เสียงแหบพร่าดังออกมา น่าหลานอวี้ยิ้มมาตรฐานตามแบบฉบับของเขาอีกครั้ง เขาเอ่ยขึ้น “ข้าน้อยน่าหลานอวี้ อยากเชิญท่านผู้อาวุโสฮั่วอวิ๋น หลอมอาวุธวิญญาณให้สักชิ้นหนึ่ง ข้อแม้ตามแต่ที่ท่านอาวุโสเรียกร้องขอมา”

“เจ้าเด็กน่าหลาน ข้าจะบอกเจ้าให้ว่าข้าไม่หลอมอาวุธแล้ว  แม้ตระกูลน่าหลานจะร่ำรวยเพียงใด มีสิ่งของล้ำค่ามากมาย ข้าก็ไม่หลอม  รีบออกไปได้แล้ว ข้าเห็นแก่ตระกูลน่าหลานของพวกเจ้า ไม่เช่นนั้นข้าจะเผาพวกเจ้าให้เป็นผุยผง”

ฮั่วอวิ๋นเหมือนกับโดนคนเหยียบลงบนจุดที่เจ็บปวดที่สุดก็ไม่ปาน เกิดอารมณ์ขุ่นมัวพลันด่าทอ

“ท่านผู้อาวุโสฮั่วอวิ๋น ข้าน้อยมาร้องขอให้ท่านช่วยด้วยความจริงใจ อยากได้อะไรแล้วแต่ท่าน ขอเพียงตระกูลน่าหลานของพวกข้าสามารถทำได้”

“ออกไป! หากเจ้าพูดอีกคำ ข้าจะฆ่าเจ้าเสีย”

พริบตาเดียว รังสีสังหารคืบคลานเข้าใส่ชายน้อยทั้งสอง

มู่เฉียนซีหรี่ตาลง ชายชราคนนี้อารมณ์แปลกประหลาดนัก  มีระดับราชาภูตขั้นเก้า ไม่แตกต่างจากท่านอาเล็กของนางเท่าไหร่

แม้เป็นแคว้นที่อ่อนแอที่สุดในเซี่ยโจว ก็มีผู้มีวิทยายุทธอันล้ำเลิศไม่น้อย

ในประเทศที่ถือการต่อสู้เป็นใหญ่ อำนาจเป็นสิ่งสำคัญสูงสุด  นางจำเป็นต้องแข็งแกร่งโดยไว มิใช่เพราะท่านอาเล็กเป็นยอดฝีมืออันดับหนึ่งของแคว้นจื่อเยี่ยก็ไม่หวาดกลัวสิ่งใด

ไม่แน่บางทีแคว้นนี้ นอกจากซวนหยวนจิ่วเยี่ยกับพ่อบ้านไป๋ อาจจะมีคนที่ร้ายกาจกว่าท่านอาเล็กแอบซ่อนอยู่ก็เป็นได้

เพราะรู้สึกถึงภยันตรายนี้  วันนี้ นางจำต้องจัดการกับเจ้าคนอารมณ์แปลกประหลาด ให้เขาจำยอมหลอมอาวุธให้นาง

เดิมพันกัน!

น่าหลานอวี้หมดหนทาง  เขากล่าว “มู่ซี ข้าต้องขอโทษด้วย เดิมทีข้าคิดว่ามีโอกาส แต่ไม่คิดว่าท่านอาวุโสฮั่วอวิ๋นนับวันอารมณ์ยิ่งแปรปรวนขึ้น  ข้าทำให้เจ้าต้องผิดหวังแล้ว”

มู่เฉียนซีแกล้งเอ่ยวาจา หวังหยอกเย้ายั่วอารมณ์คนอาวุโสข้างใน

“แน่นอนชายชราผู้นี้อารมณ์ไม่ดี เขาใกล้จะตายแล้วจะมีอารมณ์ที่ดีได้เยี่ยงไร ?”

ทันใดนั้น เสียงเกี้ยวกราดดังขึ้นมา “เด็กน้อย เมื่อกี๊เจ้าพูดว่าอะไร ?!”

.